จัดการประวัติตำแหน่งของ iPhone และ iPad

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การตั้งค่าประวัติตำแหน่งจะเปลี่ยนชื่อเป็นไทม์ไลน์ หากเปิดประวัติตำแหน่งในบัญชี คุณอาจเห็นไทม์ไลน์ในการตั้งค่าบัญชีและแอป ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ประวัติตำแหน่งเป็นการตั้งค่าบัญชี Google ที่สร้างไทม์ไลน์ ซึ่งเป็นแผนที่ส่วนบุคคลที่ช่วยให้คุณจำสถานที่ เส้นทาง และการเดินทางที่เคยไปได้ ประวัติตําแหน่งจะทํางานในกรณีต่อไปนี้

  • คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ไว้
  • ประวัติตําแหน่งเปิดอยู่
  • การรายงานตําแหน่งเปิดอยู่

สำคัญ: ระบบอาจใช้ตำแหน่งอุปกรณ์ของคุณอยู่เบื้องหลังเป็นระยะๆ ด้วย เมื่อประวัติตำแหน่งเปิดอยู่ แม้ตอนที่ไม่ได้ใช้งานแอป Google ระบบก็จะบันทึกตำแหน่งที่แน่นอนไว้ในอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์ของ Google อย่างสม่ำเสมอ

เมื่อประวัติตำแหน่งเปิดอยู่ คุณอาจได้รับประโยชน์มากมายจากผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของ Google เช่น 

  • แผนที่ที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
  • คำแนะนำตามสถานที่ที่คุณเคยไป 
  • ความช่วยเหลือในการค้นหาสิ่งต่อไปนี้
    • โทรศัพท์ของคุณ 
    • การอัปเดตการจราจรแบบเรียลไทม์สำหรับการเดินทาง

ประวัติตำแหน่งของบัญชี Google จะปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น คุณต้องเลือกใช้เพื่อเปิดประวัติตำแหน่ง

  • คุณปิดประวัติตำแหน่งได้ทุกเมื่อในส่วนควบคุมกิจกรรมของบัญชี Google
  • คุณเป็นผู้ควบคุมสิ่งที่บันทึกไว้ในประวัติตำแหน่ง คุณดูสถานที่ต่างๆ ที่เคยไปได้จากไทม์ไลน์ใน Google Maps ซึ่งจะแก้ไขหรือใช้ในการลบประวัติตำแหน่งได้

ดูและจัดการประวัติตำแหน่งในไทม์ไลน์

  1. ไปที่ไทม์ไลน์
  2. ที่ด้านซ้ายบน ให้เลือกระยะเวลาที่ต้องการดู

ลบประวัติตำแหน่ง

คุณจัดการและลบข้อมูลประวัติตำแหน่งได้ด้วยไทม์ไลน์ของ Google Maps โดยจะเลือกลบประวัติทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้

ข้อมูลสำคัญ: เมื่อลบข้อมูลประวัติตำแหน่งออกจากไทม์ไลน์แล้ว คุณจะไม่เห็นข้อมูลนั้นอีก

ใช้แอป Google Maps

ลบประวัติตำแหน่งทั้งหมด

  1. เปิดแอป Google Maps Google Maps ใน iPhone หรือ iPad
  2. แตะ รูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ วงกลมบัญชี จากนั้น ไทม์ไลน์ของคุณ ไทม์ไลน์
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะเพิ่มเติม เพิ่มเติมแล้ว การตั้งค่า
  4. ในส่วน "การตั้งค่าตำแหน่ง" ให้แตะลบประวัติตำแหน่งทั้งหมด
  5. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ

ลบช่วงเวลาหนึ่งในประวัติตำแหน่ง

  1. เปิดแอป Google Maps Google Maps ใน iPhone หรือ iPad
  2. แตะ รูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ วงกลมบัญชี จากนั้น ไทม์ไลน์ของคุณ ไทม์ไลน์
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะเพิ่มเติม เพิ่มเติมแล้ว การตั้งค่า
  4. ในส่วน "การตั้งค่าตำแหน่ง" ให้แตะลบช่วงเวลาในประวัติตำแหน่ง
  5. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ

ลบข้อมูลของวันหนึ่งออกจากประวัติตำแหน่ง

  1. เปิดแอป Google Maps Google Maps ใน iPhone หรือ iPad
  2. แตะ รูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ วงกลมบัญชี จากนั้น ไทม์ไลน์ของคุณ ไทม์ไลน์
  3. แตะ "แสดงปฏิทิน" แสดงปฏิทิน
  4. เลือกวันที่ต้องการลบ
  5. แตะเพิ่มเติม เพิ่มเติม แล้ว ลบวัน
  6. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ

ลบจุดแวะออกจากประวัติตำแหน่ง

  1. เปิดแอป Google Maps Google Maps ใน iPhone หรือ iPad
  2. แตะ รูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ วงกลมบัญชี จากนั้น ไทม์ไลน์ของคุณ ไทม์ไลน์
  3. แตะ "แสดงปฏิทิน" แสดงปฏิทิน
  4. เลือกวันที่มีจุดแวะซึ่งคุณจะลบ
  5. แตะจุดแวะที่ต้องการลบ แล้ว ลบ ลบ
  6. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ
ใช้เว็บเบราว์เซอร์

ลบประวัติตำแหน่งทั้งหมด

  1. เปิดไทม์ไลน์ Google Maps ในเว็บเบราว์เซอร์
  2. แตะ "ลบ" ลบ
  3. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ

ลบข้อมูลของวันหนึ่งออกจากประวัติตำแหน่ง

  1. เปิดไทม์ไลน์ Google Maps ในเว็บเบราว์เซอร์
  2. เลือกปี เดือน และวันที่จะลบ
  3. แตะ "ลบ" ลบ
  4. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ

ลบจุดแวะออกจากประวัติตำแหน่ง

  1. เปิดไทม์ไลน์ Google Maps ในเว็บเบราว์เซอร์
  2. เลือกปี เดือน และวันที่จะลบ
  3. ข้างๆ จุดแวะที่ต้องการลบ ให้แตะเพิ่มเติม เพิ่มเติม แล้ว นำจุดแวะออกจากวัน
  4. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ

ลบประวัติตำแหน่งโดยอัตโนมัติ

คุณเลือกลบประวัติตําแหน่งที่เก่ากว่า 3 เดือน, 18 เดือน หรือ 36 เดือนโดยอัตโนมัติได้

  1. เปิดแอป Google Maps Google Maps ใน iPhone หรือ iPad
  2. แตะ รูปโปรไฟล์หรือชื่อย่อ วงกลมบัญชี จากนั้น ไทม์ไลน์ของคุณ ไทม์ไลน์
  3. ที่ด้านขวาบน ให้แตะเพิ่มเติม เพิ่มเติม แล้ว การตั้งค่า
  4. ในส่วน "การตั้งค่าตำแหน่ง" ให้แตะลบประวัติตำแหน่งโดยอัตโนมัติ
  5. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ

จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่คุณลบประวัติตำแหน่งไปบางส่วนหรือทั้งหมด

หากคุณลบประวัติตำแหน่งไปบางส่วนหรือทั้งหมด ประสบการณ์การใช้งานบางอย่างใน Google ที่ปรับให้เหมาะกับคุณอาจมีประสิทธิภาพน้อยลงหรือหายไปเลย เช่น

  • คุณอาจไม่ได้รับคำแนะนำที่อิงตามสถานที่ที่เคยไป
  • คุณอาจไม่ได้รับข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับเวลาที่ควรออกเดินทางกลับบ้านหรือออกไปทํางานเพื่อเลี่ยงรถติด

ข้อมูลสำคัญ: หากคุณเปิดการตั้งค่าอื่นๆ ไว้ เช่น กิจกรรมบนเว็บและแอป และหยุดใช้ประวัติตำแหน่งชั่วคราวหรือลบข้อมูลตำแหน่งออกจากประวัติตำแหน่ง อาจยังมีการบันทึกข้อมูลตำแหน่งลงในบัญชี Google โดยเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เว็บไซต์ แอป และบริการอื่นๆ ของ Google เช่น อาจมีการบันทึกข้อมูลตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมใน Search และ Maps เมื่อการตั้งค่ากิจกรรมบนเว็บและแอปเปิดอยู่ และรวมอยู่ในรูปภาพของคุณโดยขึ้นอยู่กับการตั้งค่าแอปกล้องถ่ายรูป กิจกรรมนี้อาจรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับตําแหน่งของคุณจากพื้นที่ทั่วไปและที่อยู่ IP ของอุปกรณ์

คุณเป็นผู้ควบคุมการใช้งาน โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลและการตั้งค่าทั้งหมดที่เลือกไว้ที่นี่ได้เสมอโดยไปที่ activity.google.com หรือไทม์ไลน์

เปิดหรือปิดประวัติตำแหน่ง

คุณปิดประวัติตำแหน่งของบัญชีได้ทุกเมื่อ หากคุณใช้บัญชีของที่ทำงานหรือโรงเรียน ผู้ดูแลระบบต้องให้สิทธิ์เข้าถึงการตั้งค่านี้แก่คุณก่อน เมื่อให้สิทธิ์แล้ว คุณก็จะใช้ประวัติตำแหน่งเหมือนผู้ใช้คนอื่นๆ ได้

  1. เปิดแอป Google แอป Google
  2. ที่ด้านขวาบน ให้แตะรูปภาพบัญชี จากนั้น จัดการบัญชี Google โดยอาจต้องลงชื่อเข้าใช้
  3. แตะข้อมูลและความเป็นส่วนตัวที่ด้านบน
  4. เลื่อนไปที่ "การตั้งค่าประวัติ"
  5. แตะประวัติตำแหน่ง
  6. เปิดหรือปิดประวัติตำแหน่ง หากปิดประวัติตำแหน่ง ให้ยืนยันและแตะหยุดชั่วคราว จากนั้น ตกลง

หากคุณใช้เบราว์เซอร์ ให้ไปที่ส่วนประวัติตำแหน่งของบัญชี Google โดยอาจต้องลงชื่อเข้าใช้ เปิดหรือปิดประวัติตำแหน่ง

เมื่อประวัติตำแหน่งเปิดอยู่

  • เมื่อเปิดประวัติตำแหน่งไว้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้งานแอป Google อยู่ ระบบจะบันทึกตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ไว้เป็นประจำในที่ต่อไปนี้
    • อุปกรณ์ของคุณ
    • เซิร์ฟเวอร์ของ Google
  • หากต้องการดูอุปกรณ์ที่เปิดการรายงานตำแหน่งไว้ ในส่วน "Google ประวัติตำแหน่ง" ให้แตะ "อุปกรณ์ในบัญชีนี้"
    • หากต้องการเปิดประวัติตำแหน่งใน iPhone หรือ iPad โปรดให้สิทธิ์แอป Google ในการดูตำแหน่งของคุณ โดยเปิดการตั้งค่าของอุปกรณ์ จากนั้นแตะ Google and then ตำแหน่ง เลือก "ทุกครั้ง"
  • คุณเปลี่ยนการตั้งค่าการรายงานตำแหน่งของอุปกรณ์แต่ละเครื่องที่คุณลงชื่อเข้าใช้และจำกัดอุปกรณ์ที่จะให้ข้อมูลตำแหน่งเพื่อรวมไว้ในประวัติตำแหน่งได้ หากต้องการเปลี่ยนการตั้งค่าประวัติตำแหน่ง คุณอาจเลือกที่จะทำดังต่อไปนี้
    • รายงานตำแหน่งจากอุปกรณ์บางเครื่องเท่านั้น
    • รายงานตำแหน่งจากอุปกรณ์ทุกเครื่อง
    • ปิดประวัติตำแหน่งของบัญชี Google โดยจะไม่มีการรายงานตำแหน่งจากอุปกรณ์ใดเลย และจะไม่มีการบันทึกประวัติตำแหน่งใหม่ลงในบัญชีของคุณ
  • การตั้งค่าสำหรับบริการตำแหน่งอื่นๆ ในอุปกรณ์ เช่น บริการตำแหน่งของ Google, การแชร์ตำแหน่ง และบริการหาอุปกรณ์ของฉัน จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อประวัติตำแหน่งปิดอยู่

  • ระบบจะไม่บันทึกตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ไว้ในประวัติตำแหน่งเป็นประจํา
  • ระบบจะไม่ลบกิจกรรมก่อนหน้าออกจากประวัติตำแหน่ง โดยคุณจะลบประวัติตำแหน่งด้วยตนเองได้
  • การตั้งค่าสำหรับบริการตำแหน่งอื่นๆ ในอุปกรณ์ เช่น บริการตำแหน่งของ Google, การแชร์ตำแหน่ง และบริการหาอุปกรณ์ของฉัน จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
  • ข้อมูลตำแหน่งบางอย่างอาจยังบันทึกลงในการตั้งค่าอื่นๆ ต่อไป เช่น กิจกรรมบนเว็บและแอป โดยเป็นส่วนหนึ่งของการใช้บริการอื่นๆ เช่น Search และ Maps แม้จะปิดประวัติตำแหน่งไปแล้ว กิจกรรมบนเว็บและแอปอาจรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของคุณจากพื้นที่ทั่วไปและที่อยู่ IP ของอุปกรณ์

ปัญหาที่พบได้ทั่วไปเกี่ยวกับบริการตำแหน่ง

ความพร้อมใช้งาน

ประวัติตำแหน่งอาจใช้ไม่ได้ในกรณีต่อไปนี้

  • ไม่พร้อมใช้งานในภูมิภาคของคุณ
  • อายุของคุณไม่ตรงตามข้อจำกัดอายุ
  • บัญชี Google ของคุณเป็นบัญชีจากที่ทำงาน โรงเรียน หรือกลุ่มอื่น ผู้ดูแลระบบอาจจำเป็นต้องทำให้คุณใช้การตั้งค่านี้ได้
  • คุณปิดบริการตำแหน่งหรือการรีเฟรชแอปในเบื้องหลังไว้
การรีเฟรชแอปในเบื้องหลัง

ประวัติตำแหน่งจะทำงานได้อย่างถูกต้องหากตั้งค่าบริการตำแหน่งเป็นทุกครั้งและเปิดการรีเฟรชแอปในเบื้องหลังไว้เท่านั้น

  • บริการตำแหน่งใช้ GPS, ฮอตสปอต Wi-Fi และเสาเครือข่ายมือถือเพื่อระบุตำแหน่งของคุณ
  • การรีเฟรชแอปในเบื้องหลังทำให้การรายงานตำแหน่งทำงานได้เมื่อคุณไม่ได้ใช้งานแอป Google อยู่ในขณะนั้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีจัดการบริการตำแหน่งและการรีเฟรชแอปในเบื้องหลัง

การใช้อินเทอร์เน็ต

ประวัติตำแหน่งอาจใช้อินเทอร์เน็ตปริมาณมาก โปรดตรวจสอบแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตของอุปกรณ์ก่อนใช้ฟีเจอร์นี้

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
16235510563055179955
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
70975
false
false