แคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์ช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องด้วยโฆษณาที่ดึงดูดสายตาขณะเรียกดูเว็บไซต์และแอปหลายล้านรายการ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการของ Google (เช่น YouTube) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาด |
แคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์เป็นประเภทแคมเปญที่คุณใช้ได้ใน Google Ads |
ข้อดี
- เข้าถึงผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องในหลายแพลตฟอร์ม: แคมเปญในแคมเปญ Display สามารถเข้าถึงผู้ใช้ทั่วโลกในเว็บไซต์และแอปหลายล้านรายการ รวมถึงในแอปหรือเว็บไซต์ของ Google ซึ่งจะช่วยขยายการเข้าถึงและทำให้คุณเป็นที่หนึ่งในใจของกลุ่มเป้าหมายได้นอกเหนือจากใน Google Search
- สร้างแคมเปญตามเป้าหมาย: เพิ่มยอดขาย โอกาสในการขาย และการเข้าชมเว็บไซต์ หรือสร้างการรับรู้และการพิจารณาธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคุณ
- ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย: แคมเปญ Display ใช้โซลูชันัข้นสูงที่ทำงานด้วย AI ของ Google กับการกําหนดเป้าหมาย การเสนอราคา และรูปแบบโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่หรือกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ ซึ่งจะช่วยให้แคมเปญสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้อย่างสะดวกง่ายดาย AI ของ Google ขับเคลื่อนฟีเจอร์ส่วนใหญ่ใน Display เช่น Smart Bidding, การกําหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ และโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา
วิธีการ
1. สร้างแคมเปญ Display ใหม่
เริ่มจากสร้างแคมเปญใหม่ในบัญชี Google Ads และเลือกเป้าหมายของแคมเปญ เป้าหมายที่เลือกควรสอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการบรรลุจากแคมเปญ เช่น หากต้องการกระตุ้นให้ผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ ให้เลือกการเข้าชมเว็บไซต์เมื่อสร้างแคมเปญ
สร้างแคมเปญใหม่และตั้งเป้าหมาย
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญ
- คลิกแคมเปญ
- เลือกปุ่มบวก แล้วเลือกแคมเปญใหม่
- เลือกยอดขาย โอกาสในการขาย การเข้าชมเว็บไซต์ หรือการรับรู้ถึงแบรนด์และการเข้าถึง
- หากไม่มีเป้าหมายในใจ ก็เลือกสร้างแคมเปญโดยไม่มีคำแนะนำของเป้าหมายแทนได้
- เลือกประเภทแคมเปญเป็น Display
- เลือกประเภทย่อยของแคมเปญเป็นแคมเปญในเครือข่ายดิสเพลย์แบบมาตรฐาน
- ระบุ URL สำหรับเว็บไซต์ของธุรกิจ
- กรอกชื่อแคมเปญ
- เลือกต่อไป
2. เลือกการตั้งค่าแคมเปญ
การตั้งค่าแคมเปญให้คุณเลือกสถานที่ตั้งและภาษาที่ต้องการให้โฆษณาปรากฏ นอกจากนี้คุณยังเลือกความถี่ที่ต้องการให้โฆษณาปรากฏต่อลูกค้ารายเดียวกัน เลือกไม่แสดงโฆษณาในเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับแบรนด์ กําหนดวันที่แคมเปญเริ่มต้นและสิ้นสุด และอื่นๆ ได้ด้วย
เลือกสถานที่ตั้งและภาษา
- เลือกสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่โฆษณาจะแสดง หรือสถานที่ที่คุณต้องการยกเว้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดสถานที่เป้าหมาย
- การยกเว้นจะมีประโยชน์ในกรณีที่คุณกำหนดเป้าหมายในพื้นที่ที่กว้างขึ้นและไม่ต้องการรวมสถานที่ในพื้นที่ดังกล่าว เช่น คุณควรกำหนดเป้าหมายในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด ยกเว้นรัฐหรือเมืองที่เจาะจง
- กรอกภาษาที่ต้องการกำหนดเป้าหมาย โฆษณาที่สร้างควรเป็นภาษาเดียวกับที่เลือกกําหนดเป้าหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดภาษาเป้าหมาย
การตั้งค่าแคมเปญเพิ่มเติม
การหมุนเวียนโฆษณา: แสดงโฆษณาที่คาดว่าจะได้รับคลิกหรือ Conversion มากกว่า คุณจะเลือกเพิ่มประสิทธิภาพการหมุนเวียนให้กับโฆษณาที่ดีที่สุด (แนะนําสําหรับแคมเปญส่วนใหญ่) หรือหมุนเวียนโฆษณาไปเรื่อยๆ ก็ได้ สําหรับแคมเปญบางประเภท คุณจะเลือกเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อ Conversion หรือหมุนเวียนอย่างเท่าเทียมได้ด้วย
ช่วงเวลาที่โฆษณาทำงาน: หากต้องการจำกัดเวลาที่โฆษณาทำงาน ให้กำหนดช่วงเวลาที่โฆษณาทำงาน โปรดทราบว่าโฆษณาจะแสดงในช่วงเวลาเหล่านี้เท่านั้น
อุปกรณ์: การกำหนดอุปกรณ์เป้าหมายช่วยให้คุณเลือกประเภทอุปกรณ์ที่จะให้โฆษณาปรากฏ คุณจะแสดงโฆษณาในอุปกรณ์ทุกประเภทหรือกําหนดเป้าหมายอุปกรณ์ที่เจาะจงก็ได้ (เช่น เลือกแสดงโฆษณาในอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น)
ตัวเลือก URL ของแคมเปญ: หากคุณใช้เครื่องมือติดตามคลิกของบุคคลที่สามหรือได้พัฒนาความสามารถในการติดตามคลิกอันซับซ้อนและเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ก็เพิ่มเทมเพลตการติดตามที่กําหนดเองได้ เทมเพลตการติดตามช่วยให้คุณใส่ข้อมูลเพิ่มเติมใน URL เพื่อระบุแหล่งที่มาของการคลิกโฆษณาแต่ละครั้งได้
การยกเว้นเนื้อหา: เลือกไม่แสดงโฆษณาในเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับแบรนด์ คุณจะเลือกตามป้ายกํากับเนื้อหาดิจิทัล เนื้อหาที่ละเอียดอ่อน หรือประเภทเนื้อหาก็ได้
โฆษณาแบบไดนามิก: เพิ่มฟีดผลิตภัณฑ์ในแคมเปญเพื่อให้สามารถแสดงเนื้อหาที่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับผู้ใช้โดยอิงตามสิ่งที่ดูในเว็บไซต์หรือแอปของคุณ
วันที่เริ่มต้นและสิ้นสุด: หากต้องการให้แคมเปญเริ่มต้นหรือสิ้นสุดในอนาคต คุณสามารถกำหนดวันที่เริ่มต้นและ/หรือวันที่สิ้นสุดตามลําดับได้
Conversion: การตั้งค่านี้ควบคุมการกระทำที่ถือเป็น Conversion ซึ่งระบบจะรายงานในคอลัมน์ "Conversion" ของแคมเปญนี้ หากคุณใช้ Smart Bidding กลยุทธ์การเสนอราคาจะเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ Conversion เหล่านี้
3. กำหนดงบประมาณและกลยุทธ์การเสนอราคา
งบประมาณมีผลต่อความถี่และระดับความโดดเด่นที่โฆษณาจะแสดง และกลยุทธ์การเสนอราคาเป็นตัวกําหนดการใช้งบประมาณ โดยแคมเปญ Display รองรับกลยุทธ์แบบอัตโนมัติและกลยุทธ์ Smart Bidding ซึ่งจะจัดการราคาเสนอให้คุณและช่วยให้บรรลุเป้าหมายประสิทธิภาพได้
เลือกงบประมาณและกลยุทธ์การเสนอราคา
- ระบุงบประมาณรายวัน จำนวนงบประมาณนี้คือค่าเฉลี่ยที่คุณต้องการใช้จ่ายในแต่ละวัน
- จำนวนเงินสูงสุดที่คุณจะจ่ายต่อเดือนคือ 30.4 เท่าของงบประมาณรายวัน (จำนวนวันโดยเฉลี่ยต่อเดือน) โดยอาจใช้จ่ายมากกว่าหรือน้อยกว่างบประมาณรายวันในบางวัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและงบประมาณรายวันเฉลี่ย
- เลือกกลยุทธ์การเสนอราคา แคมเปญ Display จะแนะนํากลยุทธ์การเสนอราคาให้โดยอัตโนมัติโดยอิงจากเป้าหมายแคมเปญ หากไม่ต้องการใช้กลยุทธ์การเสนอราคาที่แนะนํา ก็เลือกกลยุทธ์การเสนอราคาต่อไปนี้ด้วยตนเองได้
- กลยุทธ์ Smart Bidding: CPA เป้าหมาย, เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด
- กลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติ: เพิ่มจำนวนคลิกสูงสุด, CPM ที่มองเห็นได้
- กลยุทธ์การเสนอราคาด้วยตนเอง: CPC ที่กําหนดเอง
อ่านคู่มือ Smart Bidding
4. เลือกกลยุทธ์ในการกำหนดเป้าหมาย
แคมเปญ Display มีวิธีการเข้าถึงผู้ใช้หลายวิธีด้วยกัน โดยคุณจะทำสิ่งต่อไปนี้ได้
- ให้ Google Ads ค้นหากลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดสําหรับคุณด้วยการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
- เพิ่มเกณฑ์อื่นๆ เช่น กลุ่มเป้าหมายหรือคีย์เวิร์ด (หรือที่เรียกว่า "สัญญาณการกําหนดเป้าหมาย") ลงในการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อค้นหาเกณฑ์ที่คล้ายกันเพื่อแสดงโฆษณา
- หรือ ปิดการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพและเลือกสัญญาณการกําหนดเป้าหมายที่เหมาะกับแคมเปญมากที่สุด
ตั้งค่าการกำหนดเป้าหมาย
หากไม่ต้องการเพิ่มสัญญาณการกําหนดเป้าหมาย ให้เลือกถัดไปเพื่อสร้างแคมเปญต่อ
วิธีเพิ่มสัญญาณการกําหนดเป้าหมาย
- เลือกเพิ่มการกําหนดเป้าหมาย
- เลือกสัญญาณการกําหนดเป้าหมาย
- (ไม่บังคับ) หากต้องการปิดการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ ให้เพิ่มสัญญาณการกําหนดเป้าหมายก่อน แล้วขยายส่วนการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ จากนั้นจึงยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายข้าง "ใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ"
- เลือกถัดไป
ตัวเลือกการกําหนดเป้าหมายใดเหมาะกับฉัน
- หากคุณต้องการเข้าถึงและได้ลูกค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องพร้อมกับบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้: ให้เปิดใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพต่อไป โดยไม่ต้องเพิ่มสัญญาณการกําหนดเป้าหมาย
- หากคุณต้องการเข้าถึงและได้ลูกค้าใหม่ที่เกี่ยวข้อง และมีกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจงที่ต้องการเข้าถึง: เพิ่มสัญญาณการกําหนดเป้าหมายลงในแคมเปญและเปิดใช้การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพต่อไป
- หากคุณไม่ได้มองหาลูกค้าใหม่: ให้ปิดการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพและใช้กลุ่มข้อมูลปัจจุบัน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
5. สร้างโฆษณาแบบดิสเพลย์ที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์
แคมเปญ Display รองรับโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา เมื่อใช้โฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา ให้อัปโหลดชิ้นงาน (รูปภาพ บรรทัดแรก โลโก้ วิดีโอ และคําอธิบาย) จากนั้น AI ของ Google จะผสมผสานโฆษณาแบบต่างๆ สําหรับเว็บไซต์, แอป, YouTube และ Gmail ให้โดยอัตโนมัติ
หากต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา ให้พิจารณาอัปโหลดเนื้อหาดังนี้
- รูปภาพอย่างน้อย 5 รูป
- โลโก้อย่างน้อย 2 รูป
- บรรทัดแรก 5 รายการ
- คำอธิบาย 5 รายการ
- วิดีโอ 1 รายการ
หากต้องการควบคุมครีเอทีฟโฆษณาสําหรับแคมเปญ Display มากขึ้น คุณก็สามารถสร้างและอัปโหลดโฆษณาแบบรูปภาพของตนเองได้
เมื่อเสร็จแล้ว ให้เลือกเพิ่มลงในกลุ่มโฆษณา จากนั้นคุณจะเลือกเพิ่มโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณารายการใหม่ลงในแคมเปญเดียวกัน หรือเลือกถัดไปเพื่อสร้างแคมเปญให้เสร็จก็ได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างโฆษณาแบบดิสเพลย์ที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์
6. ตรวจสอบแคมเปญ
ในหน้า "ตรวจสอบ" คุณจะมีโอกาสตรวจสอบการตั้งค่าทั้งหมดที่เลือก
จากที่นี่ คุณสามารถแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามที่อธิบายไว้ในการแจ้งเตือน โดยคลิกแก้ไขในการแจ้งเตือน
หากได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปัญหาที่ทําให้เผยแพร่แคมเปญไม่ได้ คุณจะไม่สามารถเผยแพร่แคมเปญได้จนกว่าปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไข
หากพร้อมที่จะเผยแพร่แล้ว ให้เลือกเผยแพร่แคมเปญ
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
หลังจากที่คุณตั้งค่าแคมเปญเสร็จแล้ว ระบบอาจใช้เวลา 2-3 วันเพื่อเริ่มแสดงโฆษณา ในกรณีปกติ โฆษณาจะได้รับอนุมัติภายใน 1 วันทำการ การรายงานของแคมเปญ Display อาจใช้เวลาสูงสุด 72 ชั่วโมงจึงจะปรากฏในบัญชี Google Ads
กลยุทธ์การเสนอราคาอาจใช้เวลาสักพักกว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพได้เต็มที่ หากไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการในช่วง 14 วันแรกที่แคมเปญทำงาน ให้พิจารณาเพิ่มราคาเสนอหรืออัปเดตกลยุทธ์การเสนอราคาเป็นแบบเพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด นอกจากนี้คุณควรตรวจสอบด้วยว่ามีงบประมาณเพียงพอที่จะรองรับแคมเปญ
ใช้เครื่องมือวางแผนประสิทธิภาพเมื่อแคมเปญทํางานเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์แล้ว เครื่องมือวางแผนประสิทธิภาพจะดูข้อมูลย้อนหลังของแคมเปญแล้วให้คําแนะนําที่นําไปใช้ได้จริงกับแคมเปญในอนาคต คุณสามารถเข้าถึงศักยภาพการเติบโตที่มีอยู่, จําลองการเสนอราคาและงบประมาณในสถานการณ์ต่างๆ, คาดการณ์ Conversion, เพิ่มการเติบโตสูงสุด, ประเมินฤดูกาล และเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้เครื่องมือวางแผนประสิทธิภาพเพื่อตรวจสอบแคมเปญ Display หลายแคมเปญพร้อมกันได้ด้วย