การตั้งค่าการกําหนดเป้าหมาย (ผลิตภัณฑ์ กลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด สถานที่ตั้ง)
หากแคมเปญกําหนดเป้าหมายผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ ที่มีการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย ผลิตภัณฑ์ หรือสถานที่ตั้งแบบจำกัดและเฉพาะเจาะจงมาก ก็อาจมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะมีความผันผวนด้านประสิทธิภาพด้วย การกําหนดเป้าหมายแบบละเอียดยิ่งขึ้นหมายความว่ามีการประมูลที่แคมเปญของคุณมีสิทธิ์เข้าร่วมได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ น้อยลง คุณอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการใช้จ่ายหรือการแสดงผล หากการแข่งขันเพิ่มขึ้นหรือลดลงในการประมูลจํานวนน้อยที่มีสิทธิ์นี้ เนื่องจากมีการประมูลที่ระบบเข้าร่วมและชนะได้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพจํานวนน้อยลง
สิ่งที่ทำได้
พิจารณาขยายการกําหนดเป้าหมายของแคมเปญเพื่อเพิ่มตัวเลือกที่มีสิทธิ์และเพิ่มการเข้าถึงของโฆษณาที่เป็นไปได้
การกําหนดเป้าหมายทับซ้อนกับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาอื่น
คุณอาจมีแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา Shopping หลายรายการในบัญชีที่มีสิทธิ์เข้าสู่การประมูลที่ทับซ้อนกัน เนื่องจากมีการกําหนดเป้าหมายที่คล้ายกัน
ตัวอย่าง
สิ่งที่ทำได้
ตรวจสอบการกําหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์ที่ทับซ้อนกันระหว่างแคมเปญจากบัญชี Google Ads เดียวกัน โดยทำดังนี้
- ใน Google Ads ให้ไปที่แท็บ "รายงาน" เลือกรายงานที่กําหนดไว้ล่วงหน้า (มิติข้อมูล)
- เลือก Shopping > รายงานรหัสสินค้า
- เพิ่มแคมเปญลงในคอลัมน์
- เปลี่ยนลําดับของรหัสสินค้าเป็น A ถึง Z เพื่อดูการกําหนดเป้าหมายที่ทับซ้อนกันของสินค้าเดียวกันจากหลายๆ แคมเปญ
ตรวจสอบการกําหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์ที่ทับซ้อนกันระหว่างแคมเปญจากบัญชี Google Ads คนละบัญชี โดยทำดังนี้
- ไปที่ "การตั้งค่า" ใน Merchant Center แล้วเลือกบัญชีที่ลิงก์
- ตรวจสอบว่ามีบัญชี Google Ads อื่นที่ลิงก์กับบัญชี Merchant Center นี้หรือไม่
- หากมี ให้ตรวจสอบแคมเปญ Shopping ที่ตั้งค่าไว้ในบัญชี Google Ads อื่นๆ เพื่อดูว่ามีการโปรโมตผลิตภัณฑ์เดียวกันหรือไม่
หากต้องการมีแคมเปญ Shopping หลายแคมเปญ คุณจะต้องให้แคมเปญทำงานคนละเวลากันโดยใช้การตั้งเวลาโฆษณา การกำหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน การกำหนดเป้าหมายสถานที่ที่แตกต่างกัน การทำงานตามลำดับความสำคัญของแคมเปญคนละลำดับ หรือลิงก์กับบัญชี Merchant Center บัญชีอื่น
หากต้องการข้อมูลอื่นๆ
ตรวจสอบสาเหตุที่พบบ่อยอื่นๆ ที่ทําให้ประสิทธิภาพของแคมเปญผันผวน