แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับ App Campaign

เมื่อพูดถึงการสร้างและดูแล App Campaign ไม่ว่าจะเป็น App Campaign เพื่อการติดตั้ง (ACi), App Campaign เพื่อการมีส่วนร่วม (ACe) หรือ App Campaign for Pre-registration (ACpre) เราต้องการช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ คู่มือนี้แสดงภาพรวมของเคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติแนะนำต่างๆ ที่จะช่วยให้ App Campaign ประสบความสำเร็จ

  แนวทางปฏิบัติแนะนำ ACi ACe ACpre
การตั้งค่าแคมเปญ ใช้อัตราส่วนราคาเสนอต่องบประมาณที่เหมาะสม ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว
เพิ่มงบประมาณหรือราคาเสนอสําหรับแคมเปญที่ถูกจำกัด ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว
กำหนดเป้าหมายการกระทำในแอป 1 รายการ ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว  
ตรวจสอบว่าประเทศเป้าหมายมีการลงทะเบียนล่วงหน้า     ใช่ ยืนยันแล้ว
เครื่องมือวัด Conversion เปิดใช้การติดแท็กอัตโนมัติ ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว  
กำหนดการตั้งค่า Conversion ที่ถูกต้องสำหรับการกระทำในแอป (หากมี) ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว  
ใช้ Deep Link ที่เกี่ยวข้อง ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว  
ทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับ iOS (หากมี) ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว  
ครีเอทีฟโฆษณา โฆษณาต้องมีคุณภาพ "ดี" เป็นอย่างน้อย ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว
ชิ้นงานแต่ละประเภทได้รับอนุมัติอย่างน้อย 1 รายการ ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว
การแข่งขันกันเอง ยืนยันว่าไม่มีการแข่งขันกันเองในระดับแอป ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว
เปิดใช้การแชร์การระบุแหล่งที่มา ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว  
การเปลี่ยนแปลง หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงบางประเภทขณะที่แคมเปญกำลังเรียนรู้ ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว

การตั้งค่าแคมเปญ

ใช้อัตราส่วนราคาเสนอต่องบประมาณที่เหมาะสม
ตรวจสอบว่าอัตราส่วนราคาเสนอกับงบประมาณของแคมเปญได้รับการกำหนดค่าอย่างเหมาะสมหรือไม่
  • สําหรับ ACi ที่ใช้ tCPI และ ACpre งบประมาณควรคิดเป็นอย่างน้อย 50 เท่าของราคาเสนอ
  • สําหรับ ACi ที่ใช้ tCPA งบประมาณควรคิดเป็นอย่างน้อย 10 เท่าของราคาเสนอ
  • สําหรับ ACe ที่ใช้ tCPA งบประมาณควรคิดเป็นอย่างน้อย 15 เท่าของราคาเสนอ
หากไม่ได้กำหนดอัตราส่วนอย่างถูกต้อง ให้ปรับงบประมาณหรือราคาเสนอตามความเหมาะสม
เพิ่มงบประมาณหรือราคาเสนอสําหรับแคมเปญที่ถูกจำกัด

สำหรับแคมเปญที่ถูกจำกัดด้วยงบประมาณ

หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด

การมีงบประมาณต่ำอาจเป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพของแคมเปญเนื่องจากโฆษณามักไม่ได้แสดงบ่อยเท่าที่ควร ตรวจสอบคอลัมน์ "สถานะ" ของแคมเปญที่ทําเครื่องหมายว่า "งบประมาณไม่เพียงพอ"

หากมีแคมเปญที่ทําเครื่องหมายว่า "งบประมาณไม่เพียงพอ" ให้เพิ่มงบประมาณโดยคลิกปุ่ม "งบประมาณไม่เพียงพอ" เครื่องมือค่าประมาณรายสัปดาห์จะปรากฏขึ้นและเสนอคําแนะนํา แต่คุณก็กําหนดงบประมาณเองได้ด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีแก้ไขสถานะ "งบประมาณไม่เพียงพอ"

สำหรับแคมเปญที่ถูกจำกัดด้วยราคาเสนอ

หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด

ราคาเสนอควรสะท้อนถึงมูลค่าของเหตุการณ์ที่เลือกต่อธุรกิจ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบว่าโฆษณามีความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้มีโอกาสแสดงมากขึ้น หาก CPI หรือ CPA ที่ได้เท่ากับหรือเกินกว่า tCPI หรือ tCPA ที่กำหนดไว้เป็นพักๆ หรือหาก tROAS สูงกว่า ROAS ที่ได้อย่างสม่ำเสมอ แสดงว่าแคมเปญถูกจำกัดด้วยราคาเสนอ ในกรณีนี้ ควรเพิ่มราคาเสนอหรือลด ROAS วิธีตรวจสอบรายงานกลยุทธ์การเสนอราคาเพื่อดูว่าแคมเปญถูกจำกัดด้วยราคาเสนอหรือไม่

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ ไอคอนเครื่องมือ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงงบประมาณและการเสนอราคาในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกกลยุทธ์การเสนอราคา
  4. คลิกลิงก์ในคอลัมน์ "ประเภทกลยุทธ์การเสนอราคา" เพื่อเข้าถึงรายงานกลยุทธ์การเสนอราคา
    • หมายเหตุ: หากไม่เห็นคอลัมน์ "ประเภทกลยุทธ์การเสนอราคา" ให้เพิ่มคอลัมน์นี้ในตารางแคมเปญ
  5. ในส่วน "ประวัติประสิทธิภาพ" ให้เลือกพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การเสนอราคาที่ใช้
    • สำหรับ CPI ให้เลือกต้นทุนที่ตั้งไว้ต่อการติดตั้งแอปหนึ่งครั้งโดยเฉลี่ย และต้นทุนจริง / การติดตั้ง
    • สำหรับ CPA ให้เลือกต้นทุนต่อการกระทำในแอปหนึ่งครั้งที่ตั้งไว้โดยเฉลี่ย และต้นทุนจริง / การกระทำในแอป
    • สำหรับ ROAS ให้เลือก ROAS เป้าหมายโดยเฉลี่ย และ ROAS จริง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีหารายงานกลยุทธ์การเสนอราคา

กำหนดเป้าหมายการกระทำในแอป 1 รายการ
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคา tCPA เท่านั้น
ไม่แนะนําให้กำหนดเป้าหมายการกระทำมากกว่า 1 รายการ เนื่องจากจะทําให้ tCPA ที่ตั้งไว้มีค่าเป็น "เป้าหมายแบบผสมผสาน" สําหรับการกระทำ 2 รายการขึ้นไปที่อาจมีค่าแตกต่างกัน ต่อไปนี้เป็นวิธีตรวจสอบว่าแคมเปญมีการกำหนดเป้าหมายการกระทำในแอปเพียง 1 รายการหรือไม่
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกแคมเปญ
  4. วางเมาส์เหนือแคมเปญที่ต้องการตรวจสอบ แล้วคลิกไอคอนการตั้งค่า ไอคอนผู้ดูแลระบบ ข้างชื่อแคมเปญ
  5. คลิกส่วนการเสนอราคา
  6. ในส่วน "คุณต้องการมุ่งเน้นที่วัตถุประสงค์ใด" ให้ตรวจสอบว่าได้เลือก "การกระทำในแอป" ไว้
  7. ในส่วน "การกระทำใดบ้างที่สำคัญต่อคุณที่สุด" ให้ยืนยันว่ากําหนดเป้าหมายการกระทําเพียงรายการเดียวเท่านั้น
    • หมายเหตุ: หากการกระทำมีมูลค่าเทียบเท่ากัน คุณจะกำหนดเป้าหมายการกระทำ 2 รายการขึ้นไปได้
ตรวจสอบว่าประเทศเป้าหมายมีการลงทะเบียนล่วงหน้า
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคา tCPpre เท่านั้น

ตรวจสอบในการตั้งค่าแคมเปญว่าแอปพร้อมให้ลงทะเบียนล่วงหน้าในประเทศเป้าหมาย หากแคมเปญกำหนดเป้าหมายไปยังประเทศที่แอปไม่เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า แคมเปญจะไม่แสดงในประเทศนั้น คุณตรวจสอบประเทศที่แอปเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ใน Google Play Console


เครื่องมือวัด Conversion

เปิดใช้การติดแท็กอัตโนมัติ
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด

การติดแท็กอัตโนมัติเป็นข้อกําหนดสําคัญในการวัด Conversion ของแอปและความครอบคลุมของการระบุแหล่งที่มา วิธีเปิดใช้การติดแท็กอัตโนมัติมีดังนี้

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนผู้ดูแลระบบ ไอคอนผู้ดูแลระบบ
  2. คลิกการตั้งค่าบัญชี
  3. คลิกการติดแท็กอัตโนมัติเพื่อขยายส่วนดังกล่าว
  4. เลือกช่องข้าง "ติดแท็ก URL ที่ผู้ใช้คลิกผ่านจากโฆษณาของฉัน"
  5. คลิกบันทึก
กำหนดการตั้งค่า Conversion ที่ถูกต้องสำหรับการกระทำในแอป (หากมี)

ติดตามมูลค่า Conversion ของการกระทำในแอป

หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคา tROAS เท่านั้น

เราสามารถประเมินผลตอบแทนจากค่าโฆษณาที่ได้เมื่อทราบมูลค่าของเหตุการณ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ตรวจสอบการตั้งค่า Conversion ของเหตุการณ์เป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าติดตามมูลค่าจากผู้ให้บริการวิเคราะห์อยู่ วิธีตรวจสอบมูลค่า Conversion มีดังนี้

  1. คลิกไอคอนเป้าหมาย ไอคอนเป้าหมาย ทางด้านซ้าย
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกสรุป
  4. คลิกดูการกระทําที่ถือเป็น Conversion ทั้งหมดที่มุมขวาบน
  5. คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion เป้าหมายในแคมเปญ tROAS
  6. ส่วน "มูลค่า" ไม่ควรระบุว่า "ไม่ใช้มูลค่า" หากมีการระบุเช่นนี้ แสดงว่าแคมเปญไม่ได้ติดตามมูลค่า Conversion ของการกระทำในแอป

อย่ากำหนดมูลค่า Conversion ของเหตุการณ์การติดตั้ง เว้นแต่จะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว

หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคา tROAS เท่านั้น

สําหรับแคมเปญ ACi ให้ตรวจสอบช่อง "มูลค่า" ของเหตุการณ์การติดตั้งเพื่อดูว่าติดตามมูลค่าอยู่หรือไม่ โดยทั่วไปเราขอแนะนําว่าไม่ต้องกําหนดมูลค่า เว้นแต่การติดตั้งแอปจะมีมูลค่าอยู่แล้ว วิธีตรวจสอบช่อง "มูลค่า" มีดังนี้

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย ไอคอนเป้าหมาย
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกสรุป
  4. คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ต้องการตรวจสอบ
  5. ในส่วน "การตั้งค่า" ให้ดูช่อง "มูลค่า" ว่าระบุ "ไม่ใช้มูลค่า" หรือไม่
  6. หากต้องการแก้ไขมูลค่า ให้คลิกแก้ไขการตั้งค่า
  7. ขยายส่วนมูลค่า
  8. เลือก "อย่าใช้มูลค่ากับการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้"
  9. คลิกบันทึก

กรอบเวลา Conversion ของการกระทำในแอปควรน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30 วัน

หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคา tROAS เท่านั้น

สําหรับแคมเปญ ACi และแคมเปญ ACe ที่ใช้ tROAS คุณควรกำหนดกรอบเวลา Conversion ที่เหมาะสมเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างรูปแบบที่ได้ในเวลาที่เหมาะสมกับรายได้จากในแอปที่ครอบคลุมอย่างเพียงพอ กรอบเวลานี้ควรมีเวลาพอที่จะได้ Conversion ประมาณ 90% เราขอแนะนำให้กำหนดระยะเวลาไม่เกิน 30 วันสำหรับกรอบเวลา Conversion ที่ระบุด้านล่าง

วิธีตรวจสอบกรอบเวลา Conversion ของการกระทำในแอปมีดังนี้

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย ไอคอนเป้าหมาย
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกสรุป
  4. คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ต้องการตรวจสอบ
  5. ดูกรอบเวลา Conversion ในส่วน "การตั้งค่า"
  กรอบเวลา Conversion
ACi ที่ใช้ tROAS หลังการติดตั้ง
ACe ที่ใช้ tROAS Conversion การคลิกผ่าน (CTC)

การกระทำในแอปควรมีกรอบเวลา Conversion นานกว่าเหตุการณ์การติดตั้ง

หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคา tCPI (ผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะดำเนินการในแอป), tCPA และ tROAS

สําหรับแคมเปญ ACi กรอบเวลา Conversion ของเหตุการณ์ในแอปไม่ควรสั้นกว่ากรอบเวลาของเหตุการณ์การติดตั้ง เนื่องจากผู้ใช้จะดาวน์โหลดจนเสร็จก่อน เปรียบเทียบกรอบเวลาที่เกี่ยวข้องของเหตุการณ์การติดตั้งและการกระทำในแอป

วิธีตรวจสอบกรอบเวลา Conversion ของการกระทำในแอปมีดังนี้

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย ไอคอนเป้าหมาย
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกสรุป
  4. คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ต้องการตรวจสอบ
  5. ดูกรอบเวลา Conversion ในส่วน "การตั้งค่า"
  กรอบเวลา Conversion
การกระทำในแอป หลังการติดตั้ง
เหตุการณ์การติดตั้ง Conversion การคลิกผ่าน (CTC)
Conversion การดูอย่างมีส่วนร่วม (EVC)
Conversion การดูผ่าน (VTC)
ใช้ Deep Link ที่เกี่ยวข้อง
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด

Deep Link คือลิงก์ที่นําไปยังส่วนหนึ่งๆ ของแอป และการใช้ Deep Link ที่เกี่ยวข้องในโฆษณาจะช่วยให้ผู้ใช้ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมได้

สําหรับแคมเปญ ACi ที่มี Deferred Deep Link สำหรับกลุ่มโฆษณา คุณสามารถกำหนด Deep Link ที่เกี่ยวข้องกับธีม หมวดหมู่ หรือหัวข้อของกลุ่มโฆษณาได้ ระบบจะนำผู้ใช้ไปยังตำแหน่งนั้นทันทีหลังจากคลิกโฆษณาและติดตั้งหรือเปิดแอปของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีตั้งค่าและแก้ไขการทำ Deferred Deep Link สำหรับกลุ่มโฆษณา

เมื่อสร้างแคมเปญเพื่อการมีส่วนร่วม คุณเลือกตัวเลือก "ตั้งเป็นหน้าแรกของแอป" แทนการป้อน Deep Link ได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรใส่ Deep Link เพื่อให้ผู้ใช้กลับมามีส่วนร่วมตรงตำแหน่งที่เหมาะสมในแอป

Deep Link ไม่ได้สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อคุณสร้างแอป และมีการทำงานที่แตกต่างกันใน iOS และ Android ทีมพัฒนาแอปของคุณต้องทําการเปลี่ยนแปลงในแอปเพื่อใช้ Deep Link ในการสร้างแคมเปญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Deep Link

Impact Calculator สำหรับ Deep Link จะแสดง URL ของแคมเปญบนเว็บที่ได้รับการเข้าชมจากผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ รวมถึง Conversion ที่คุณอาจพลาดไปเนื่องจากไม่ได้ทำ Deep Link กับ URL ดังกล่าว วิธีเข้าถึงเครื่องมือนี้มีดังนี้

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ ไอคอนเครื่องมือ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงการวางแผนในเมนู "ส่วน"
  3. คลิกฮับการโฆษณาแอป
  4. คลิกแท็บ Impact Calculator สำหรับ Deep Link
  5. เลือกแพลตฟอร์มของแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในเมนูแบบเลื่อนลง
  6. ควรมี URL อย่างน้อย 1 รายการแสดงอยู่ในแท็บ URL ที่ทำ Deep Link สำหรับทั้ง Android และ iOS
    • หมายเหตุ: ตามหลักการแล้ว URL ทั้งหมดในแท็บ URL ที่ไม่ได้ทำ Deep Link ซึ่งมีค่าในคอลัมน์ "Conv. ของแอปที่ไม่ได้รับ" มากกว่า 0 ก็ควรทำ Deep Link ด้วยเช่นกัน
ทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับ iOS (หากมี)
มีแนวทางปฏิบัติแนะนำสําหรับ iOS โดยเฉพาะที่คุณควรทำตามเพื่อให้วัดผลแคมเปญ iOS ได้แม่นยํายิ่งขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีปรับปรุงการทำงานและการวัดผล App Campaign ใน iOS ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

ครีเอทีฟโฆษณา

โฆษณาต้องมีคุณภาพ "ดี" เป็นอย่างน้อย
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด

ตรวจสอบแต่ละกลุ่มโฆษณาเพื่อให้แน่ใจว่าคะแนนคุณภาพของโฆษณาอยู่ในระดับ "ดี" เป็นอย่างน้อย เมตริกนี้แสดงให้เห็นว่าครีเอทีฟโฆษณาเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติแนะนำของ Google เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดมากน้อยเพียงใด ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณภาพของโฆษณา

ชิ้นงานแต่ละประเภทได้รับอนุมัติอย่างน้อย 1 รายการ
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด

ชิ้นงานที่หลากหลายช่วยให้ App Campaign สร้างโฆษณาที่ตรงใจผู้ใช้กลุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น ชิ้นงานต้องอยู่ในสถานะได้รับอนุมัติจึงจะแสดงในวงกว้างมากขึ้นในช่องทางโฆษณาต่างๆ ตรวจสอบแต่ละกลุ่มโฆษณาและมองหาชิ้นงานข้อความ (บรรทัดแรกและคำอธิบาย) ชิ้นงานรูปภาพ และชิ้นงานวิดีโอที่ได้รับอนุมัติ หากชิ้นงานไม่ได้รับอนุมัติ ให้ตรวจสอบว่าชิ้นงานเป็นไปตามนโยบายของ Google Ads


การแข่งขันกันเอง

ยืนยันว่าไม่มีการแข่งขันกันเองในระดับแอป
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด
หลีกเลี่ยงการใช้งาน App Campaign หลายรายการที่กำหนดเป้าหมายเป็นคนกลุ่มคนเดียวกันพร้อมกัน เนื่องจากอาจทำให้แคมเปญแข่งขันกันเอง ลักษณะแคมเปญที่ไม่ควรใช้งานมีดังนี้
  • อยู่ในประเภทย่อยเดียวกัน (ACi, ACe, ACpre)
  • กำหนดเป้าหมายแอปเดียวกัน
  • มีสถานที่หรือภาษาทับซ้อนกัน
เปิดใช้การแชร์การระบุแหล่งที่มา
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด

การแชร์การระบุแหล่งที่มาแอปช่วยให้แคมเปญเพื่อการติดตั้งและแคมเปญที่ไม่ใช่เพื่อการติดตั้ง เช่น แคมเปญการลงทะเบียนล่วงหน้า แคมเปญเพื่อการมีส่วนร่วม และแคมเปญที่มีการทำ Deep Link ในแอป แชร์การระบุแหล่งที่มาของ Conversion ได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณติดตามจํานวน Conversion ทั้งหมดที่นับระหว่างทั้ง 2 แคมเปญได้ด้วย การแชร์การระบุแหล่งที่มาจะใช้งานได้ต่อเมื่อแคมเปญดังกล่าวทำงานในบัญชีเดียวกันและโปรโมตแอปเดียวกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแชร์การระบุแหล่งที่มาสำหรับ App Campaign

สำหรับบัญชีที่ใช้งานแคมเปญ ACi และ ACe หรือ ACi และ ACpre พร้อมกัน วิธีตรวจสอบว่าแคมเปญเปิดใช้การแชร์การระบุแหล่งที่มาหรือไม่มีดังนี้

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย ไอคอนเป้าหมาย ทางด้านซ้าย
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกการตั้งค่า
  4. ไปที่ส่วนการแชร์การระบุแหล่งที่มาแอป และตรวจสอบว่ามีป้ายกำกับ "App Campaign จะแชร์การระบุแหล่งที่มา Conversion ใน App Campaign ประเภทย่อย"
    • สําหรับบัญชีที่มีทั้งแคมเปญ ACi และ ACe ควรมีการเลือกช่อง "แชร์การระบุแหล่งที่มาของ Conversion ในแอปในแคมเปญเพื่อการติดตั้งแอป แคมเปญเพื่อการกลับมามีส่วนร่วม และแคมเปญที่มีการทำ Deep Link ในแอป"
    • สําหรับบัญชีที่มีทั้งแคมเปญ ACi และ ACpre ควรมีการเลือกช่อง "แชร์การระบุแหล่งที่มาของ Conversion การติดตั้งในแคมเปญเพื่อการติดตั้งแอปและแคมเปญการลงทะเบียนล่วงหน้า"

การเปลี่ยนแปลง

หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงบางประเภทขณะที่แคมเปญกำลังเรียนรู้
หมายเหตุ: แนวทางปฏิบัติแนะนำนี้ใช้กับกลยุทธ์การเสนอราคาทั้งหมด
การเปลี่ยนแปลงแคมเปญที่ทำงานอยู่ก่อนจะมีการบันทึก Conversion 100 รายการแรกอาจขัดขวางการเรียนรู้และส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง สิ่งที่ควรคำนึงถึงมีดังนี้
  • พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า Conversion เช่น กรอบเวลา Conversion และตัวเลือกการนับ Conversion
  • พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงชิ้นงานที่มีประสิทธิภาพสูง
  • พยายามอย่าปรับราคาเสนอขึ้นลง และทำการเปลี่ยนแปลงเพียงครั้งเดียวหากเป็นไปได้
  • พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพ (สิ่งที่แคมเปญมุ่งเน้น) หรือเหตุการณ์เป้าหมาย
  • พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงการกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์ที่ต่างไปจากเดิมมาก
  • พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์การติดตั้งหรือเหตุการณ์ในแอปที่กำหนดเป้าหมาย

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
9229946567819827059
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false