เมื่อพูดถึงการสร้างและดูแล App Campaign ไม่ว่าจะเป็น App Campaign เพื่อการติดตั้ง (ACi), App Campaign เพื่อการมีส่วนร่วม (ACe) หรือ App Campaign for Pre-registration (ACpre) เราต้องการช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ คู่มือนี้แสดงภาพรวมของเคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติแนะนำต่างๆ ที่จะช่วยให้ App Campaign ประสบความสำเร็จ
การตั้งค่าแคมเปญ
- สําหรับ ACi ที่ใช้ tCPI และ ACpre งบประมาณควรคิดเป็นอย่างน้อย 50 เท่าของราคาเสนอ
- สําหรับ ACi ที่ใช้ tCPA งบประมาณควรคิดเป็นอย่างน้อย 10 เท่าของราคาเสนอ
- สําหรับ ACe ที่ใช้ tCPA งบประมาณควรคิดเป็นอย่างน้อย 15 เท่าของราคาเสนอ
สำหรับแคมเปญที่ถูกจำกัดด้วยงบประมาณ
การมีงบประมาณต่ำอาจเป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพของแคมเปญเนื่องจากโฆษณามักไม่ได้แสดงบ่อยเท่าที่ควร ตรวจสอบคอลัมน์ "สถานะ" ของแคมเปญที่ทําเครื่องหมายว่า "งบประมาณไม่เพียงพอ"
หากมีแคมเปญที่ทําเครื่องหมายว่า "งบประมาณไม่เพียงพอ" ให้เพิ่มงบประมาณโดยคลิกปุ่ม "งบประมาณไม่เพียงพอ" เครื่องมือค่าประมาณรายสัปดาห์จะปรากฏขึ้นและเสนอคําแนะนํา แต่คุณก็กําหนดงบประมาณเองได้ด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีแก้ไขสถานะ "งบประมาณไม่เพียงพอ"
สำหรับแคมเปญที่ถูกจำกัดด้วยราคาเสนอ
ราคาเสนอควรสะท้อนถึงมูลค่าของเหตุการณ์ที่เลือกต่อธุรกิจ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบว่าโฆษณามีความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้มีโอกาสแสดงมากขึ้น หาก CPI หรือ CPA ที่ได้เท่ากับหรือเกินกว่า tCPI หรือ tCPA ที่กำหนดไว้เป็นพักๆ หรือหาก tROAS สูงกว่า ROAS ที่ได้อย่างสม่ำเสมอ แสดงว่าแคมเปญถูกจำกัดด้วยราคาเสนอ ในกรณีนี้ ควรเพิ่มราคาเสนอหรือลด ROAS วิธีตรวจสอบรายงานกลยุทธ์การเสนอราคาเพื่อดูว่าแคมเปญถูกจำกัดด้วยราคาเสนอหรือไม่
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงงบประมาณและการเสนอราคาในเมนู "ส่วน"
- คลิกกลยุทธ์การเสนอราคา
- คลิกลิงก์ในคอลัมน์ "ประเภทกลยุทธ์การเสนอราคา" เพื่อเข้าถึงรายงานกลยุทธ์การเสนอราคา
- หมายเหตุ: หากไม่เห็นคอลัมน์ "ประเภทกลยุทธ์การเสนอราคา" ให้เพิ่มคอลัมน์นี้ในตารางแคมเปญ
- ในส่วน "ประวัติประสิทธิภาพ" ให้เลือกพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การเสนอราคาที่ใช้
- สำหรับ CPI ให้เลือกต้นทุนที่ตั้งไว้ต่อการติดตั้งแอปหนึ่งครั้งโดยเฉลี่ย และต้นทุนจริง / การติดตั้ง
- สำหรับ CPA ให้เลือกต้นทุนต่อการกระทำในแอปหนึ่งครั้งที่ตั้งไว้โดยเฉลี่ย และต้นทุนจริง / การกระทำในแอป
- สำหรับ ROAS ให้เลือก ROAS เป้าหมายโดยเฉลี่ย และ ROAS จริง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีหารายงานกลยุทธ์การเสนอราคา
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
- คลิกแคมเปญ
- วางเมาส์เหนือแคมเปญที่ต้องการตรวจสอบ แล้วคลิกไอคอนการตั้งค่า ข้างชื่อแคมเปญ
- คลิกส่วนการเสนอราคา
- ในส่วน "คุณต้องการมุ่งเน้นที่วัตถุประสงค์ใด" ให้ตรวจสอบว่าได้เลือก "การกระทำในแอป" ไว้
- ในส่วน "การกระทำใดบ้างที่สำคัญต่อคุณที่สุด" ให้ยืนยันว่ากําหนดเป้าหมายการกระทําเพียงรายการเดียวเท่านั้น
- หมายเหตุ: หากการกระทำมีมูลค่าเทียบเท่ากัน คุณจะกำหนดเป้าหมายการกระทำ 2 รายการขึ้นไปได้
ตรวจสอบในการตั้งค่าแคมเปญว่าแอปพร้อมให้ลงทะเบียนล่วงหน้าในประเทศเป้าหมาย หากแคมเปญกำหนดเป้าหมายไปยังประเทศที่แอปไม่เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า แคมเปญจะไม่แสดงในประเทศนั้น คุณตรวจสอบประเทศที่แอปเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ใน Google Play Console
เครื่องมือวัด Conversion
การติดแท็กอัตโนมัติเป็นข้อกําหนดสําคัญในการวัด Conversion ของแอปและความครอบคลุมของการระบุแหล่งที่มา วิธีเปิดใช้การติดแท็กอัตโนมัติมีดังนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนผู้ดูแลระบบ
- คลิกการตั้งค่าบัญชี
- คลิกการติดแท็กอัตโนมัติเพื่อขยายส่วนดังกล่าว
- เลือกช่องข้าง "ติดแท็ก URL ที่ผู้ใช้คลิกผ่านจากโฆษณาของฉัน"
- คลิกบันทึก
ติดตามมูลค่า Conversion ของการกระทำในแอป
เราสามารถประเมินผลตอบแทนจากค่าโฆษณาที่ได้เมื่อทราบมูลค่าของเหตุการณ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ตรวจสอบการตั้งค่า Conversion ของเหตุการณ์เป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าติดตามมูลค่าจากผู้ให้บริการวิเคราะห์อยู่ วิธีตรวจสอบมูลค่า Conversion มีดังนี้
- คลิกไอคอนเป้าหมาย ทางด้านซ้าย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกสรุป
- คลิกดูการกระทําที่ถือเป็น Conversion ทั้งหมดที่มุมขวาบน
- คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion เป้าหมายในแคมเปญ tROAS
- ส่วน "มูลค่า" ไม่ควรระบุว่า "ไม่ใช้มูลค่า" หากมีการระบุเช่นนี้ แสดงว่าแคมเปญไม่ได้ติดตามมูลค่า Conversion ของการกระทำในแอป
อย่ากำหนดมูลค่า Conversion ของเหตุการณ์การติดตั้ง เว้นแต่จะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว
สําหรับแคมเปญ ACi ให้ตรวจสอบช่อง "มูลค่า" ของเหตุการณ์การติดตั้งเพื่อดูว่าติดตามมูลค่าอยู่หรือไม่ โดยทั่วไปเราขอแนะนําว่าไม่ต้องกําหนดมูลค่า เว้นแต่การติดตั้งแอปจะมีมูลค่าอยู่แล้ว วิธีตรวจสอบช่อง "มูลค่า" มีดังนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
- คลิกสรุป
- คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ต้องการตรวจสอบ
- ในส่วน "การตั้งค่า" ให้ดูช่อง "มูลค่า" ว่าระบุ "ไม่ใช้มูลค่า" หรือไม่
- หากต้องการแก้ไขมูลค่า ให้คลิกแก้ไขการตั้งค่า
- ขยายส่วนมูลค่า
- เลือก "อย่าใช้มูลค่ากับการกระทำที่ถือเป็น Conversion นี้"
- คลิกบันทึก
กรอบเวลา Conversion ของการกระทำในแอปควรน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30 วัน
สําหรับแคมเปญ ACi และแคมเปญ ACe ที่ใช้ tROAS คุณควรกำหนดกรอบเวลา Conversion ที่เหมาะสมเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างรูปแบบที่ได้ในเวลาที่เหมาะสมกับรายได้จากในแอปที่ครอบคลุมอย่างเพียงพอ กรอบเวลานี้ควรมีเวลาพอที่จะได้ Conversion ประมาณ 90% เราขอแนะนำให้กำหนดระยะเวลาไม่เกิน 30 วันสำหรับกรอบเวลา Conversion ที่ระบุด้านล่าง
วิธีตรวจสอบกรอบเวลา Conversion ของการกระทำในแอปมีดังนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
- คลิกสรุป
- คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ต้องการตรวจสอบ
- ดูกรอบเวลา Conversion ในส่วน "การตั้งค่า"
กรอบเวลา Conversion | |
---|---|
ACi ที่ใช้ tROAS | หลังการติดตั้ง |
ACe ที่ใช้ tROAS | Conversion การคลิกผ่าน (CTC) |
การกระทำในแอปควรมีกรอบเวลา Conversion นานกว่าเหตุการณ์การติดตั้ง
สําหรับแคมเปญ ACi กรอบเวลา Conversion ของเหตุการณ์ในแอปไม่ควรสั้นกว่ากรอบเวลาของเหตุการณ์การติดตั้ง เนื่องจากผู้ใช้จะดาวน์โหลดจนเสร็จก่อน เปรียบเทียบกรอบเวลาที่เกี่ยวข้องของเหตุการณ์การติดตั้งและการกระทำในแอป
วิธีตรวจสอบกรอบเวลา Conversion ของการกระทำในแอปมีดังนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในเมนู "ส่วน"
- คลิกสรุป
- คลิกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ต้องการตรวจสอบ
- ดูกรอบเวลา Conversion ในส่วน "การตั้งค่า"
กรอบเวลา Conversion | |
---|---|
การกระทำในแอป | หลังการติดตั้ง |
เหตุการณ์การติดตั้ง | Conversion การคลิกผ่าน (CTC) |
Conversion การดูอย่างมีส่วนร่วม (EVC) | |
Conversion การดูผ่าน (VTC) |
Deep Link คือลิงก์ที่นําไปยังส่วนหนึ่งๆ ของแอป และการใช้ Deep Link ที่เกี่ยวข้องในโฆษณาจะช่วยให้ผู้ใช้ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมได้
สําหรับแคมเปญ ACi ที่มี Deferred Deep Link สำหรับกลุ่มโฆษณา คุณสามารถกำหนด Deep Link ที่เกี่ยวข้องกับธีม หมวดหมู่ หรือหัวข้อของกลุ่มโฆษณาได้ ระบบจะนำผู้ใช้ไปยังตำแหน่งนั้นทันทีหลังจากคลิกโฆษณาและติดตั้งหรือเปิดแอปของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีตั้งค่าและแก้ไขการทำ Deferred Deep Link สำหรับกลุ่มโฆษณา
เมื่อสร้างแคมเปญเพื่อการมีส่วนร่วม คุณเลือกตัวเลือก "ตั้งเป็นหน้าแรกของแอป" แทนการป้อน Deep Link ได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรใส่ Deep Link เพื่อให้ผู้ใช้กลับมามีส่วนร่วมตรงตำแหน่งที่เหมาะสมในแอป
Deep Link ไม่ได้สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อคุณสร้างแอป และมีการทำงานที่แตกต่างกันใน iOS และ Android ทีมพัฒนาแอปของคุณต้องทําการเปลี่ยนแปลงในแอปเพื่อใช้ Deep Link ในการสร้างแคมเปญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Deep Link
Impact Calculator สำหรับ Deep Link จะแสดง URL ของแคมเปญบนเว็บที่ได้รับการเข้าชมจากผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ รวมถึง Conversion ที่คุณอาจพลาดไปเนื่องจากไม่ได้ทำ Deep Link กับ URL ดังกล่าว วิธีเข้าถึงเครื่องมือนี้มีดังนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงการวางแผนในเมนู "ส่วน"
- คลิกฮับการโฆษณาแอป
- คลิกแท็บ Impact Calculator สำหรับ Deep Link
- เลือกแพลตฟอร์มของแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในเมนูแบบเลื่อนลง
- ควรมี URL อย่างน้อย 1 รายการแสดงอยู่ในแท็บ URL ที่ทำ Deep Link สำหรับทั้ง Android และ iOS
- หมายเหตุ: ตามหลักการแล้ว URL ทั้งหมดในแท็บ URL ที่ไม่ได้ทำ Deep Link ซึ่งมีค่าในคอลัมน์ "Conv. ของแอปที่ไม่ได้รับ" มากกว่า 0 ก็ควรทำ Deep Link ด้วยเช่นกัน
ครีเอทีฟโฆษณา
ตรวจสอบแต่ละกลุ่มโฆษณาเพื่อให้แน่ใจว่าคะแนนคุณภาพของโฆษณาอยู่ในระดับ "ดี" เป็นอย่างน้อย เมตริกนี้แสดงให้เห็นว่าครีเอทีฟโฆษณาเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติแนะนำของ Google เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดมากน้อยเพียงใด ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณภาพของโฆษณา
ชิ้นงานที่หลากหลายช่วยให้ App Campaign สร้างโฆษณาที่ตรงใจผู้ใช้กลุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น ชิ้นงานต้องอยู่ในสถานะได้รับอนุมัติจึงจะแสดงในวงกว้างมากขึ้นในช่องทางโฆษณาต่างๆ ตรวจสอบแต่ละกลุ่มโฆษณาและมองหาชิ้นงานข้อความ (บรรทัดแรกและคำอธิบาย) ชิ้นงานรูปภาพ และชิ้นงานวิดีโอที่ได้รับอนุมัติ หากชิ้นงานไม่ได้รับอนุมัติ ให้ตรวจสอบว่าชิ้นงานเป็นไปตามนโยบายของ Google Ads
การแข่งขันกันเอง
- อยู่ในประเภทย่อยเดียวกัน (ACi, ACe, ACpre)
- กำหนดเป้าหมายแอปเดียวกัน
- มีสถานที่หรือภาษาทับซ้อนกัน
การแชร์การระบุแหล่งที่มาแอปช่วยให้แคมเปญเพื่อการติดตั้งและแคมเปญที่ไม่ใช่เพื่อการติดตั้ง เช่น แคมเปญการลงทะเบียนล่วงหน้า แคมเปญเพื่อการมีส่วนร่วม และแคมเปญที่มีการทำ Deep Link ในแอป แชร์การระบุแหล่งที่มาของ Conversion ได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณติดตามจํานวน Conversion ทั้งหมดที่นับระหว่างทั้ง 2 แคมเปญได้ด้วย การแชร์การระบุแหล่งที่มาจะใช้งานได้ต่อเมื่อแคมเปญดังกล่าวทำงานในบัญชีเดียวกันและโปรโมตแอปเดียวกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแชร์การระบุแหล่งที่มาสำหรับ App Campaign
สำหรับบัญชีที่ใช้งานแคมเปญ ACi และ ACe หรือ ACi และ ACpre พร้อมกัน วิธีตรวจสอบว่าแคมเปญเปิดใช้การแชร์การระบุแหล่งที่มาหรือไม่มีดังนี้
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย ทางด้านซ้าย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลง Conversion ในหมวดหมู่เมนู
- คลิกการตั้งค่า
- ไปที่ส่วนการแชร์การระบุแหล่งที่มาแอป และตรวจสอบว่ามีป้ายกำกับ "App Campaign จะแชร์การระบุแหล่งที่มา Conversion ใน App Campaign ประเภทย่อย"
- สําหรับบัญชีที่มีทั้งแคมเปญ ACi และ ACe ควรมีการเลือกช่อง "แชร์การระบุแหล่งที่มาของ Conversion ในแอปในแคมเปญเพื่อการติดตั้งแอป แคมเปญเพื่อการกลับมามีส่วนร่วม และแคมเปญที่มีการทำ Deep Link ในแอป"
- สําหรับบัญชีที่มีทั้งแคมเปญ ACi และ ACpre ควรมีการเลือกช่อง "แชร์การระบุแหล่งที่มาของ Conversion การติดตั้งในแคมเปญเพื่อการติดตั้งแอปและแคมเปญการลงทะเบียนล่วงหน้า"
การเปลี่ยนแปลง
- พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า Conversion เช่น กรอบเวลา Conversion และตัวเลือกการนับ Conversion
- พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงชิ้นงานที่มีประสิทธิภาพสูง
- พยายามอย่าปรับราคาเสนอขึ้นลง และทำการเปลี่ยนแปลงเพียงครั้งเดียวหากเป็นไปได้
- พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพ (สิ่งที่แคมเปญมุ่งเน้น) หรือเหตุการณ์เป้าหมาย
- พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงการกำหนดเป้าหมายตามภูมิศาสตร์ที่ต่างไปจากเดิมมาก
- พยายามอย่าเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์การติดตั้งหรือเหตุการณ์ในแอปที่กำหนดเป้าหมาย