เมื่อใช้แคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าถึงผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันเป็นจำนวนมากขึ้น หรือเน้นเข้าถึงผู้ใช้โดยแสดงให้เห็นข้อความทั้งหมดที่ต้องการสื่อสาร ใบทความนี้จะอธิบายวิธีสร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับเป้าหมายการเข้าถึงของคุณ
ก่อนเริ่มต้น
เมื่อสร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ คุณสามารถเลือกวิธีที่ต้องการบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นตัวกําหนดรูปแบบโฆษณาที่ใช้ได้
- "การเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ" ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำได้มากขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงโดยใช้โฆษณาบัมเปอร์ โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้ หรือการผสมผสานรูปแบบโฆษณาทั้งสองเข้าด้วยกัน (ไม่บังคับ) ในแคมเปญเดียวกัน หากคุณเปิดใช้ "โฆษณาแบบ Multi-Format" คุณก็จะใช้โฆษณาในฟีดและโฆษณา Shorts ได้ด้วยเพื่อให้เข้าถึงได้มากขึ้นตามงบประมาณที่ตั้งไว้
- "ในสตรีมแบบข้ามไม่ได้" ช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยแสดงให้เห็นข้อความทั้งหมดที่ต้องการสื่อสาร
- "ความถี่เป้าหมายที่ต้องการ" ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ใช้กลุ่มเดิมได้ตามจำนวนครั้งที่กำหนดในแต่ละสัปดาห์โดยใช้โฆษณาบัมเปอร์ โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้ และโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้
เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญระหว่างที่สร้าง
ขณะสร้างแคมเปญ คุณอาจได้รับการแจ้งเตือนตามการตั้งค่าที่เลือก ซึ่งแจ้งให้คุณทราบถึงปัญหาที่อาจทําให้ประสิทธิภาพลดลงหรืออาจมีความร้ายแรงมากพอที่จะทําให้ไม่สามารถเผยแพร่แคมเปญได้
เมนูการนําทางสำหรับสร้างแคมเปญซึ่งปรากฏขึ้นขณะที่คุณสร้างแคมเปญแสดงภาพรวมของความคืบหน้าในการสร้าง และแสดงการแจ้งเตือนที่คุณอาจต้องจัดการ เลื่อนไปมาระหว่างขั้นตอนต่างๆ ในเมนูการนําทางเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการกําหนดเป้าหมาย การเสนอราคา งบประมาณ หรือการตั้งค่าแคมเปญอื่นๆ อย่างง่ายดาย ดูวิธีสร้างแคมเปญให้ประสบความสําเร็จ
วิธีการ
สร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอเพื่อการเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ (โดยใช้โฆษณาบัมเปอร์ โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้ โฆษณาในฟีด โฆษณา Shorts หรือผสมผสานกัน)
ดูวิดีโอแนะนำของ Google Ads เพื่อศึกษาวิธีสร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโออย่างมีประสิทธิภาพ
สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู แล้วคลิกแคมเปญ
- คลิกปุ่มบวก แล้วเลือกแคมเปญใหม่
- เลือกวัตถุประสงค์การรับรู้และการพิจารณา
- เลือกประเภทแคมเปญวิดีโอ
- เลือกประเภทย่อยของแคมเปญเป็นเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ
- สำหรับวิธีที่ต้องการบรรลุเป้าหมาย ให้เลือกการเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ
- คลิกต่อไป
- เลือกวิธีที่ต้องการซื้อโฆษณาโดยเลือกการประมูลหรือการจอง
- ป้อนชื่อแคมเปญ
- (แนะนำ) เราขอแนะนำให้เปิดใช้โฆษณาแบบ Multi-Format โดยเลือกช่อง "เข้าถึงผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำได้มากขึ้นด้วยโฆษณาวิดีโอแบบ Multi-Format" ในส่วน "โฆษณาแบบ Multi-Format"
- หมายเหตุ: ในส่วนนี้ คุณสามารถเลือกพื้นที่โฆษณาที่ต้องการให้แคมเปญแสดงได้ โฆษณาที่ใช้ได้ ได้แก่ โฆษณาในสตรีม (บัมเปอร์ ข้ามได้) โฆษณาในฟีด และโฆษณา Shorts คุณต้องเลือกพื้นที่โฆษณาอย่างน้อย 1 รายการ เราขอแนะนำให้ใช้พื้นที่โฆษณาทั้ง 3 รายการ เนื่องจากจะเพิ่ม Unique Reach ให้กับแคมเปญของคุณได้
- ป้อนรายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญ เช่น กลยุทธ์การเสนอราคาและงบประมาณ
- (ไม่บังคับ) หากต้องการจํากัดจํานวนครั้งที่โฆษณาจะแสดงต่อผู้ใช้รายเดียวกัน ให้คลิกการตั้งค่าเพิ่มเติม แล้วคลิกความถี่สูงสุดในการแสดงผลในส่วน "การกําหนดความถี่สูงสุด" เมื่อกําหนดความถี่สูงสุดในการแสดงผล ให้ป้อนจํานวนการแสดงผลสูงสุดที่คุณต้องการและกําหนดความถี่ต่อวัน ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน
- ป้อนชื่อกลุ่มโฆษณา
- เลือกกลุ่มข้อมูลประชากรและกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้กลุ่มโฆษณาเข้าถึง
- เลือกคีย์เวิร์ด หัวข้อ และตำแหน่งที่ต้องการให้โฆษณาแสดง
- กำหนดราคาเสนอ CPM เป้าหมาย
ดูค่าประมาณการแสดงผลที่เป็นไปได้และประสิทธิภาพโดยประมาณในวิดเจ็ต "ค่าประมาณของแคมเปญ" ประสิทธิภาพโดยประมาณคือชุดค่าผสมของการกําหนดเป้าหมาย งบประมาณ และราคาเสนอ ซึ่งคุณสามารถปรับการตั้งค่าแคมเปญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โปรดทราบว่าหากเสนอราคาต่ำเกินไป แคมเปญอาจทํางานได้ไม่ดีในการประมูลของ Google Ads และคุณอาจใช้งบประมาณที่ตั้งไว้ได้ไม่หมด ค่าประมาณจะแสดงต่อเมื่อคุณเพิ่มรูปแบบโฆษณาอย่างน้อย 1 รูปแบบในแคมเปญ
นอกจากนี้ การกำหนดราคาเสนอที่ต่ำเกินไปเมื่อมีการเปิดใช้โฆษณาหลายรูปแบบอาจทำให้โฆษณาไม่แสดงในรูปแบบที่เลือกไว้ทั้งหมด
- ใช้ตัวแก้ไขเพื่อสร้างโฆษณา
- วิดีโอ YouTube: ค้นหาวิดีโอที่คุณอัปโหลดหรือวาง URL ของวิดีโอจาก YouTube เมื่อคุณระบุ URL ของวิดีโอ Google Ads จะกําหนดรูปแบบโฆษณาวิดีโอโดยอัตโนมัติตามความยาวของวิดีโอ
- URL สุดท้าย: ระบุ URL สุดท้าย ซึ่งเป็นหน้า Landing Page ที่ผู้ใช้เข้าชมเมื่อโต้ตอบกับโฆษณา
- URL ที่แสดง: ระบุ URL ที่แสดงซึ่งเป็นที่อยู่เว็บไซต์ที่แสดงในโฆษณา (สูงสุด 255 อักขระ)
- [ไม่บังคับ] คำกระตุ้นให้ดำเนินการ: ป้อนคำกระตุ้นให้ดำเนินการที่กระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกโฆษณา (สูงสุด 10 อักขระ)
- [ไม่บังคับ] บรรทัดแรกแบบสั้นเพื่อกระตุ้นให้ดำเนินการ: ป้อนบรรทัดแรกที่มีคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (สูงสุด 15 อักขระ) หากต้องการ
- บรรทัดแรกแบบยาว: เมื่อใช้โฆษณาแบบ Multi-Format คุณต้องป้อนบรรทัดแรกที่โปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการ (สูงสุด 90 อักขระ)
- คำอธิบาย: เมื่อใช้โฆษณาแบบ Multi-Format คุณต้องป้อนคำอธิบายที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ (สูงสุด 90 อักขระ)
- คลิกตัวเลือก URL ของโฆษณา (ขั้นสูง) เพื่อเพิ่มเทมเพลตการติดตาม, คำต่อท้าย URL สุดท้าย หรือพารามิเตอร์ที่กำหนดเองให้แก่ URL สุดท้าย
- เลือกรูปภาพที่ระบบสร้างโดยอัตโนมัติจากวิดีโอในช่อง YouTube (แนะนำ) หรือรูปภาพที่คุณอัปโหลดด้วยตนเองเป็นแบนเนอร์ที่แสดงร่วมกัน ทั้งนี้แบนเนอร์ที่แสดงร่วมกันจะปรากฏในคอมพิวเตอร์เท่านั้น
- ป้อนชื่อโฆษณา
- หากต้องการสร้างโฆษณาอื่นในแคมเปญเดียวกัน ให้คลิกโฆษณาวิดีโอใหม่
-
เมื่อเสร็จแล้วให้คลิกสร้างแคมเปญ
คุณเพิ่มโฆษณาลงในแคมเปญได้หลังจากสร้างแล้ว หากต้องการดําเนินการดังกล่าว ให้ไปที่หน้า "โฆษณา" ใน Google Ads เลือกปุ่มบวก และเลือกโฆษณาวิดีโอ เมื่อเลือก "การเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ" คุณจะสามารถเพิ่มได้เฉพาะโฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้หรือโฆษณาบัมเปอร์ลงในแคมเปญ
สร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอที่มีโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู แล้วคลิกแคมเปญ
- คลิกปุ่มบวก แล้วเลือกแคมเปญใหม่
- เลือกวัตถุประสงค์การรับรู้และการพิจารณา
- เลือกประเภทแคมเปญวิดีโอ
- เลือกประเภทย่อยของแคมเปญเป็นเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ
- สำหรับวิธีที่คุณต้องการบรรลุเป้าหมาย ให้เลือกโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้
- คลิกต่อไป
- เลือกวิธีที่ต้องการซื้อโฆษณาโดยเลือกการประมูลหรือการจอง
- ป้อนชื่อแคมเปญ
- ป้อนรายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญ เช่น กลยุทธ์การเสนอราคาและงบประมาณ
- (ไม่บังคับ) หากต้องการจํากัดจํานวนครั้งที่โฆษณาจะแสดงต่อผู้ใช้รายเดียวกัน ให้คลิกการตั้งค่าเพิ่มเติม แล้วคลิกความถี่สูงสุดในการแสดงผลในส่วน "การกําหนดความถี่สูงสุด" เมื่อกําหนดความถี่สูงสุดในการแสดงผล ให้ป้อนจํานวนการแสดงผลสูงสุดที่คุณต้องการและกําหนดความถี่ต่อวัน ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน
- (ไม่บังคับ) หากต้องการเพิ่มฟีดผลิตภัณฑ์ลงในแคมเปญ ให้ขยายช่อง "ฟีดผลิตภัณฑ์" แล้วคลิกช่องทําเครื่องหมาย
- ป้อนชื่อกลุ่มโฆษณา
- เลือกกลุ่มข้อมูลประชากรและกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้กลุ่มโฆษณาเข้าถึง
- เลือกคีย์เวิร์ด หัวข้อ และตำแหน่งที่ต้องการให้โฆษณาแสดง
- กำหนดราคาเสนอ CPM เป้าหมาย
ดูค่าประมาณการแสดงผลที่เป็นไปได้และประสิทธิภาพโดยประมาณในวิดเจ็ต "ค่าประมาณของแคมเปญ" ประสิทธิภาพโดยประมาณคือชุดค่าผสมของการกําหนดเป้าหมาย งบประมาณ และราคาเสนอ ซึ่งคุณสามารถปรับการตั้งค่าแคมเปญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โปรดทราบว่าหากเสนอราคาต่ำเกินไป แคมเปญอาจทํางานได้ไม่ดีในการประมูลของ Google Ads และคุณอาจใช้งบประมาณที่ตั้งไว้ได้ไม่หมด
- ใช้ตัวแก้ไขเพื่อสร้างโฆษณา
- วิดีโอ YouTube: ค้นหาวิดีโอที่คุณอัปโหลดหรือวาง URL ของวิดีโอจาก YouTube เมื่อคุณระบุ URL ของวิดีโอ Google Ads จะกําหนดรูปแบบโฆษณาวิดีโอโดยอัตโนมัติตามความยาวของวิดีโอ
- URL สุดท้าย: ระบุ URL สุดท้าย ซึ่งเป็นหน้า Landing Page ที่ผู้ใช้เข้าชมเมื่อโต้ตอบกับโฆษณา
- URL ที่แสดง: ระบุ URL ที่แสดงซึ่งเป็นที่อยู่เว็บไซต์ที่แสดงในโฆษณา (สูงสุด 255 อักขระ)
- คํากระตุ้นการตัดสินใจ: ป้อนคํากระตุ้นการตัดสินใจที่กระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกโฆษณา (สูงสุด 10 อักขระ)
- บรรทัดแรก: ป้อนบรรทัดแรกที่โปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการ (สูงสุด 15 อักขระ)
- (ไม่บังคับ) คลิกตัวเลือก URL ของโฆษณา (ขั้นสูง) เพื่อเพิ่มเทมเพลตการติดตาม, คำต่อท้าย URL สุดท้าย หรือพารามิเตอร์ที่กำหนดเองให้แก่ URL สุดท้าย
- เลือกรูปภาพที่ระบบสร้างโดยอัตโนมัติจากวิดีโอในช่อง YouTube (แนะนำ) หรือรูปภาพที่คุณอัปโหลดด้วยตนเองเป็นแบนเนอร์ที่แสดงร่วมกัน ทั้งนี้แบนเนอร์ที่แสดงร่วมกันจะปรากฏในคอมพิวเตอร์เท่านั้น
- ป้อนชื่อโฆษณา
- หากต้องการสร้างโฆษณาอื่นในแคมเปญเดียวกัน ให้คลิกโฆษณาวิดีโอใหม่
- เมื่อเสร็จแล้วให้คลิกสร้างแคมเปญ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอซึ่งมีความถี่เป้าหมายที่ต้องการเพื่อเข้าถึงผู้ใช้รายเดียวกันหลายครั้ง