การวัดผลด้วย Search Lift จะระบุว่าโฆษณาส่งผลต่อแนวโน้มที่ผู้ใช้จะค้นหาผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ของคุณใน YouTube และ Google Search อย่างไร คุณใช้การวัดนี้เพื่อปรับและปรับปรุงแคมเปญให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่ต้องการได้
ในบทความนี้ คุณจะได้ทราบวิธีตั้งค่าการวัดผลด้วย Search Lift, กําหนดข้อความค้นหาที่สนใจ และดูข้อมูลการวัดผลด้วย Search Lift
ก่อนเริ่มต้น
คุณสามารถทำการศึกษา Search Lift เพียงอย่างเดียว หรือร่วมกับการศึกษา Brand Lift และ/หรือ Conversion Lift ก็ได้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจทำการศึกษาทั้ง Brand Lift และ Search Lift หรือเลือก Search Lift เพียงอย่างเดียว
การกำหนดงบประมาณสำหรับ Search Lift
คุณต้องมีงบประมาณตามข้อกําหนดขั้นต่ำจึงจะตรวจพบ Lift ที่เกิดจากแคมเปญที่มีสิทธิ์ งบประมาณนี้ช่วยให้แคมเปญได้รับการแสดงผลและปริมาณการค้นหามากพอที่จะมีโอกาสพบ Lift อย่างสมเหตุสมผล เราขอแนะนําว่าผลรวมงบประมาณของแคมเปญที่ใช้งานอยู่ทั้งหมดที่วัดผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ควรเป็นไปตามข้อกำหนดเกี่ยวกับงบประมาณขั้นต่ำที่ระบุไว้ในบทความเกี่ยวกับคำแนะนำด้านงบประมาณสำหรับ Search Lift
ตัวอย่าง
ในสหรัฐอเมริกา คุณต้องมีงบประมาณอย่างน้อย $10,000 USD สำหรับ Brand Lift ดังนั้นงบประมาณที่กำหนดสำหรับ Search Lift จึงอยู่ที่ $10,000 USD เช่นกัน หากต้องการวัด Brand Lift และ Search Lift ร่วมกัน ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำจะยังคงอยู่ที่ $10,000 USD ไม่ใช่ $20,000 USD เนื่องจากงบประมาณไม่ได้บวกเพิ่ม
ข้อความค้นหาสำหรับ Search Lift
ส่วนสําคัญของการศึกษา Search Lift ที่ประสบความสําเร็จคือการทําตามแนวทางปฏิบัติแนะนำในการเลือกข้อความค้นหาที่ดี โปรดทราบว่าเมื่อเรียกใช้ Search Lift ร่วมกับ Brand Lift ชื่อของผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ที่โฆษณาและเลือกให้เป็นคำตอบที่ต้องการในการสำรวจ Brand Lift จะรวมอยู่ในการศึกษา Search Lift เสมอ
เมื่อตั้งค่าการศึกษา Search Lift ระบบจะขอให้คุณสร้างกลุ่มข้อความค้นหา ซึ่งเป็นกลุ่มของข้อความค้นหาที่เกี่ยวข้องที่จะวัดในการศึกษา Search Lift คุณมีกลุ่มได้สูงสุด 5 กลุ่ม แต่ปกติแล้วต้องใช้เพียง 1-2 กลุ่มเท่านั้น ในแต่ละกลุ่ม คุณควรตรวจสอบว่าข้อความค้นหามีความเกี่ยวข้องกันและเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์และโฆษณาโดยเฉพาะ เรามักพบว่าการวัดผลด้วย Search Lift จะประสบความสำเร็จมากขึ้นหากคุณมุ่งเน้นข้อความค้นหา 2-3 รายการที่เจาะจงและแสดงแบรนด์หรือชื่อผลิตภัณฑ์
การใช้ข้อความค้นหาที่เฉพาะเจาะจงซึ่งเลือกมาอย่างรอบคอบนั้นเป็นกุญแจสําคัญ เนื่องจากจะช่วยให้ตรวจพบ Lift ได้ง่ายขึ้นสำหรับข้อความค้นหาที่ผู้คนไม่น่าจะค้นหาหากไม่มีโฆษณา แต่มีแนวโน้มที่จะค้นหาหลังดูโฆษณา แน่นอนว่าข้อความค้นหาเหล่านั้นจะมีกิจกรรมการค้นหาเพิ่มขึ้นสูงเมื่อเทียบกับเกณฑ์พื้นฐาน ทำให้ระบุ Lift ได้ง่ายขึ้นและมีความน่าเชื่อถือ
- เลือกข้อความค้นหาเพียงไม่กี่รายการ แนะนำให้มี 1-5 รายการต่อกลุ่มข้อความค้นหา
- เลือกเฉพาะคำที่เชื่อมโยงกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ หรือเกี่ยวข้องกับโฆษณา
- เลือกข้อความค้นหาที่เฉพาะเจาะจงและคาดว่าจะได้รับปริมาณการค้นหาเพิ่มขึ้นอย่างมากจากแคมเปญโฆษณา
- อย่าเลือกข้อความค้นหาจำนวนมากหรือสร้างหลายกลุ่มเกินไป
- อย่าเลือกข้อความค้นหาทั่วไปหรือที่ไม่เกี่ยวข้อง
- อย่าเลือกข้อความค้นหาของคู่แข่ง
- อย่าใช้ประโยคหรือข้อความค้นหาที่ประกอบด้วยคำมากเกินไป เนื่องจากผู้ใช้ไม่น่าจะค้นหาโดยใช้ประโยคเดียวกันนั้น
- ไม่จำเป็นต้องรวมคำเดียวกันรูปแบบต่างๆ เช่น การสะกดผิด เครื่องหมายวรรคตอน เครื่องหมายเน้นเสียง เป็นต้น เนื่องจากระบบจะจับคำเหล่านี้อยู่แล้ว
ตัวอย่าง
การโฆษณา Google Pixel 7 Pro
"Pixel 7 Pro" เป็นข้อความค้นหาที่เฉพาะเจาะจงและผู้ใช้อาจไม่ค้นหาหากไม่เห็นโฆษณา โปรดทราบว่าการใช้ "pixel 7 pro" จะรวมการค้นหาอย่างเช่น "Google pixel 7 pro" และ "สมาร์ทโฟน pixel 7 pro ใหม่" ข้อความนี้จึงมีความเฉพาะเจาะจงแต่ก็จับคำค้นหาได้ในวงกว้างและเป็นตัวเลือกที่ดี
"Google Pixel" เป็นข้อความค้นหาที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาเพียงบางส่วน ผู้ใช้บางรายจะค้นหา "Google Pixel 6" หรือรุ่นอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ตรวจจับ Lift ที่มีนัยสำคัญได้ยากขึ้น คุณใช้ข้อความค้นหาเช่นนี้ได้ แต่หากไม่พบ Lift ก็ควรเข้าใจว่าอาจเป็นเพราะข้อความนั้นไม่เฉพาะเจาะจงมากพอ
"Google" หรือ "Pixel" เป็นข้อความค้นหาที่กว้างเกินไปและผู้ใช้จะค้นหาไม่ว่าคุณจะโฆษณาอะไร ผู้ใช้ค้นหา "Google" เพื่อหาข้อมูลต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์ Pixel และผู้ใช้ก็ค้นหา "pixel (พิกเซล)" ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันทั่วไปในการถ่ายภาพ การตรวจพบ Lift ใดๆ จากข้อความค้นหาดังกล่าวจึงเป็นเรื่องยากมาก แม้ว่าจะมีโฆษณาประสิทธิภาพสูงก็ตาม
"การซูมที่ปรับปรุงแล้วของกล้อง Pixel 7" ซับซ้อนเกินไปและมีคำมากเกินไป จึงไม่น่าจะมีผู้ใช้จำนวนมากพอที่ค้นหาประโยคเดียวกันนี้ให้ตรวจพบ Lift ควรแยกข้อความค้นหาที่ซับซ้อนนี้เป็น 2 ข้อความค้นหาที่เข้าใจง่ายขึ้นแทน ได้แก่ "กล้อง Pixel 7" และ "การซูม Pixel"
วิธีการ
สร้างและกำหนดผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงการวัดในเมนู "ส่วน"
- คลิกการวัดผลด้วย Lift
- คลิกปุ่มบวก
- กรอกชื่อผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์เพื่อระบุการศึกษานี้
- เลือก "Search Lift" และ (ไม่บังคับ) เลือก Lift ประเภทอื่นๆ เช่น Brand Lift
- เลือกแคมเปญที่คุณต้องการวัดในการศึกษานี้
- ไปที่ "การตั้งค่า Search Lift"
- หากวัดเฉพาะ Search Lift ให้เริ่มป้อนข้อความค้นหาเลย หากวัด Brand Lift ด้วย คุณต้องคลิกเพิ่มอีกกลุ่มก่อนจึงจะเพิ่มข้อความค้นหาได้
- การแยกข้อความค้นหาด้วยคอมมาจะเป็นการบันทึกข้อความค้นหาและช่วยให้สร้างข้อความค้นหาใหม่ได้
- หากต้องการลบข้อความค้นหา ให้คลิกกากบาทที่อยู่ด้านข้าง
- ตรวจสอบข้อความค้นหา แล้วคลิกบันทึก
ดูข้อมูลการวัดผลด้วย Search Lift
ข้อมูลการวัดผลด้วย Search Lift จะแสดงในหน้าการวัดผลด้วย Lift เท่านั้น คุณดูภาพรวมของผลลัพธ์ได้ในตาราง "การวัดผลด้วย Lift"
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเป้าหมาย
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงการวัดในเมนู "ส่วน"
- คลิกการวัด Brand Lift
- คลิกไอคอนคอลัมน์
- คลิกแก้ไขคอลัมน์
- เลือก Search Lift แล้วคลิกใช้
หากต้องการดูผลลัพธ์แบบละเอียด ให้เปิดรายละเอียดการศึกษาและไปที่แท็บ "Search Lift"