เคล็ดลับทั่วไป
- หากใช้รายงาน Google Ads เป็นชีตที่อัปโหลด คุณไม่จําเป็นต้องลบคอลัมน์ที่ไม่จําเป็นหรือแถวยอดรวมออก
- ระบบจะไม่สนใจคอลัมน์ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคอลัมน์ที่แก้ไขได้หรือไม่ได้ก็ตาม
- หากไม่ระบุคอลัมน์ "Status" ของรายการใหม่ ระบบจะเปิดใช้งานรายการนั้นโดยค่าเริ่มต้น
- นอกจากนี้เมื่อป้อน URL โปรดทราบว่าคุณจำเป็นต้องใช้ URL แบบเต็มเสมอดังนี้
- ถูกต้อง: https://example.com
- ไม่ถูกต้อง: example.com
ข้อกําหนดทางเทคนิคของสเปรดชีต
- สเปรดชีตต้องอยู่ในรูปแบบที่เรารองรับ (Google ชีต, .xls, .xlsx, .tsv, หรือ .csv)
- สเปรดชีตต้องมีขนาดไม่เกิน 50 MB
- สเปรดชีตต้องมีข้อมูลไม่เกิน 1 ล้านแถว
จากนั้นป้อนค่าที่ต้องการสำหรับรายการใหม่ เช่น ราคาเสนอ งบประมาณ หรือสถานะ โปรดดูรายการเทมเพลตตัวอย่างเพื่อศึกษากรณีการใช้งาน
นำรายการออก
ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อนําคีย์เวิร์ด โฆษณา หรือรายการอื่นๆ ออก
- ดาวน์โหลดรายงานในรูปแบบสเปรดชีตซึ่งประกอบด้วยรายการที่ต้องการนําออก
- ค้นหาแถวที่มีรายการดังกล่าวในสเปรดชีตที่ดาวน์โหลดมา
- พิมพ์คำว่า Remove ในคอลัมน์ "Status" สำหรับแถวดังกล่าว
- อัปโหลดสเปรดชีต
แก้ไขสเปรดชีตคีย์เวิร์ด
- พิมพ์คีย์เวิร์ดลงในคอลัมน์คีย์เวิร์ด ใช้วงเล็บเหลี่ยม (
[ ]
) หรือเครื่องหมายคำพูด ("")ครอบคีย์เวิร์ดในการระบุการทำงานแบบตรงทั้งหมดหรือแบบวลี
- ป้อนชื่อกลุ่มโฆษณาลงในคอลัมน์กลุ่มโฆษณา
หมายเหตุ: คุณจะแก้ไขคอลัมน์คีย์เวิร์ดหรือคอลัมน์ประเภทการทํางานของคีย์เวิร์ดสำหรับคีย์เวิร์ดที่มีอยู่ไม่ได้ เมื่อเปลี่ยนคีย์เวิร์ดหรือประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ด ระบบจะนำคีย์เวิร์ดเดิมออกแล้วสร้างคีย์เวิร์ดใหม่ การอัปโหลดจํานวนมากทํางานในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น หากต้องการแก้ไขคีย์เวิร์ดหรือประเภทการทำงานของคีย์เวิร์ดในรายงานที่แก้ไขได้ คุณจะต้องนำคีย์เวิร์ดปัจจุบันออก และสร้างคีย์เวิร์ดใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามต้องการ
แก้ไขสเปรดชีตแคมเปญ
บางคอลัมน์อาจแก้ไขไม่ได้ เนื่องจากระบบใช้คอลัมน์เหล่านี้ขณะที่สร้างแคมเปญเท่านั้น สเปรดชีตของคุณอาจมีคอลัมน์ต่อไปนี้
แคมเปญ
- Campaign (จำเป็น)
- Campaign ID (จำเป็น)
- Campaign state
- Campaign type (แก้ไขไม่ได้)
- Campaign subtype (แก้ไขไม่ได้)
- Ad rotation
- Start date
- End date
การเสนอราคาและงบประมาณ
- Bid strategy type
- Bid strategy
- Budget
- Target CPA
- Target ROAS
- Target impression share
- Max CPC bid limit for target impression share
การวัดผล
- Tracking template
- Custom parameter
ดูตัวอย่างได้ที่ส่วนแคมเปญในหน้าเทมเพลต
แก้ไขสเปรดชีตชิ้นงานโฆษณา
ดาวน์โหลดเทมเพลตชิ้นงานโฆษณา
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงการดำเนินการแบบกลุ่มในเมนู "ส่วน"
- คลิกอัปโหลด
- คลิกไอคอนบวกสีน้ำเงิน
- คลิกดูเทมเพลต
- ดาวน์โหลดเทมเพลตเป็นไฟล์ CSV หรือสเปรตชีต Excel
เพิ่มชิ้นงานโฆษณา
ระบุระดับที่ต้องการใช้ชิ้นงานในคอลัมน์ "Level" (ระดับ "Campaign" "Ad Group" หรือ "Account") หากระบุ "Campaign" ให้พิมพ์ชื่อแคมเปญที่ต้องการเพิ่มชิ้นงาน หากต้องการเพิ่มชิ้นงานลงในกลุ่มโฆษณา ให้ระบุทั้งคอลัมน์ "Campaign" และชื่อกลุ่มโฆษณาในคอลัมน์ "Ad Group"
หากต้องการเพิ่มชิ้นงานแอป ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้
- Mobile OS: ระบบปฏิบัติการที่ลูกค้าเป้าหมายใช้ โดยป้อน Android หรือ iOS ก็ได้
- Package name: รหัสที่ไม่ซ้ำกันของแอป สําหรับ Android ชื่อแพ็กเกจจะอยู่หลัง id= ใน URL ของ Google Play ของแอปดังนี้:
http://play.google.com/store/apps/details?id=com.example.appname
- สําหรับแอป iOS ให้ป้อน App ID ที่ปรากฏหลังรหัสใน URL ของ iTunes ของแอปดังนี้
http://itunes.apple.com/us/app/example-app-name/id#########
- App link text: ข้อความที่ผู้ใช้จะคลิกเพื่อไปยังแอป เช่น คุณอาจใช้ "ดาวน์โหลดแอป" ก็ได้
- Final URL: URL ของแอปที่แสดงต่อลูกค้า เช่น URL ของแอปใน Google Play Store
หากต้องการเพิ่มชิ้นงานการโทร ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้
- Phone number: หมายเลขที่จะใช้โทรเมื่อลูกค้าคลิกชิ้นงาน
- Country code: ประเทศที่มีหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว ตัวอย่างเช่น หากหมายเลขโทรศัพท์อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา คุณต้องใส่
US
- Use forwarding number (ไม่บังคับ): เมื่อคุณต้องการใช้หมายเลขโอนสายของ Google กับโฆษณา จะป้อน
yes
หรือ no ก็ได้ โดยค่าเริ่มต้นคือno
หากต้องการเพิ่มชิ้นงานไซต์ลิงก์ ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้
- Sitelink text: ข้อความที่ต้องการให้ปรากฏเป็นลิงก์ที่คลิกได้ในไซต์ลิงก์
- Final URL: URL ที่ลิงก์ในไซต์ลิงก์จะเชื่อมโยงไปหา
ช่อง Description จะมีหรือไม่ก็ได้ แต่ข้อมูลนี้จะทำให้โฆษณามีความเกี่ยวข้องกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น ในกรณีที่ใส่คำอธิบาย คุณต้องใช้ทั้ง 2 ช่อง คำอธิบายอาจมีสิทธิ์แสดงใต้ไซต์ลิงก์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนไซต์ลิงก์พร้อมรายละเอียดเพิ่มเติม
หากต้องการเพิ่มชิ้นงานข้อความไฮไลต์ ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้
- Callout text: ข้อความที่ต้องการให้แสดงเป็นข้อความไฮไลต์
หากต้องการเพิ่มชิ้นงานข้อมูลเพิ่มเติม ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้
- Structured snippet header: ส่วนหัวที่เลือกจากรายการนี้ซึ่งประกอบด้วยส่วนหัวที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยใช้อักษรตัวแรกเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ หมายเหตุ: ระบบรับเฉพาะส่วนหัวที่อยู่ในรายการของเราเท่านั้น
- Structured snippet values: รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับส่วนหัวเฉพาะเจาะจงที่คุณกำลังไฮไลต์
หากต้องการเพิ่มชิ้นงานรูปภาพ ให้ระบุข้อมูลต่อไปนี้
- Image URL หรือ Image asset id
- Image URL: คุณค้นหา URL ของรูปภาพได้โดยการคลิกขวาที่รูปภาพในเว็บไซต์ แล้วเลือก "คัดลอกที่อยู่รูปภาพ"
- Image asset id: คุณใช้รูปภาพจากชิ้นงานรูปภาพที่มีอยู่ซ้ำได้โดยใช้รหัสชิ้นงานรูปภาพ หากต้องการค้นหารหัสชิ้นงานรูปภาพ ให้ดาวน์โหลดรายงานชิ้นงานรูปภาพ
- Auto crop image ratio: ใช้ค่า "แนวนอน" หรือ "สี่เหลี่ยมจัตุรัส" เพื่อครอบตัดรูปภาพโดยอัตโนมัติเมื่ออัปโหลด
- ข้อกําหนดเพิ่มเติม
- คุณสามารถเพิ่มชิ้นงานรูปภาพได้ที่ระดับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาเท่านั้น
- รูปแบบรูปภาพต้องเป็นไฟล์ PNG หรือ JPEG
- อัปโหลดรูปภาพได้สูงสุด 20 ภาพต่อครั้ง
- ไม่มีข้อกําหนดเกี่ยวกับขนาดไฟล์ขั้นต่ำ แต่ขนาดไฟล์สูงสุดคือ 5 MB
- ขนาดรูปภาพขั้นต่ำคือ 300x300 พิกเซล
ข้อกำหนดเพิ่มเติมของชิ้นงานโฆษณาทั้งหมด
นอกจากคอลัมน์ที่จำเป็นในแต่ละรายงาน คุณสามารถใช้การอัปโหลดหลายรายการพร้อมกันในการระบุค่ากำหนดอุปกรณ์ วันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดของชิ้นงาน รวมถึงค่ากำหนดการตั้งเวลาได้ โดยสามารถระบุตัวเลือกเหล่านี้ด้วยการเพิ่มคอลัมน์ใหม่ไปยังสเปรดชีตที่มีชื่อและข้อมูลต่อไปนี้
- Start time: วันที่ที่คุณต้องการให้ชิ้นงานเริ่มแสดง ซึ่งควรอยู่ในรูปแบบ
ดด/วว/ปปปป
เช่น วันที่ 1 กรกฎาคม 2014 จะแสดงเป็น07/01/2014
- End time: วันที่ที่คุณต้องการให้ชิ้นงานหยุดแสดง ซึ่งควรอยู่ในรูปแบบ
ดด/วว/ปปปป
เช่น วันที่ 1 กรกฎาคม 2014 จะแสดงเป็น07/01/2014
- Device preference: อุปกรณ์ที่คุณต้องการแสดงชิ้นงาน โดยระบุเป็น
all
หรือmobile
ก็ได้ - การตั้งเวลา: วันของสัปดาห์และเวลาที่คุณต้องการให้ชิ้นงานแสดง โดยต้องใช้รูปแบบ
วัน, เวลาเริ่มต้น - เวลาสิ้นสุด
เช่น หากต้องการนัดหมายเวลา 9.00 น. - 17.00 น. ในวันจันทร์ คุณจะต้องป้อนMonday, 09:00 AM - 05:00 PM
หากต้องการตั้งเวลาหลายวัน ให้คั่นด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอน เช่น ตั้งเวลาทั้งวันจันทร์และวันอังคารโดยใช้ค่าเป็นMonday, 09:00 AM - 05:00 PM; Tuesday, 09:00 AM - 05:00 PM
ยกเลิกการเชื่อมโยงชิ้นงานโฆษณากับบัญชี แคมเปญ หรือกลุ่มโฆษณา
หากต้องการนำชิ้นงานโฆษณาออก ให้ป้อนคำว่า Remove ลงในคอลัมน์ "Action" ของแถวของชิ้นงานโฆษณานั้น ซึ่งจะยกเลิกการเชื่อมโยงชิ้นงานกับแคมเปญ บัญชี หรือกลุ่มโฆษณา (วิธีนี้ต่างจากการลบ เนื่องจากชิ้นงานจะยังมีไว้เพื่อการใช้งานกับแคมเปญและกลุ่มโฆษณาอื่นๆ) การลบแถวหรือนำเนื้อหาออกจากแถวจะไม่มีผลใดๆ
แก้ไขสเปรดชีตกลุ่มผลิตภัณฑ์
แก้ไขกลยุทธ์การเสนอราคา
คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่ให้กับแคมเปญ หรือแก้ไขกลยุทธ์การเสนอราคามาตรฐานได้ด้วย
กำหนดกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอ
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- ในเมนูส่วน คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
- คลิกแคมเปญ
- ในหน้าแคมเปญ ให้คลิกไอคอนดาวน์โหลด แล้วเลือกตัวเลือกเพิ่มเติมที่ด้านล่างของเมนูแบบเลื่อนลง
- เลือกช่องคอลัมน์ที่แก้ไขได้สำหรับการอัปโหลดจำนวนมากในส่วน "รวม" แล้วคลิกดาวน์โหลด
- ป้อนชื่อกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอในคอลัมน์ "กลยุทธ์การเสนอราคา"
- ไม่ต้องป้อนข้อมูลใดในคอลัมน์ "ประเภทกลยุทธ์การเสนอราคา" และคอลัมน์อื่นๆ เช่น "CPA เป้าหมาย" หรือ "ROAS เป้าหมาย" หากคุณเห็นค่าในคอลัมน์เหล่านี้ ให้ป้อน "remove_value" ระบบจะเพิ่มข้อมูลนี้ลงในแคมเปญโดยอัตโนมัติตามกลยุทธ์การเสนอราคาที่มีอยู่
- หากคอลัมน์อย่าง "CPA เป้าหมาย" "ROAS เป้าหมาย" หรือ "ประเภทกลยุทธ์การเสนอราคา" ไม่ตรงกับที่ตั้งไว้สำหรับกลยุทธ์การเสนอราคาที่มีอยู่ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนข้อผิดพลาดในการอัปโหลด
คุณไม่สามารถแก้ไขหรือสร้างกลยุทธ์การเสนอราคาแบบพอร์ตโฟลิโอใหม่ด้วยสเปรดชีตการอัปโหลดจำนวนมากได้
แก้ไขกลยุทธ์การเสนอราคามาตรฐาน
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- ในเมนูส่วน คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
- คลิกแคมเปญ
- ในหน้าแคมเปญ ให้คลิกไอคอนดาวน์โหลด แล้วเลือกตัวเลือกเพิ่มเติมที่ด้านล่างของเมนูแบบเลื่อนลง
- เลือกช่องคอลัมน์ที่แก้ไขได้สำหรับการอัปโหลดจำนวนมากในส่วน "รวม" แล้วคลิกดาวน์โหลด
- แก้ไขคอลัมน์ "Bid strategy type" เป็นประเภทกลยุทธ์การเสนอราคาที่ต้องการ
- แก้ไขคอลัมน์เพิ่มเติมเช่น "Target CPA" หรือ "Target ROAS"
แก้ไขกลุ่มเป้าหมาย
คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่สร้างให้กับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาได้
หากคุณมีกลุ่มเป้าหมายหลายกลุ่มที่ใช้ชื่อเดียวกัน คุณจะต้องเพิ่มคอลัมน์ "audience ID" เพื่อแยกกลุ่มเป้าหมายออกจากกัน แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คอลัมน์ "รหัสกลุ่มเป้าหมาย" หากคุณกำลังแก้ไขกลุ่มเป้าหมายที่เชื่อมโยงกับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาอยู่แล้ว
คุณสามารถแก้ไขการปรับราคาเสนอได้โดยป้อนค่าในคอลัมน์ "การปรับราคาเสนอ" ทั้งนี้ระบบไม่รองรับการแก้ไขอื่นๆ ทั้งหมด เช่น ชื่อกลุ่มเป้าหมายและการตั้งค่าการกำหนดเป้าหมาย
หากคุณกำลังเพิ่มกลุ่มเป้าหมายเป็นครั้งแรก กลุ่มเป้าหมายนั้นจะใช้การตั้งค่าการกำหนดเป้าหมาย "ค่าเริ่มต้นสมาร์ท" ซึ่งตัวเลือกนี้จะเก็บการตั้งค่าการกำหนดกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันของคุณไว้ หากคุณยังไม่ได้เลือกการตั้งค่า การกำหนดเป้าหมายของคุณจะมีค่าเริ่มต้นเป็นตัวเลือกต่อไปนี้ตามประเภทแคมเปญ
- การสังเกตการณ์สำหรับแคมเปญในเครือข่ายการค้นหาและแคมเปญ Shopping
- การกำหนดเป้าหมายเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับแคมเปญวิดีโอและแคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์
กลุ่มเป้าหมายที่รองรับ
- ข้อมูลประชากรโดยละเอียด
- ผู้สนใจ
- กลุ่มที่มีแผนจะซื้อ
หมายเหตุ: หากคุณกําหนดเป้าหมายไปที่ผู้สนใจหรือกลุ่มเป้าหมายที่มีแผนจะซื้อ ให้ใช้รหัสกลุ่มเป้าหมายแทนชื่อกลุ่มเป้าหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกําหนดกลุ่มเป้าหมายและรหัสกลุ่มเป้าหมายสําหรับผู้สนใจและกลุ่มที่มีแผนจะซื้อ
- ข้อมูลของคุณ
- กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน
- การจับคู่ข้อมูลลูกค้า
แก้ไขการกำหนดเป้าหมายตามสถานที่
คุณสามารถเพิ่ม ยกเว้น แก้ไข หรือนําสถานที่ตั้งออกจากการกําหนดเป้าหมายได้โดยทำดังนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- ในเมนูส่วน คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
- คลิกแคมเปญ
- ในแท็บ "การตั้งค่า" ให้คลิกไอคอนดาวน์โหลด แล้วเลือกตัวเลือกเพิ่มเติมที่ด้านล่างของเมนูแบบเลื่อนลง
- เลือกช่องคอลัมน์ที่แก้ไขได้สำหรับการอัปโหลดจำนวนมากในส่วน "รวม" แล้วคลิกดาวน์โหลด
- ในคอลัมน์ "Locations" ให้ป้อนสถานที่ที่ต้องการกําหนดเป้าหมายเป็น "
[สถานที่]
":"[การปรับราคาเสนอหรือ removed]
" สถานะอาจเป็น "excluded
" หรือ "removed
"- ตัวอย่างการปรับราคาเสนอสําหรับเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน: "Seattle, Washington, United States: -5%"
- ตัวอย่างการนำเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตันออก: “Seattle, Washington, United States: removed”
- ป้อนสถานที่ตั้งที่ต้องการยกเว้นในการกําหนดเป้าหมายลงในคอลัมน์ "การยกเว้น"
- ตัวอย่างการยกเว้นท่าอากาศยานซีแอตเทิล: “Seattle-Tacoma International Airport, Washington, United States”
เคล็ดลับ: หากไม่แน่ใจว่าจะกำหนดรูปแบบสถานที่อย่างไร ให้ลองตั้งแคมเปญหนึ่งเป็นสถานที่ที่ต้องการใน Google Ads ก่อนจะดาวน์โหลดรายงานตามวิธีการด้านบน วิธีนี้จะทำให้แคมเปญดังกล่าวมีสถานที่ที่คุณต้องการในรูปแบบที่ถูกต้อง คุณจึงสามารถคัดลอกและวางได้อย่างง่ายดาย
รูปแบบสถานที่ที่อยู่ในรัศมี/การยกเว้น
รูปแบบ: [ระยะทาง] | [ไมล์หรือกม.] | [สถานที่] : [การปรับราคาเสนอหรือ removed]
ตัวอย่าง
10 | mi | Chicago, Illinois (รัศมี 10 ไมล์รอบๆ ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์)
10 | mi | Chicago, Illinois: -50% (รัศมี 10 ไมล์รอบๆ ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ และมีตัวปรับราคาเสนอ -50%)
5.0 | km | 43.823196,-79.533821 (รัศมี 5 กิโลเมตรรอบตําแหน่งทางภูมิศาสตร์)
5.0 | km | 43.823196,-79.533821: +50% (รัศมี 5 กิโลเมตรรอบๆ ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่มีตัวปรับราคาเสนอ +50%)
10 | mi | Chicago, Illinois: removed (นํารัศมีเป้าหมายออก)
เพิ่มสถานที่หลายแห่ง
คุณสามารถเพิ่มสถานที่หลายแห่งพร้อมกันได้โดยคั่นแต่ละรายการด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอนดังนี้
รูปแบบ: [สถานที่] ; [สถานที่] ; [สถานที่]
ตัวอย่าง
Seattle, Washington, United States: -5% ; 10 | mi | Chicago, Illinois (เพิ่มเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และรัศมี 10 ไมล์รอบชิคาโก รัฐอิลลินอยส์)
Seattle, Washington, United States: removed ; Chicago, Illinois: removed (นําซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ออก)
Seattle, Washington, United States ; Chicago, Illinois: removed (เพิ่มซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และนําชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ออก)
หมายเหตุ: หากต้องการนําสถานที่ทั้งหมดออกจากแคมเปญที่เฉพาะเจาะจง คุณอาจป้อนคำว่า "remove_value" ในคอลัมน์ "Location" ของแถวนั้นๆ (สามารถใช้วิธีนี้กับคอลัมน์ "Exclusion" เพื่อนําการยกเว้นทั้งหมดออกได้เช่นกัน)