สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา
การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีแนวโน้มจะทํา Conversion ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแคมเปญ การกําหนดเป้าหมายรูปแบบนี้จะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มเป้าหมายที่คุณเลือกเองในแคมเปญ เพื่อค้นหากลุ่มเป้าหมายที่คุณอาจยังไม่ได้เข้าถึงและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ คุณสามารถเปิดการกําหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพในกลุ่มโฆษณาและรวมกลุ่มข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งเป็นคําแนะนําแทนการกําหนดกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันได้ หากต้องการยกเว้นผู้ใช้ในกลุ่มข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่ง ก็สามารถทําได้โดยใช้กลุ่มเป้าหมายที่ยกเว้น
ในบทความนี้ คุณจะได้ทราบประโยชน์และฟีเจอร์ของการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
กรณีที่ควรใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพเหมาะสําหรับผู้ลงโฆษณาในสถานการณ์ต่อไปนี้
- คุณต้องการให้แคมเปญแสดงต่อกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะทํา Conversion มากที่สุด
- คุณต้องการได้ลูกค้าใหม่นอกเหนือจากกลุ่มที่มีอยู่แล้ว และยังคงบรรลุเป้าหมาย
- คุณต้องการระบุผู้ใช้ใหม่ที่ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพแคมเปญ
- คุณต้องการเพิ่ม Conversion โดยไม่เพิ่มราคาเสนอหรือราคาต่อลูกค้า
ดูว่าผู้ใช้รายอื่นๆ คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
ลักษณะการทำงาน
ระบบจะเปิดใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพกับแคมเปญทั้งหมดโดยอัตโนมัติ การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะพิจารณาข้อมูล เช่น คีย์เวิร์ดในหน้า Landing Page หรือในชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณา จากนั้นจึงค้นหากลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับเป้าหมายของแคมเปญ หากคุณไม่ต้องการใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ ก็ปิดใช้ได้ในการตั้งค่ากลุ่มโฆษณา
นอกจากนี้ คุณยังเพิ่มเกณฑ์อย่างเช่น กลุ่มเป้าหมายหรือคีย์เวิร์ด (หรือที่เรียกว่า "สัญญาณการกําหนดเป้าหมาย") ลงในการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วย การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะใช้สัญญาณการกําหนดเป้าหมายในการค้นหาเกณฑ์ที่คล้ายกันเพื่อแสดงโฆษณา หากการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพพบการเข้าชมที่มีประสิทธิภาพดีกว่า ก็อาจลดหรือหยุดการแสดงโฆษณาจากสัญญาณของคุณ
การขยายกลุ่มเป้าหมายและการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพแตกต่างกันอย่างไร
การขยายกลุ่มเป้าหมายจะค้นหากลุ่มคนที่คล้ายกับกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ คุณจึงอาจพบว่าการแสดงผล การดู การคลิก และ Conversion เพิ่มขึ้นในแคมเปญ ส่วนการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะมองหา Conversion เพิ่มเติมโดยการกําหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะทํา Conversion มากที่สุด โดยพิจารณาจากข้อมูล Conversion ของแคมเปญแบบเรียลไทม์ เช่น สิ่งที่ผู้ทํา Conversion เพิ่งค้นหา เมื่อใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ กลุ่มเป้าหมายที่คุณเป็นผู้เลือกจะส่งผลต่อรูปแบบโดยเป็นจุดเริ่มต้นที่อิงจากข้อมูล
ตัวอย่างเช่น จิรัชญาต้องการดึงดูดให้ผู้คนสนใจการเปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในการกําหนดเป้าหมายของแคมเปญ จิรัชญาใช้กลุ่มเป้าหมาย 2 ประเภท ได้แก่ กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองโดยอิงตามคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจากแคมเปญ Search เช่น "รองเท้าวิ่งลดราคา" และกลุ่มที่มีแผนจะซื้อ "รองเท้ากีฬา" การทำงานของการขยายกลุ่มเป้าหมายและการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพในแคมเปญของจิรัชญาอาจมีลักษณะดังนี้
- การขยายกลุ่มเป้าหมาย: นอกเหนือจากกลุ่มเป้าหมายที่จิรัชญาเลือกเองแล้ว การขยายกลุ่มเป้าหมายยังรวมกลุ่มที่คล้ายกันไว้ด้วย เช่น กลุ่มที่กำหนดเอง "รองเท้ากีฬาลดราคา" และกลุ่มที่มีแผนจะซื้อ "สินค้ากีฬา"
- การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ: การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะขยายการครอบคลุมไปถึงผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะทํา Conversion ด้วยการสร้างโปรไฟล์ลักษณะของผู้ทํา Conversion โดยอิงตามข้อมูล Conversion แบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลนี้อาจรวมการค้นหารองเท้าวิ่งแบรนด์หนึ่งๆ ใน Google หรือการคลิกไปยังเว็บไซต์เสื้อผ้ากีฬายอดนิยม แม้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่จิรัชญาเลือกเองจะเป็นจุดเริ่มต้น แต่การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะมองหา Conversion ซึ่งอยู่นอกกลุ่มที่เธอเลือก
ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมาย
ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายช่วยให้คุณเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าลูกค้าของคุณคือใคร เนื่องจากช่วยเผยลักษณะเฉพาะ ความสนใจ และพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้ที่เห็นโฆษณาของคุณแล้วทํา Conversion
เมื่อใช้การกําหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายจะไฮไลต์กลุ่มเป้าหมายยอดนิยมโดย Google ซึ่งได้กําหนดเป็นเป้าหมายไว้แล้วและมีประสิทธิภาพดี
- ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับลักษณะตัวตน: Search, Shopping, Performance Max, วิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ (VAC), Display (เบต้า)
- ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับชิ้นงาน: Search, Performance Max, วิดีโอ
ตัวอย่าง
วิธีการใช้หรือไม่ใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่คุณพยายามบรรลุในแคมเปญ ขยายส่วนด้านล่างเพื่อดูกรณีที่ควรใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพในแคมเปญ
คุณต้องการได้ลูกค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องพร้อมกับบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
คทาธรมีบริษัทขายชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เกมมิ่ง ธุรกิจของคทาธรได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่กลับมาซื้ออีกอยู่แล้ว และเขากําลังหาทางขยายบริษัทโดยเปิดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เกมมิ่งที่ประกอบแล้ว เนื่องจากคทาธรต้องการให้ธุรกิจดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยสั่งประกอบคอมพิวเตอร์เกมมิ่งมาก่อน จึงยังคงใช้เพียงการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพต้องอาศัยข้อมูลจากแหล่งที่มาต่างๆ เช่น URL ของหน้า Landing Page และไฟล์เนื้อหาครีเอทีฟโฆษณาที่รวมอยู่ในโฆษณา ดังนั้นโฆษณาของคทาธรจึงจะเข้าถึงผู้ที่สนใจซื้อคอมพิวเตอร์เกมมิ่ง
คุณต้องการได้ลูกค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องและมีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการอยู่ในใจแล้ว
ใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพกับสัญญาณการกำหนดเป้าหมาย
มาริษาต้องการขยายการรับรู้และเพิ่มยอดจองทริปเดินป่าตั้งแคมป์ระยะเวลา 7 วันของบริษัททัวร์ล่องแก่งของเธอ เนื่องจากใกล้จะถึงฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอม มาริษาจึงต้องการขายทริปให้กลุ่มครอบครัวเป็นหลัก เมื่อสร้างแคมเปญ Display มาริษาเพิ่มคีย์เวิร์ดอย่างเช่น "กิจกรรมกลางแจ้งสำหรับครอบครัว" "ทริปล่องแก่งสำหรับครอบครัว" และ "ทริปท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว" (นอกเหนือจากการเปิดใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพไว้)
เมื่อแคมเปญทำงาน การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพพบว่าแคมเปญมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเพิ่มคีย์เวิร์ด "ผจญภัยล่องแก่ง" "ล่องแก่ง" และ "ทัวร์ล่องแก่ง" ในการกำหนดเป้าหมาย นอกจากนี้ การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพยังหยุดไม่ให้แคมเปญ Display แสดงในการค้นหา "ทริปท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว" เนื่องจากได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี
คุณต้องการให้ลูกค้าเก่าซื้อผลิตภัณฑ์หรือใช้บริการอีกครั้ง
ใช้การกําหนดเป้าหมายด้วยตนเองเท่านั้น
เอเจนซีของธนพรกําลังจะเปิดตัวแคมเปญวิดีโอใหม่สำหรับไลน์กระเป๋าถือของแบรนด์แฟชั่นชั้นนำแบรนด์หนึ่ง ก่อนหน้านี้ธนพรได้ใช้กลุ่มข้อมูลที่มีลูกค้าของแบรนด์แฟชั่นดังกล่าว เธอจึงนํากลับมาใช้อีกในแคมเปญนี้ และยังปิดการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพในแคมเปญเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าประจำของแบรนด์แฟชั่นนี้โดยเฉพาะ
ประเภทแคมเปญที่ใช้ร่วมกันได้
การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพใช้ได้กับแคมเปญต่อไปนี้
- แคมเปญ Display
- แคมเปญวิดีโอที่ใช้เป้าหมาย "ยอดขาย" "โอกาสในการขาย" หรือ "การเข้าชมเว็บไซต์" (เช่น แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ)
- แคมเปญ Demand Gen
โปรดทราบว่าสัญญาณการกําหนดเป้าหมายที่มีให้ใช้อาจแตกต่างกันไปตามประเภทแคมเปญ ขยายส่วนด้านล่างเพื่อดูสัญญาณการกำหนดเป้าหมายที่สามารถเพิ่มในการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับแคมเปญแต่ละประเภท
Display
- คุณสามารถระบุกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มที่กําหนดเอง กลุ่มข้อมูลลูกค้า คีย์เวิร์ด และหัวข้อเป็นสัญญาณสําหรับการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ เมื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งรวมถึงกลุ่มการจับคู่ข้อมูลลูกค้า คุณจะสามารถระบุและกำหนดเป้าหมายผู้ใช้นอกเหนือจากฐานลูกค้าเดิมได้
- โฆษณาอาจแสดงต่อผู้ใช้ที่อยู่นอกเหนือจากสัญญาณที่เลือก
วิดีโอ
- คุณสามารถระบุกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มที่กําหนดเอง และกลุ่มข้อมูลลูกค้าเป็นสัญญาณสําหรับการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ เมื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งรวมถึงกลุ่มการจับคู่ข้อมูลลูกค้า คุณจะสามารถระบุและกำหนดเป้าหมายผู้ใช้นอกเหนือจากฐานลูกค้าเดิมได้
- โฆษณาอาจแสดงต่อผู้ใช้ที่อยู่นอกเหนือจากสัญญาณที่เลือก
- ไม่มีการใช้ตำแหน่งเป็นสัญญาณและโฆษณาจะปรากฏในตําแหน่งที่คุณระบุเท่านั้น
- การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะไม่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ที่คุณยกเว้นโดยใช้กลุ่มข้อมูลลูกค้า
- หากใช้กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันในแคมเปญวิดีโอเพื่อสร้างการรับรู้และการเข้าถึง หรือแคมเปญวิดีโอเพื่อการพิจารณาอยู่ คุณจะสามารถรวมกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งในกลุ่มโฆษณา และเปิดใช้การขยายกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าถึงลูกค้าที่คล้ายกับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งได้
Demand Gen
- คุณสามารถระบุกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มที่กําหนดเอง และกลุ่มข้อมูลลูกค้าเป็นสัญญาณสําหรับการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
- โฆษณาอาจแสดงต่อผู้ใช้ที่อยู่นอกเหนือจากสัญญาณที่เลือก
- การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะไม่แสดงโฆษณาต่อผู้ใช้ที่คุณยกเว้นโดยใช้กลุ่มข้อมูลลูกค้า
- เมื่อเปิดใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ การขยายข้อมูลประชากรจะมีผลด้วยเช่นกัน ซึ่งหมายความว่าการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพอาจกําหนดเป้าหมายนอกเหนือจากสัญญาณข้อมูลประชากรที่คุณเลือก เช่น อายุ เพศ รายได้ครัวเรือน และสถานะความเป็นบิดามารดา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ
ความปลอดภัยของแบรนด์
การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพจะทำงานตามการตั้งค่าความปลอดภัยของแบรนด์ที่มีอยู่ (เช่น การยกเว้นเนื้อหา) คุณไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความปลอดภัยของแบรนด์เพิ่มเติมเมื่อใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ