เป้าหมายวงจรลูกค้าคือชุดเป้าหมายที่ออกแบบมาเพื่อเข้าถึงลูกค้าในทุกขั้นตอนของเส้นทางการซื้อภายในแคมเปญ Performance Max, Search และ Shopping ของ Google เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า เรามีตัวเลือกการกําหนดค่าอยู่หลายรายการ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของคุณว่าต้องการได้ลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าที่มีคุณค่าสูงสุดไว้ เข้าถึงลูกค้าที่หยุดใช้งาน หรือทั้งหมดที่กล่าวมา
บทความนี้อธิบายวิธีตั้งค่าเป้าหมายวงจรลูกค้าประเภทต่างๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ
ในหน้านี้
- กำหนดรายชื่อลูกค้า
- กําหนดค่าเป้าหมายวงจรลูกค้า
- เปิดใช้งานเป้าหมายวงจรลูกค้าในแคมเปญ
- สร้างการรายงานลูกค้าใหม่เทียบกับลูกค้าที่กลับมาในแท็ก Google (ไม่บังคับ แต่แนะนํา)
- ตรวจสอบประสิทธิภาพของแคมเปญ
วิธีการ
ขั้นตอนที่ 1 จาก 5: กําหนดรายชื่อลูกค้า
เราขอแนะนําให้ใช้ข้อมูลที่แน่นอนจากบุคคลที่หนึ่งกับกลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้า (ผ่านรายการที่ขับเคลื่อนโดย Google Ads Data Manager, กลุ่มเป้าหมาย GA4, รายชื่อลูกค้าที่อิงตาม Conversion และ/หรือการอัปโหลดโดยตรง) สําหรับเป้าหมายวงจรลูกค้าทั้งหมดเพื่อให้ได้การตั้งค่าที่แน่นอนและแม่นยําที่สุด รวมถึงการตรวจหาลูกค้าเดิม กลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าช่วยเสริมการตรวจหาอัตโนมัติของ Google ด้วยการบันทึก Conversion ที่การตรวจหาอัตโนมัติไม่สามารถทำได้ เช่น Conversion ออฟไลน์ และช่วยให้คุณแบ่งกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น (เช่น ลูกค้าที่มีคุณค่าสูงและลูกค้าที่หยุดใช้งาน)
โหมดเป้าหมายวงจรลูกค้าทั้งหมดด้านล่างนี้ใช้ร่วมกันได้ ยกเว้นโหมดเฉพาะลูกค้าใหม่ซึ่งใช้ร่วมกับโหมดอื่นๆ ไม่ได้
หากคุณใช้บัญชีดูแลจัดการ (MCC) และใช้เป้าหมายวงจรลูกค้าอยู่ โปรดตรวจสอบว่าการแชร์กลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องเปิดอยู่ หากไม่เปิดการแชร์อย่างต่อเนื่อง แคมเปญก็อาจไม่แสดง
เป้าหมายวงจรลูกค้า | โหมด | กลุ่มลูกค้าที่เข้าถึง/มีการจัดลําดับความสําคัญ | ประเภทรายชื่อลูกค้า | ตัวเลือกรายชื่อลูกค้า |
---|---|---|---|---|
การได้ลูกค้าใหม่ |
โหมดเพิ่มมูลค่าลูกค้าใหม่ |
ลูกค้าใหม่ | ลูกค้าเดิม |
กลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าสําหรับลูกค้าเดิม
รายการรีมาร์เก็ตติ้งที่อิงตามแท็ก (ขับเคลื่อนโดย Protected Audience API)* การตรวจหาอัตโนมัติของ Google: เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญเพื่อการได้ลูกค้าใหม่ และหากคุณติดตาม Conversion การซื้อของ Google Ads อยู่แล้ว |
โหมดลูกค้าใหม่ที่มีคุณค่าสูง (เบต้า) |
ลูกค้าใหม่ที่มีคุณค่าสูง | ลูกค้าเดิมที่มีคุณค่าสูง |
กลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าสําหรับลูกค้าที่มีคุณค่าสูง
คุณสามารถอัปโหลดรายการผ่านวิธีการข้างต้นเพื่อระบุลูกค้าในกลุ่มนี้ได้เท่านั้น การตรวจหาอัตโนมัติและรายการรีมาร์เก็ตติ้งที่อิงตามแท็ก รวมถึงตัวเลือกการจับคู่ข้อมูลลูกค้าอื่นๆ ใช้ร่วมกับโหมดนี้ไม่ได้ |
|
โหมดเฉพาะลูกค้าใหม่ | ลูกค้าใหม่ | ลูกค้าเดิม |
กลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าสําหรับลูกค้าเดิม
รายการรีมาร์เก็ตติ้งที่อิงตามแท็ก (ขับเคลื่อนโดย Protected Audience API)* การตรวจหาอัตโนมัติของ Google: เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญเพื่อ "การได้ลูกค้าใหม่" และหากคุณติดตาม Conversion การซื้อของ Google Ads อยู่แล้ว |
|
การรักษาลูกค้า | โหมดดึงดูดลูกค้าให้กลับมา (เบต้า) | ลูกค้าที่หยุดใช้งาน | ลูกค้าที่หยุดใช้งาน |
กลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าสําหรับลูกค้าที่หยุดใช้งาน
คุณสามารถอัปโหลดรายการผ่านวิธีการข้างต้นเพื่อระบุลูกค้าในกลุ่มนี้ได้เท่านั้น การตรวจหาอัตโนมัติและรายการรีมาร์เก็ตติ้งที่อิงตามแท็ก รวมถึงตัวเลือกการจับคู่ข้อมูลลูกค้าอื่นๆ ใช้ร่วมกับโหมดนี้ไม่ได้ |
โหมดดึงดูดลูกค้าที่มีคุณค่าสูงให้กลับมา (เบต้า) | ลูกค้าที่หยุดใช้งานที่มีคุณค่าสูง | ลูกค้าเดิมที่มีคุณค่าสูง* |
กลุ่มเป้าหมายตามการจับคู่ข้อมูลลูกค้าสําหรับลูกค้าที่หยุดใช้งาน
คุณสามารถอัปโหลดรายการผ่านวิธีการข้างต้นเพื่อระบุลูกค้าในกลุ่มนี้ได้เท่านั้น การตรวจหาอัตโนมัติและรายการรีมาร์เก็ตติ้งที่อิงตามแท็ก รวมถึงตัวเลือกการจับคู่ข้อมูลลูกค้าอื่นๆ ใช้ร่วมกับโหมดนี้ไม่ได้ |
*โปรดทราบว่าทั้งโหมดดึงดูดลูกค้าที่มีคุณค่าสูงให้กลับมาและโหมดลูกค้าใหม่ที่มีคุณค่าสูงใช้รายชื่อลูกค้าเดียวกัน ซึ่งก็คือ "ลูกค้าเดิมที่มีคุณค่าสูง" ดังนั้น หากคุณตั้งค่าโหมดใดโหมดหนึ่งแล้ว ระบบจะใช้รายชื่อลูกค้าเดิมที่มีคุณค่าสูงกับโหมดอื่นโดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน เมื่อเปิดใช้ ทั้งนี้เป็นเพราะทั้ง 2 โหมดใช้รายชื่อลูกค้าเดิมที่มีคุณค่าสูงเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ แม้ว่าแต่ละโหมดจะใช้รายชื่อต่างกัน ในโหมดลูกค้าใหม่ที่มีคุณค่าสูง เราจะใช้รายชื่อลูกค้าเดิมที่มีคุณค่าสูงเพื่อคาดการณ์ว่าลูกค้าใหม่รายใดมีแนวโน้มที่จะมีคุณค่าสูง ส่วนในโหมดดึงดูดลูกค้าที่มีคุณค่าสูงให้กลับมา เราจะใช้รายชื่อลูกค้าเดิมที่มีคุณค่าสูงร่วมกับรายชื่อ "ลูกค้าที่หยุดใช้งาน" เพื่อทําความเข้าใจว่าลูกค้าที่หยุดใช้งานรายใดมีคุณค่าสูง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีทั้งหมดที่คุณสามารถสร้างรายชื่อลูกค้าได้โดยใช้การจับคู่ข้อมูลลูกค้า และใช้ประเภทลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ขั้นตอนที่ 2 จาก 5: กําหนดค่าเป้าหมายวงจรลูกค้า
คุณต้องมีเป้าหมาย Conversion "การซื้อ" จึงจะเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญสำหรับเป้าหมายวงจรลูกค้าทั้งหมดได้ ยกเว้นโหมดเฉพาะลูกค้าใหม่ซึ่งใช้ได้กับเป้าหมาย Conversion ที่ไม่ใช่การซื้อ
โหมดวงจรลูกค้า | ประเภทเป้าหมาย Conversion ที่มีสิทธิ์ |
โหมดเพิ่มมูลค่าลูกค้าใหม่ โหมดลูกค้าใหม่ที่มีคุณค่าสูง (เบต้า) โหมดดึงดูดลูกค้าให้กลับมา (เบต้า) โหมดดึงดูดลูกค้าที่มีคุณค่าสูงให้กลับมา (เบต้า) |
ต้องมีเป้าหมาย Conversion การซื้อ |
โหมดเฉพาะลูกค้าใหม่ |
ไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมาย Conversion การซื้อ |
คุณมี 2 ตัวเลือกต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทเป้าหมาย Conversion ที่คุณมี
- กำหนดค่าเป้าหมายวงจรลูกค้าโดยใช้เป้าหมาย Conversion การซื้อ
- กำหนดค่าโหมดเฉพาะลูกค้าใหม่
ตัวเลือกที่ 1: กําหนดค่าเป้าหมายวงจรลูกค้าโดยใช้ Conversion การซื้อ
คุณสามารถตั้งค่าการกระทําที่ถือเป็น Conversion "การซื้อ" ใหม่ (หากมี) หรือหากได้ตั้งค่าการกระทําที่ถือเป็น Conversion ไว้แล้ว โปรดตรวจสอบว่าได้ตั้งค่าประเภทเป้าหมายเป็น "การซื้อ" โดยมีแหล่งที่มาของ Conversion เป็นเว็บไซต์ และตั้งค่าการกระทําที่ถือเป็น Conversion เป็นหลัก
หากยังไม่ได้กําหนดค่าเป้าหมายวงจรลูกค้า ให้ทําตามขั้นตอนการตั้งค่าต่อไปนี้ หากคุณใช้เครื่องมือวัด Conversion ข้ามบัญชี ให้กําหนดค่าเป้าหมายวงจรลูกค้าจากบัญชีหลักที่มีการตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกสรุป
- คลิกตั้งค่าในแผง "การได้ลูกค้าใหม่"
- คุณจะเห็นตัวเลือกต่อไปนี้อย่างน้อย 1 รายการ โดยขึ้นอยู่กับโหมดที่คุณมีสิทธิ์เข้าถึง (บางโหมดยังอยู่ในเวอร์ชันเบต้า)
- ลูกค้าใหม่
- ลูกค้าใหม่ (ที่มีคุณค่าสูง) - เบต้า
- ลูกค้าที่หยุดใช้งาน - เบต้า
- ลูกค้าที่หยุดใช้งาน (ที่มีคุณค่าสูง) - เบต้า
- สําหรับแต่ละโหมดที่ต้องการใช้ ให้เพิ่มรายการกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุไว้ในตารางในขั้นตอนที่ 1 รายการกลุ่มเป้าหมายอาจประกอบด้วยรายการต่อไปนี้
- ลูกค้าเดิม
- ลูกค้าที่มีคุณค่าสูง
- ลูกค้าที่หยุดใช้งาน
คําจํากัดความสําหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความเจาะจงเฉพาะธุรกิจ ดังนั้นให้ใช้คําจํากัดความของคุณเองเพื่อจัดระเบียบข้อมูลบุคคลจากที่หนึ่งไว้ในกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มเหล่านี้
- ระบุมูลค่าที่กําหนดให้กับกลุ่มลูกค้า มูลค่านี้จะใช้ในโหมดเพิ่มมูลค่าลูกค้าใหม่ โหมดลูกค้าใหม่ที่มีคุณค่าสูง โหมดดึงดูดลูกค้าให้กลับมา และโหมดดึงดูดลูกค้าที่มีคุณค่าสูงให้กลับมา ระบบจะเพิ่มมูลค่านี้ใน Conversion การซื้อของลูกค้าหากอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่คุณกําหนดซึ่งจะแสดงในการรายงาน และยังช่วยให้ Smart Bidding เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้ได้กลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการอีกด้วย ยิ่งมูลค่านี้สูง แคมเปญก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ลูกค้าที่คุณระบุมากขึ้น ระบบจะใช้มูลค่านี้โดยค่าเริ่มต้นในทุกแคมเปญที่เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่หรือเป้าหมายการรักษาลูกค้า โปรดดูคําแนะนําในการกำหนดมูลค่าในตารางด้านล่าง
- หากไม่แน่ใจว่ามูลค่าลูกค้าควรเป็นเท่าใด ให้ใช้มูลค่าที่แนะนําซึ่งจะแสดงเมื่อคุณเลือกเป้าหมายวงจรลูกค้า มูลค่าที่แนะนํานี้อิงตามมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยในแคมเปญที่ผ่านๆ มา หรือจะใช้คำแนะนำในการกำหนดมูลค่าด้านล่างก็ได้
- ไปยังขั้นตอนถัดไป
เราขอแนะนําให้กําหนดมูลค่าสําหรับกลุ่มลูกค้าตามคำแนะนำด้านล่างเป็นจุดเริ่มต้น และปรับตามที่ต้องการโดยอิงตามประสิทธิภาพ
โหมด | กลุ่มลูกค้า | คำแนะนำในการกำหนดมูลค่า |
โหมดเพิ่มมูลค่าลูกค้าใหม่ | ลูกค้าใหม่ | 2 เท่าของลูกค้าปกติ |
ลูกค้าใหม่ที่มีคุณค่าสูง |
สูงกว่ามูลค่าลูกค้าใหม่ |
|
โหมดดึงดูดลูกค้าให้กลับมา | ลูกค้าที่หยุดใช้งาน |
ต่ำกว่ามูลค่าลูกค้าใหม่ แต่สูงกว่าลูกค้าเดิม |
ลูกค้าที่หยุดใช้งานที่มีคุณค่าสูง |
สูงกว่าลูกค้าที่หยุดใช้งาน แต่ต่ำกว่าลูกค้าใหม่ |
มูลค่าที่ตั้งไว้สําหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความเจาะจงเฉพาะธุรกิจ ดังนั้นคําแนะนําข้างต้นจึงเป็นแนวทางที่จะช่วยให้คุณกําหนดมูลค่าที่เหมาะสมสําหรับธุรกิจได้
ตัวเลือกที่ 2: กำหนดค่าโหมดเฉพาะลูกค้าใหม่
หากกําลังติดตาม Conversion อื่นนอกเหนือจากการซื้อ คุณสามารถเปิดใช้โหมดเฉพาะลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสําหรับลูกค้าใหม่ได้ หากคุณใช้เครื่องมือวัด Conversion ข้ามบัญชี ให้กําหนดค่าเป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่จากบัญชีหลักที่มีการตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกสรุป
- คลิกตั้งค่าในแผง "การได้ลูกค้าใหม่"
- กําหนดลูกค้าเดิมโดยเลือกรายการกลุ่มเป้าหมายอย่างน้อย 1 รายการที่มีลูกค้าเดิม ซึ่งเราจะใช้รายชื่อลูกค้าเดิมเพื่อระบุว่าลูกค้ารายใดเป็นลูกค้าใหม่
ขั้นตอนที่ 3 จาก 5: เปิดใช้งานเป้าหมายวงจรลูกค้าในแคมเปญ
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกแคมเปญ
- เลือกแคมเปญที่ต้องการเปิดใช้เป้าหมายวงจรลูกค้า (ปัจจุบันใช้ได้กับแคมเปญ Performance Max, Search และ Shopping) โดยใช้ช่องทําเครื่องหมายข้างชื่อแคมเปญ
- คลิกแก้ไข
- คลิกอัปเดตการได้ลูกค้าใหม่ข้างชื่อแคมเปญเพื่อเปิดแผง "การตั้งค่า"
- เปิดใช้เป้าหมายวงจรลูกค้าในแคมเปญ
- วิธีเปิดใช้เป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่
- ขยายแถว "การได้ลูกค้าใหม่"
- เลือกเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญเพื่อการได้ลูกค้าใหม่
- เลือกว่าต้องการทําสิ่งใดต่อไปนี้
- เสนอราคาสำหรับลูกค้าใหม่ให้สูงกว่าลูกค้าเดิม (แนะนํา)
- ตัวเลือกนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญเพื่อการได้ลูกค้าใหม่ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มยอดขายโดยรวมด้วยการกำหนดเป้าหมายไปยังลูกค้าทุกราย
- หมายเหตุ:
- ใช้ได้เฉพาะกับกลยุทธ์การเสนอราคาแบบมูลค่า Conversion สูงสุด/ROAS เป้าหมาย
- หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับลูกค้าใหม่ที่มีคุณค่าสูง คุณจะต้องเปิดใช้ตัวเลือกนี้
- เสนอราคาให้ลูกค้าใหม่เท่านั้น
- ตัวเลือกนี้จะจำกัดให้โฆษณาแสดงต่อลูกค้าใหม่เท่านั้น ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์การเสนอราคาใดอยู่
- เสนอราคาสำหรับลูกค้าใหม่ให้สูงกว่าลูกค้าเดิม (แนะนํา)
- เลือกว่าต้องการทําสิ่งใดต่อไปนี้
- หากกําลังตั้งค่าเป้าหมายการรักษาลูกค้า ให้ทําดังนี้
- ขยายแถว "การรักษาลูกค้า"
- เลือกปรับการเสนอราคาเพื่อช่วยดึงดูดลูกค้าที่หยุดใช้งานให้กลับมา
- วิธีเปิดใช้เป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่
- มูลค่าที่ใช้ในโหมดเพิ่มมูลค่าลูกค้าใหม่และโหมดดึงดูดลูกค้าให้กลับมาจะได้รับการกําหนดค่าในการตั้งค่าเป้าหมายวงจรลูกค้าที่ระดับบัญชี หากต้องการปรับเปลี่ยน ให้คลิกเปลี่ยนมูลค่า แล้วระบบจะนําคุณไปยังการตั้งค่าเป้าหมายบัญชี
- หมายเหตุ: หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับลูกค้าที่หยุดใช้งานและลูกค้าที่หยุดใช้งานที่มีคุณค่าสูง คุณต้องเปิด/ปิดทั้ง 2 โหมดใน UI
ขั้นตอนที่ 4 จาก 5: สร้างการรายงานลูกค้าใหม่เทียบกับลูกค้าที่กลับมาในแท็ก Google (ไม่บังคับ แต่แนะนํา)
เราแนะนําให้ตั้งค่าพารามิเตอร์ลูกค้าใหม่เทียบกับลูกค้าที่กลับมาในแท็ก Google เพื่อให้รายงานเกี่ยวกับลูกค้าใหม่เทียบกับลูกค้าที่กลับมาในการรายงานแคมเปญได้อย่างถูกต้อง ดูวิธีตั้งค่าได้ในบทความนี้
หมายเหตุ: เป้าหมายวงจรลูกค้าไม่ได้กําหนดให้คุณตั้งค่าพารามิเตอร์แท็กนี้ แต่การตั้งค่าจะช่วยเพิ่มความแม่นยําของการรายงานได้เป็นอย่างมาก
ขั้นตอนที่ 5 จาก 5: ตรวจสอบประสิทธิภาพของแคมเปญ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดูการรายงานและประเมินประสิทธิภาพได้ที่หัวข้อการวัดแคมเปญเป้าหมายวงจรลูกค้า