แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำกำลังได้รับการอัปเกรดเป็น Demand Gen

แคมเปญ Demand Gen จะมาแทนที่แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ (VAC)* Demand Gen ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาค้นพบแนวคิดใหม่ๆ รวบรวมข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาด และตัดสินใจที่จะซื้อออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่มีการเรียกดูมากที่สุดใน YouTube และ Google ได้ โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ลงโฆษณาที่ลงโฆษณาวิดีโอโดยใช้ Demand Gen จะได้รับ Conversion ที่คล้ายกับแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำโดยมีต้นทุนต่อหนึ่งการกระทำที่ใกล้เคียงกัน1 และการใช้กลยุทธ์แบบ Multi-Format จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นได้ ผู้ลงโฆษณาที่อัปโหลดชิ้นงานวิดีโอและชิ้นงานรูปภาพไปยัง Demand Gen ได้รับ Conversion เพิ่มขึ้น 20% โดยมีต้นทุนต่อหนึ่งการกระทำเท่าเดิม เมื่อเทียบกับผู้ลงโฆษณาที่อัปโหลดชิ้นงานวิดีโออย่างเดียว2

กำหนดการที่สำคัญ

  • มีนาคม 2025: เราจะนำตัวเลือกในการสร้างแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำใหม่ออกจาก Google Ads
  • ไตรมาสที่ 2 ปี 2025: แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำที่มีอยู่จะได้รับการอัปเกรดเป็นแคมเปญ Demand Gen โดยอัตโนมัติ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัปเดตนี้ได้ในบล็อกโพสต์ของ Google

*แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ (VAC) รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้น Conversion และหมายถึงแคมเปญวิดีโอที่มีประเภทย่อยของแคมเปญกระตุ้น Conversion หากต้องการกรองแคมเปญที่เกี่ยวข้องในแท็บแคมเปญใน Google Ads ให้คลิกเพิ่มตัวกรอง แล้วเพิ่มตัวกรองได้แก่ ประเภทแคมเปญ: วิดีโอ, ประเภทย่อยของแคมเปญ: กระตุ้น Conversion

1ข้อมูลภายในของ Google, ทั่วโลก, กรกฎาคม 2024, พื้นที่โฆษณา YouTube และ GVP เท่านั้น, Google Ads

2ข้อมูลภายในของ Google, ทั่วโลก, มกราคม 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2024

แคมเปญ Demand Gen และแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำแตกต่างกันอย่างไร

แคมเปญที่อัปเกรดเป็น Demand Gen จะยังคงการตั้งค่าหลายอย่างที่คุณคุ้นเคยในแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำไว้ แต่จะได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์เพิ่มเติมจากประสิทธิภาพที่มาจากความสามารถของแคมเปญ Demand Gen ในการเพิ่มประสิทธิภาพทั่วทั้งมิติข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาเหล่านี้ด้วย Smart Bidding แบบอัตโนมัติ

ขยายพื้นที่โฆษณา Demand Gen จาก YouTube ให้รวม Discover, Gmail, GVP (ไม่บังคับ) ไว้ด้วย

ตำแหน่งที่จะแสดงโฆษณา *ฟีดสำรวจ Gmail YouTube YouTube Shorts พาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google
Demand Gen ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว
VAC Red X icon Red X icon ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว
An image showing ad formats for Demand Gen and Video Action Campaigns.

*ฟีดสำรวจเป็นฟีเจอร์ที่มีเฉพาะในอุปกรณ์เคลื่อนที่ ผู้ใช้สามารถอ่านฟีดบทความที่แสดงตามความสนใจของตน ใน Android ผู้ใช้จะเข้าถึงฟีดนี้ได้โดยเลื่อนไปทางซ้ายจากหน้าจอหลัก ใน iPhone ฟีดนี้จะอยู่ในแอป Google บน iOS

เราได้ขยายรูปแบบโฆษณา Demand Gen ให้รวมรูปภาพไว้ด้วย ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกําหนดและแนวทางปฏิบัติแนะนำสําหรับชิ้นงานในแคมเปญ Demand Gen

รูปแบบโฆษณา วิดีโอในสตรีม วิดีโอในฟีด วิดีโอ Shorts รูปภาพในฟีด รูปภาพ Shorts
Demand Gen ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว
VAC ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว ใช่ ยืนยันแล้ว Red X icon Red X icon

ฟีเจอร์ที่คุณจะได้เมื่ออัปเกรดเป็น Demand Gen

ครีเอทีฟโฆษณา

  • ค่ากําหนดของครีเอทีฟโฆษณา: ค่ากําหนดของครีเอทีฟโฆษณาช่วยให้คุณยึดชิ้นงานวิดีโอไว้กับรูปแบบเฉพาะภายในโฆษณา Demand Gen ได้

  • การทดสอบ A/B สําหรับครีเอทีฟโฆษณา: การทดสอบ Demand Gen ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาทดสอบประสิทธิภาพของครีเอทีฟโฆษณาแบบหลายช่องทางได้ ซึ่งรวมทั้งรูปภาพและวิดีโอ ด้วยการสร้างการทดสอบแบบเปรียบเทียบทีละจุดในสภาพแวดล้อมการทดสอบที่ไม่มีปัจจัยอื่นแทรกแซงซึ่งทำให้ระบบกําหนดผู้ใช้แบบสุ่มไปยังกลุ่มที่แยกต่างหาก
  • รูปภาพที่ AI สร้างขึ้นจากพรอมต์ข้อความ: สร้างชิ้นงานรูปภาพที่กําหนดเองได้ง่ายๆ ด้วย Generative AI ซึ่งช่วยให้คุณสร้างชิ้นงานรูปภาพใหม่และต้นฉบับได้ภายในไม่กี่คลิก หากมีรูปภาพที่ใช้งานได้ดีอยู่แล้ว คุณสามารถสร้างตัวเลือกที่คล้ายกันได้

การตั้งค่าแคมเปญ

  • กลุ่มที่คล้ายกัน: กลุ่มที่คล้ายกันคือกลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายกับผู้ที่อยู่ในรายการ "ตั้งต้น" ที่มีอยู่ คุณจะต้องสร้างรายการตั้งต้นโดยใช้ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่ง รวมถึงรายการการจับคู่ข้อมูลลูกค้าหรือรายชื่อผู้ที่เคยโต้ตอบกับเว็บไซต์และแอป หรือช่อง YouTube ของคุณ จากนั้นเราจะใช้ข้อมูลนี้ในการค้นหาผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าคนอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน
  • กลยุทธ์การเสนอราคาแบบเพิ่มจำนวนคลิกสูงสุด: กลยุทธ์การเสนอราคาแบบเพิ่มจำนวนคลิกสูงสุดเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน Demand Gen แต่ไม่ได้ตั้งเป้าหมาย Conversion ในบัญชี
  • การตั้งค่าภาษาและสถานที่ตั้งใช้ได้ที่ระดับแคมเปญและกลุ่มโฆษณา: ผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกระหว่างการตั้งค่าสถานที่ตั้ง/ภาษาที่ระดับกลุ่มโฆษณาหรือแคมเปญตามความต้องการ การมีการตั้งค่าเหล่านี้ที่ระดับกลุ่มโฆษณาให้ความยืดหยุ่นในการจัดการงบประมาณได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นระหว่างสถานที่เป้าหมายต่างๆ ตามที่คุณต้องการ แต่หากไม่มีการตั้งค่าเหล่านี้ คุณก็จะยังคงสร้างแคมเปญแยกต่างหากสําหรับสถานที่ต่างๆ เพื่อบังคับใช้วิธีจัดสรรงบประมาณในสถานที่อย่างเข้มงวดมากขึ้นได้ โปรดทราบว่าเมื่อเลือกแล้วว่าต้องการตั้งค่าที่ระดับกลุ่มโฆษณาหรือระดับแคมเปญ คุณจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เมื่อแคมเปญเผยแพร่แล้ว ทั้งนี้ การกําหนดเป้าหมายตามขอบเขตพื้นที่หรือการกำหนดเป้าหมาย "ที่ใกล้เคียงกัน" จะยังคงใช้งานได้ใน Demand Gen แต่ใช้ได้ที่ระดับแคมเปญเท่านั้น

การรายงาน

  • การรายงานการแบ่งกลุ่มรูปแบบ: รวบรวมความโปร่งใสเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจข้อมูลเชิงลึกที่แยกย่อยที่ระดับรูปแบบ โดยการแบ่งกลุ่มจะแยกตามโฆษณาในฟีด (รวมถึงฟีด Discover, Gmail, ฟีดบนหน้าแรกของ YouTube, ฟีดวิดีโอถัดไปของ YouTube และ YouTube Search), โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้ และ Shorts

การเปรียบเทียบฟีเจอร์

ข้อความสีเขียวคือฟีเจอร์ที่คุณได้ใน Demand Gen ส่วนข้อความสีแดงคือฟีเจอร์ที่ไม่มีใน Demand Gen

 

แคมเปญ Demand Gen

แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ
อยู่ที่จุดใดใน Funnel การขาย Funnel ระดับกลางถึงระดับล่าง
พื้นที่โฆษณา
  • YouTube
  • พาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google (ที่มีการเลือกไม่ใช้)
  • ฟีดสำรวจ
  • Gmail
  • YouTube
  • พาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google
อุปกรณ์ อุปกรณ์เคลื่อนที่ เดสก์ท็อป แท็บเล็ต ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
รูปแบบ
  • โฆษณาวิดีโอ
  • โฆษณาแบบรูปภาพ
  • โฆษณาแบบภาพสไลด์
โฆษณาวิดีโอ
กลุ่มเป้าหมาย
  • กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง
  • ข้อมูลของคุณ
  • ความสนใจ
  • ข้อมูลประชากร
  • การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
  • กลุ่มที่คล้ายกัน
  • กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง
  • ข้อมูลของคุณ ความสนใจ
  • ข้อมูลประชากร
  • การกำหนดเป้าหมายแบบเพิ่มประสิทธิภาพ
  • กลุ่มเป้าหมายรวม
  • เทศกาลประจำปี
  • การได้ลูกค้าใหม่ (เบต้า)
การเสนอราคา
  • เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด
  • CPA เป้าหมาย
  • เพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด
  • ROAS เป้าหมาย
  • เพิ่มจำนวนคลิกสูงสุด
  • การเสนอราคาสําหรับการเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง (Omnichannel) (จะพร้อมใช้งานในไตรมาสที่ 1 ปี 2025)
  • เพิ่มจำนวน Conversion สูงสุด
  • CPA เป้าหมาย
  • เพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุด
  • ROAS เป้าหมายพร้อมใช้งานเมื่อมีปริมาณ Conversion ที่ผ่านมาเพียงพอ
  • การเสนอราคาสำหรับการเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง (Omnichannel)
  • ตัวปรับราคาเสนอ
การวัดผล
  • DDA
  • Conversion Lift
  • Brand Lift
  • Search Lift
  • การวัดผลโดยบุคคลที่สาม
  • DDA
  • Conversion Lift
  • Brand Lift
  • Search Lift
  • การวัดผลโดยบุคคลที่สาม
UI (เวิร์กโฟลว์ การรายงาน)
  • ค่ากําหนดของครีเอทีฟโฆษณา
  • ตัวอย่างโฆษณาที่แบ่งกลุ่มตามการรายงานรูปแบบโฆษณา การสร้างแคมเปญร่าง (บันทึกความคืบหน้าและกลับมาสร้างแคมเปญในภายหลัง)
  • การตั้งค่าสถานที่ตั้งและภาษาใช้ได้ที่ระดับกลุ่มโฆษณา
  • กลุ่มความถี่ของวิดีโอ (อัลฟ่า) เป็นทางเลือกแทนความถี่สูงสุด
  • UI เดิม
  • ความถี่สูงสุด
  • งบประมาณที่ใช้ร่วมกัน
  • กลุ่มความถี่ของวิดีโอ (อัลฟ่า)
ส่วนขยาย
  • ฟีดผลิตภัณฑ์
  • ส่วนขยายคำกระตุ้นให้ดำเนินการ
  • ไซต์ลิงก์
  • ฟีดผลิตภัณฑ์
  • ส่วนขยายคำกระตุ้นให้ดำเนินการ
  • ไซต์ลิงก์
  • โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม (เบต้า)
  • ชิ้นงานสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอต (เบต้า)

วิธีอัปเกรดเป็น Demand Gen

เส้นทางที่ใช้ในการอัปเกรดจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสถานการณ์บัญชีของคุณ แต่คุณสามารถเปลี่ยนโดยสมัครใจได้ด้วยการย้ายงบประมาณแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำไปยังแคมเปญ Demand Gen หรือสร้างแคมเปญ Demand Gen ใหม่ที่สะท้อนถึงกลยุทธ์และการจัดการเกี่ยวกับวิธีการตั้งค่าแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ

การเปลี่ยนจากแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำเป็น Demand Gen ทําได้ 3 วิธีดังนี้

  1. เปลี่ยนงบประมาณด้วยตนเอง: เมื่อพร้อมที่จะเริ่มย้ายงบประมาณไปยัง Demand Gen แล้ว คุณสามารถลดงบประมาณในแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำขณะที่เพิ่มงบประมาณในแคมเปญ Demand Gen ตามสัดส่วน
  2. ใช้การคัดลอกและวาง: ใช้การคัดลอกและวางเพื่อสร้างสําเนาของแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําที่มีอยู่ แล้ววางเป็นแคมเปญ Demand Gen ใหม่ซึ่งใช้การตั้งค่าที่มีอยู่
  3. ใช้เครื่องมือย้ายข้อมูล (พร้อมใช้งานตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2025): เราจะนําสิ่งที่ได้เรียนรู้จากแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําก่อนหน้านี้ไปใช้กับแคมเปญ Demand Gen ใหม่เพื่อลดระยะเวลาเรียนรู้ การใช้เครื่องมือนี้จะเป็นการปิดใช้แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำก่อนหน้า แต่แคมเปญจะยังคงปรากฏในบัญชีของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงาน หากคุณวางแผนที่จะเปลี่ยนเป็นรูปแบบโฆษณาวิดีโอเท่านั้นโดยไม่ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ของ Demand Gen ให้ใช้เครื่องมือย้ายข้อมูลเพื่อเปลี่ยนแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำเป็นแคมเปญ Demand Gen

หากแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำกําลังจะสิ้นสุด

เราขอแนะนําให้สร้างแคมเปญ Demand Gen เมื่อแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําสิ้นสุดลง ไม่ว่าจะสร้างด้วยตนเองหรือคัดลอกและวางแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําที่มีอยู่ลงในแคมเปญ Demand Gen ใหม่ หากคุณมีแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําที่มีการตั้งค่าที่ต้องการสําหรับงบประมาณแคมเปญ Demand Gen อยู่แล้ว คุณสามารถย้ายงบประมาณแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําไปยังแคมเปญ Demand Gen แทนการสร้างแคมเปญ Demand Gen ใหม่ คุณแทบไม่จำเป็นต้องรอให้ "เครื่องมือย้ายข้อมูล" พร้อมใช้งานในสถานการณ์นี้

หากแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําเป็นแบบใช้งานได้ตลอดหรือทำงานตลอดเวลา

หากต้องการเปลี่ยนแคมเปญระหว่างที่ทํางานอยู่หรือคุณมีแคมเปญที่ทำงานตลอดเวลา คุณอาจต้องเปลี่ยนงบประมาณด้วยวิธีการที่เป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น และให้ลองใช้เครื่องมือย้ายข้อมูล

  • ย้ายงบประมาณ:
    • ผู้ลงโฆษณาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่มี Conversion ที่ไม่ได้มีความสำคัญสูงสุดใน Funnel ทางการตลาด*: ให้เพิ่มงบประมาณ Demand Gen เป็น 100% ของงบประมาณแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทํา
    • ผู้ลงโฆษณาที่เคยมีปัญหาในการเพิ่มงบประมาณสำหรับแคมเปญใหม่ หรือมีปัญหาในการเพิ่ม Conversion ที่มีความสำคัญใน Funnel ทางการตลาด* ให้ทำดังนี้
      • เพิ่มงบประมาณ Demand Gen เป็น 10% ของแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ: ปล่อยให้ทำงาน 1-2 สัปดาห์
      • เพิ่มงบประมาณ Demand Gen เป็น 50% ของแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ: ปล่อยให้ทำงาน 1-2 สัปดาห์
      • เพิ่มงบประมาณ Demand Gen เป็น 100% ของแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ

*"Conversion ที่ไม่ได้มีความสำคัญสูงสุดใน Funnel ทางการตลาด" (Shallow Conversion) หมายถึงการดำเนินการบนเว็บไซต์ที่ค่อนข้าง "ง่าย" สำหรับผู้ใช้ที่จะนับเป็น Conversion (เช่น การเข้าชมหน้าเว็บในเว็บไซต์ที่คลิกเพียงไม่กี่ครั้งเพื่อที่จะไปยังหน้านั้น) ส่วน "Conversion ที่มีความสำคัญใน Funnel ทางการตลาด" (Deep Conversion) หมายถึงการดำเนินการอย่างเช่น การซื้อหรือการส่งแบบฟอร์ม ซึ่งโดยทั่วไปต้องมีการโต้ตอบของผู้ใช้ในระดับที่สูงขึ้น

หากคุณไม่ดำเนินการใดๆ

หากคุณไม่ดําเนินการใดๆ แคมเปญจะอัปเกรดเป็น Demand Gen โดยอัตโนมัติในไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 เราขอแนะนําให้ย้ายการใช้จ่ายในแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําไปยัง Demand Gen ก่อนที่จะมีการอัปเกรดอัตโนมัติเนื่องด้วยเหตุผลต่อไปนี้

  • การย้ายข้อมูลตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ขั้นตอนการตั้งค่า Demand Gen และทดสอบฟีเจอร์เฉพาะของ Demand Gen
  • การไม่อัปเกรดอาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพไปอย่างน่าเสียดาย
  • การย้ายข้อมูลอัตโนมัติหมายความว่าแคมเปญจะใช้การตั้งค่าเริ่มต้นบางอย่าง ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งได้หากย้ายข้อมูลด้วยตนเอง
  • ความสามารถในการตรวจสอบประสิทธิภาพในอัตราที่คุณพึงพอใจในระหว่างนี้และเมื่อการอัปเกรดอัตโนมัติเกิดขึ้นนั้นมีประโยชน์ เมื่อเทียบกับการรอจนกว่าจะมีการอัปเกรดอัตโนมัติ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณมีแคมเปญจํานวนมากที่ต้องอัปเกรด

เครื่องมือคัดลอกและวาง

ใน Google Ads คุณสามารถทําซ้ำแคมเปญที่มีอยู่และแปลงเป็น Demand Gen ได้โดยใช้ตัวเลือกการคัดลอกและวางซึ่งสร้างต่อจากเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่ในการคัดลอกและวางแคมเปญ ตัวเลือกนี้จะแสดงขึ้นก็ต่อเมื่อแคมเปญที่เลือกเป็นแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําเท่านั้น

คุณจะต้องเพิ่มโลโก้และชื่อธุรกิจในกระบวนการนี้ เนื่องจากการตั้งค่าดังกล่าวเป็นการตั้งค่าของ Demand Gen ที่แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำไม่มี ระบบจะป้อนโลโก้และชื่อธุรกิจล่วงหน้าโดยอิงตามแคมเปญ Demand Gen, Performance Max หรือแคมเปญโฆษณาอื่นๆ ที่มีอยู่

วิธีคัดลอกแคมเปญที่มีอยู่และวางเป็นแคมเปญ Demand Gen ใหม่

This animation guides you through using the copy and paste tool to replicate existing campaigns and convert them to Demand Gen.

  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกแคมเปญเพื่อเข้าถึงแท็บแคมเปญ
  4. เลือกแคมเปญที่ต้องการคัดลอก
  5. คลิกเมนูแก้ไข แล้วคลิกคัดลอก
  6. คลิกเมนูแก้ไขอีกครั้ง แล้วคลิกวาง จากนั้นคุณจะเห็นช่องทําเครื่องหมายที่มีตัวเลือกการวาง
  7. เลือกตัวเลือกเพื่อเปลี่ยนแคมเปญที่เลือกเป็น Demand Gen
  8. ใส่ชื่อธุรกิจ
  9. คลิกแก้ไขโลโก้ แก้ไขการตั้งค่า ไอคอนดินสอ เพื่อตั้งค่าโลโก้แคมเปญ คุณเลือกโลโก้ได้ 3 วิธีดังนี้
    • อัปโหลด: อัปโหลดไฟล์ของคุณเอง
    • เว็บไซต์หรือโซเชียล: ป้อน URL เราจะสแกนเว็บไซต์เพื่อหารูปภาพที่ตรงตามข้อกำหนดด้านขนาด
    • คลังชิ้นงาน: เลือกโลโก้ที่ต้องการจากคลังชิ้นงาน
  10. เลือกรูปภาพที่ต้องการ แล้วคลิกบันทึก
  11. คลิกวางเพื่อดำเนินการให้เสร็จ

เมื่อวางแคมเปญแล้ว คุณจะไปยังแคมเปญและเพิ่มฟีเจอร์ที่มีเฉพาะใน Demand Gen ได้ด้วย เช่น กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน หรือรวมวิดีโอและรูปภาพไว้ในแคมเปญเดียว

หากคุณกําลังทำการวัดผลด้วย Lift (Brand Lift, Search Lift, Conversion Lift และอื่นๆ) และอยู่ระหว่างการศึกษา เราไม่แนะนําให้ใช้การคัดลอกและวางหรือเครื่องมือย้ายข้อมูลขณะที่การศึกษากําลังดําเนินอยู่ แคมเปญที่แปลงแล้วจะไม่เชื่อมโยงกับการศึกษาโดยอัตโนมัติ

เครื่องมือย้ายข้อมูล

หมายเหตุ: เครื่องมือนี้จะพร้อมให้บริการแก่ผู้ลงโฆษณาทุกรายในช่วงต้นปี 2025

เครื่องมือย้ายข้อมูลจะช่วยนำแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำที่มีอยู่ของคุณไปเปลี่ยนให้เป็นแคมเปญ Demand Gen ในรูปแบบโฆษณาวิดีโอเท่านั้น เมื่อใช้เครื่องมือย้ายข้อมูล คุณจะคัดลอกแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำที่มีอยู่ แล้ววางเป็นแคมเปญ Demand Gen ในรูปแบบโฆษณาวิดีโอเท่านั้นที่เหมือนกัน เมื่อวางเป็นแคมเปญ Demand Gen แล้ว ระบบจะย้ายแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำที่มีอยู่ไปยังสถานะ "ถูกลบ" เมื่อคุณใช้เครื่องมือย้ายข้อมูล เราจะอ้างอิงประวัติแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำที่มีอยู่เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Demand Gen ได้เร็วขึ้น

คุณจะยังคงดูแคมเปญเดิมในบัญชีได้โดยดูที่แคมเปญที่มีสถานะ "ถูกลบ"

คำถามที่พบบ่อย

จะมีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการย้ายข้อมูลนี้ไหม

คุณจะได้รับการแจ้งเตือนในบัญชี Google Ads เกี่ยวกับกำหนดการสําคัญที่กําลังจะมาถึง

ฉันจะดูแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําในบัญชีได้จากที่ใด

คุณใช้การผสมผสานของตัวกรองเพื่อระบุแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําในบัญชีได้

ในแท็บแคมเปญ ให้ทําดังนี้

  1. คลิก "+ ตัวกรอง"
  2. เพิ่มตัวกรอง 2 รายการต่อไปนี้
    1. ประเภทแคมเปญ: วิดีโอ
    2. ประเภทย่อยของแคมเปญ: กระตุ้น Conversion

คุณอาจพิจารณารวมตัวกรอง "สถานะ" และเลือกทั้งหมดยกเว้น "ถูกนำออก"

แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำที่ถูกนําออกจะไม่ได้รับการอัปเกรดเป็น Demand Gen โดยอัตโนมัติ ขณะที่แคมเปญที่ "หยุดชั่วคราว" และ "สิ้นสุดแล้ว" อาจได้รับการอัปเกรด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำมีการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในบัญชีของคุณเมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่

เคล็ดลับ: หากต้องการทราบผลรวมของจํานวนแคมเปญหลังจากที่กรองแล้ว ให้ดูที่จํานวนแถวทั้งหมดในตารางแคมเปญ เช่น หากคุณใช้ตัวกรองนี้และเห็นแถว: 1-57 จาก 57 แถว หมายความว่าคุณมีแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ 57 รายการในบัญชี

แนวทางปฏิบัติแนะนำเมื่ออัปเกรดเป็น Demand Gen มีอะไรบ้าง

การตั้งค่า ใช้เครื่องมืออัปเกรดแบบใดแบบหนึ่งของเราเพื่อสร้างแคมเปญ Demand Gen หากคุณปฏิบัติตามเป้าหมายเดียวกันกับในแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทํา ให้ใช้เป้าหมายและการตั้งค่า Conversion เดียวกัน ใช้โครงสร้างแคมเปญแบบรวมและรวมธีมกลุ่มเป้าหมายไว้ในกลุ่มโฆษณาเดียวกัน
กลุ่มเป้าหมาย จำลองการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายจากแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําที่เปรียบเทียบได้ แล้วลองทดสอบกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน การใช้กลุ่มเป้าหมายเดียวกับแคมเปญที่มีอยู่จะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ
งบประมาณ

การเสนอราคาที่อิงตาม Conversion: ตั้งงบประมาณรายวันมากกว่า 20 เท่าของ CPA ที่คาดไว้

การเสนอราคาตามมูลค่า: ตั้งงบประมาณรายวันมากกว่า 20 เท่าของ (มูลค่า Conversion เฉลี่ยที่คาดไว้/tROAS)
การเสนอราคา

ลองใช้ระดับราคาเสนอที่ใกล้เคียงกับแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ และกำหนดกรอบเวลาการระบุแหล่งที่มาของ Conversion เป็น
มากกว่า 28 วัน

หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ให้จํากัดการเปลี่ยนแปลงราคาเสนอที่ +/- 15% เท่านั้น แล้วรอ 1 สัปดาห์ในระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงนี้

ครีเอทีฟโฆษณา ใช้ชิ้นงานวิดีโอที่มีอยู่ โดยให้มีทั้งวิดีโอแนวนอนและแนวตั้งผสมผสานกัน เราขอแนะนําให้เพิ่มชิ้นงานรูปภาพด้วย ดูแนวทางปฏิบัติแนะนำเกี่ยวกับครีเอทีฟโฆษณา
ระยะเวลา เราขอแนะนําให้ทำการทดสอบ Demand Gen เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ ขยายระยะเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านประสิทธิภาพที่ไม่คาดคิด
การเปรียบเทียบการประเมิน ประเมินประสิทธิภาพ Demand Gen เทียบกับ KPI เฉพาะแคมเปญที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาดและกลยุทธ์การเสนอราคา

การเพิ่มประสิทธิภาพ

เนื่องจากเป็นแคมเปญที่ขับเคลื่อนโดย AI โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงของ Demand Gen จึงต้องใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้า ปล่อยให้แคมเปญทํางานอย่างน้อย 2 สัปดาห์หรือได้ Conversion อย่างน้อย 50 รายการก่อนที่จะทําการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานในเชิงบวกและพิจารณาระยะเวลาเรียนรู้ นี่คือแนวทางปฏิบัติแนะนำและสิ่งที่คาดหวังแบบเดียวกันที่ควรนำไปใช้ หากคุณเปลี่ยนแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำเป็นแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำใหม่

ลำดับเวลาการเพิ่มประสิทธิภาพ:

  1. เปิดตัว Demand Gen
  2. ระยะเวลาเรียนรู้: ประมาณ 2 สัปดาห์
  3. ระยะเวลาของแคมเปญที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพ: แนะนำขั้นต่ำ 4-6 สัปดาห์
  4. เวลาหน่วงของ Conversion: "X" วัน
  5. ปรับขนาดและอัปเกรด

เคล็ดลับที่มีประโยชน์

  • ตรวจสอบว่าเป้าหมายแคมเปญสอดคล้องกันอย่างชัดเจนเพื่อวัดความสําเร็จ เวลาในการเพิ่มประสิทธิภาพ และงบประมาณ

  • มีโครงสร้างแคมเปญแบบรวมเพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ รวมกลุ่มโฆษณาโดยการรวมธีมกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันทุกครั้งที่เป็นไปได้ และลองผสานกลุ่มโฆษณาที่มี Conversion น้อยกว่า 30 รายการโดยประมาณในช่วง 30 วัน

  • จำกัดการเปลี่ยนแปลงราคาเสนอไว้ที่ +/- 15% เพื่อป้องกันไม่ให้ประสิทธิภาพผันผวน
  • ใช้ประโยชน์จากคําแนะนําในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญและข้อมูลประสิทธิภาพที่ได้ตลอดช่วงเวลาแสดงโฆษณาของแคมเปญ

แนะนําเป็นทางเลือกแทนฟีเจอร์ที่ไม่มีใน Demand Gen

ฟีเจอร์ ทางเลือกที่แนะนำ
โฆษณาแบบกรอกฟอร์ม (เบต้า) โฆษณาแบบกรอกฟอร์มมีอยู่ใน PMax
การกำหนดเป้าหมายตามเทศกาลประจำปี ใช้เครื่องมือค้นหากลุ่มเป้าหมายของเราเพื่อดูว่าการกำหนดเป้าหมายทางเลือกใดที่อาจคล้ายคลึงกัน
การได้ลูกค้าใหม่ (NCA) ดูข้อมูลเกี่ยวกับทางเลือกอื่นแทน NCA
งบประมาณที่ใช้ร่วมกัน คุณตั้งค่าการกำหนดภาษาเป้าหมายและการกำหนดเป้าหมายตามสถานที่ที่ระดับกลุ่มโฆษณาได้ด้วย Demand Gen ซึ่งมอบความยืดหยุ่นในการจัดการงบประมาณที่คล้ายกัน และอาจทำให้คุณสนใจที่จะใช้งบประมาณที่ใช้ร่วมกัน
การกำหนดความถี่สูงสุด การกำหนดความถี่สูงสุดเป็นแนวคิดที่เหมาะกับบริบทของแคมเปญที่มีคีย์เวิร์ดแบรนด์ แต่ Demand Gen เป็นแคมเปญที่เพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งบางครั้งการกำหนดความถี่สูงสุดอาจทําให้ประสิทธิภาพลดลง และระบบจะพิจารณาการแสดงโฆษณามากเกินไปโดยอัตโนมัติ
ชิ้นงานสถานที่ตั้งของแอฟฟิลิเอต การตั้งค่าเหล่านี้ไม่พร้อมใช้งานและไม่มีทางเลือกอื่น
การเสนอราคาสําหรับการเข้าถึงลูกค้าจากทุกช่องทาง (Omnichannel) (การเสนอราคาสําหรับการเข้าชมร้านค้า) จะเปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2025

แคมเปญ Demand Gen จะแข่งขันกับแคมเปญที่มีอยู่ของฉันไหม

หากคุณเก็บแคมเปญไว้ในบัญชีเดียวกันหรือมีโฆษณาที่นําไปยัง URL สุดท้ายเดียวกัน* ในบัญชีที่ต่างกัน ระบบจะแจ้งให้ Google Ads ทราบว่ารายการเหล่านั้นมีไว้สำหรับผู้ลงโฆษณารายเดียวกัน และจะไม่ทำให้คุณต้องจ่ายเพิ่มต่อการประมูล หากมีการกําหนดเป้าหมาย รูปแบบโฆษณา และพื้นที่โฆษณาทับซ้อนกันระหว่างแคมเปญในบัญชีของคุณ อาจหมายความว่าแคมเปญหนึ่งเริ่มแสดงบ่อยขึ้นและใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อเทียบกับแคมเปญอื่น

ตัวอย่าง: คุณมีแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ "ก." และแคมเปญ Demand Gen "ข." ซึ่งทั้ง 2 แคมเปญมีโฆษณาวิดีโอและกำหนดเป้าหมายไปยังฝรั่งเศสและกลุ่มเป้าหมาย "แฟนกีฬา" ผู้ใช้กําลังจะดูวิดีโอ YouTube ที่ซึ่งโฆษณาในสตรีมมีสิทธิ์แสดง ก่อนที่ระบบจะพิจารณาราคาเสนอ Google Ads เห็นว่าโฆษณาจากทั้งแคมเปญ ก. และ ข. มาจากผู้ลงโฆษณารายเดียวกันและมีสิทธิ์แสดง Google Ads ใช้สัญญาณคุณภาพพิจารณาแล้วเห็นว่าแคมเปญ ก. เหมาะที่จะเข้าสู่การประมูลมากกว่า ระบบจะพิจารณาราคาเสนอเพื่อตัดสินว่าโฆษณาที่มีสิทธิ์ของคู่แข่งทั้งหมดในการประมูลรายการใดควรแสดง และคู่แข่งเหล่านั้นจ่ายเท่าใด โฆษณา ก. เข้าสู่การประมูลและแสดง ทำให้เกิดค่าใช้จ่าย

  • โฆษณา ข. ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้โฆษณา ก. มีการเสนอราคาที่สูงกว่า
  • โฆษณา ก. แสดง "แทน" โฆษณา ข. หากนี่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เมื่อเวลาผ่านไป โฆษณา ข. อาจแสดงได้ยากขึ้น และคุณจะเริ่มเห็นว่าโฆษณา ก. ได้รับการแสดงผลและมีการใช้จ่ายมากขึ้น ระดับการแสดงโฆษณาที่ไม่สม่ำเสมอขึ้นอยู่กับความแปรปรวนของสัญญาณคุณภาพระหว่าง 2 แคมเปญ

หากมีความกังวลในเรื่องนี้ คุณสามารถทําให้แคมเปญมีการกำหนดเป้าหมายที่ทับซ้อนกันน้อยลงได้ (นั่นคือ ใช้กลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน ใช้ภูมิศาสตร์ที่ต่างกัน ฯลฯ) บางครั้งอาจมีประโยชน์ที่แคมเปญจะทำงานร่วมกัน แม้ว่าแคมเปญหนึ่งจะใช้งบประมาณมากกว่าก็ตาม แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําและ Demand Gen ไม่ได้มีกลุ่มเป้าหมายหรือพื้นที่โฆษณาที่ทับซ้อนกันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการแสดงควบคู่กันจึงหมายความว่าการผสมผสานของแคมเปญจะมีการเข้าถึงในวงกว้างและทำให้ค้นหา Conversion ได้ หากเป็นเช่นนี้ โปรดดูประสิทธิภาพโดยรวมของแคมเปญแทนที่จะดูทีละแคมเปญ

*ใน URL สุดท้าย เฉพาะโดเมนรากเท่านั้นที่ต้องเหมือนกันเพื่อให้ระบบของเราพิจารณาโฆษณาจากผู้ลงโฆษณารายเดียวกันเพื่อไม่ให้เสนอราคาแข่งขันกัน ตัวอย่างเช่น โฆษณา ก. มี URL สุดท้ายเป็น example.com/shoes และโฆษณา ข. มี URL สุดท้ายเป็น example.com/shirts ระบบจะจดจำโฆษณาเหล่านี้ว่ามาจากผู้ลงโฆษณารายเดียวกัน เนื่องจากโดเมนรากของ example.com เหมือนกัน 

ฉันจะดูข้อมูลประวัติจากแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำของฉันหลังจากอัปเกรดเป็น Demand Gen ได้ไหม

เราจะเก็บแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําไว้ในบัญชีของคุณหลังจากที่มีการคัดลอก/วาง (หรืออัปเกรดโดยอัตโนมัติ) (กล่าวคือ คุณจะเห็นแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําที่หยุดชั่วคราวหรือถูกนําออก และแคมเปญ Demand Gen ที่สร้างขึ้นใหม่)

เมื่อสร้างแล้ว แคมเปญ Demand Gen จะมีค่าเริ่มต้นเป็นชื่อแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำเดิม + #2

ตัวอย่าง: แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําชื่อ "เสื้อเชิ้ตรับฤดูร้อน" จะกลายเป็น Demand Gen ที่ชื่อ "เสื้อเชิ้ตรับฤดูร้อน #2" หลังจากการย้ายข้อมูลอัตโนมัติ

คุณจะยังคงเห็นแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำเดิมในบัญชีอยู่ และรูปแบบการตั้งชื่อจะช่วยให้คุณแมปแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำต้นทางกับการอัปเกรดแคมเปญ Demand Gen ที่ย้ายข้อมูลแล้วได้อย่างง่ายดาย

ฉันควรเพิ่มชิ้นงานลงในแคมเปญ Demand Gen ใหม่อีกเมื่อแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำเปลี่ยนเป็น Demand Gen ไหม

เราขอแนะนำให้คุณลองใช้ชิ้นงานและสัดส่วนภาพจำนวนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในโฆษณา Demand Gen ถึงแม้จะไม่ใช่ข้อกำหนดก็ตาม การทำเช่นนี้จะเพิ่มการครอบคลุมพื้นที่โฆษณาที่มีอยู่ บอกเล่าเรื่องราวที่ครบถ้วนยิ่งขึ้นให้ลูกค้าทราบ และทําให้คุณตอบสนองดีมานด์ได้ในทุกขั้นตอนของ Funnel ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกําหนดและแนวทางปฏิบัติแนะนำสําหรับชิ้นงานในแคมเปญ Demand Gen

โฆษณาของฉันจะต้องได้รับการอนุมัติอีกครั้งไหมเมื่อสร้างแคมเปญใหม่

ใช่ โฆษณาเหล่านี้จะถือว่าเป็นโฆษณาที่สร้างขึ้นใหม่ไม่ว่าจะย้ายข้อมูลด้วยวิธีใดก็ตาม ซึ่งหมายความว่าจะต้องส่งโฆษณาเพื่อขอรับการอนุมัติ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ควรย้ายข้อมูลตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้การแสดงโฆษณาหยุดชะงัก หากไม่ได้รับอนุมัติ ให้ใช้ตัวเลือกการอุทธรณ์ด้วยตนเองในแท็บโฆษณาเพื่อขอตรวจสอบโฆษณาด้วยตนเอง

ประเภทธุรกิจที่ละเอียดอ่อนมีสิทธิ์ใช้ Demand Gen ไหม

ผู้ลงโฆษณาในหมวดหมู่ความสนใจที่มีความละเอียดอ่อนมีสิทธิ์แสดงโฆษณาแบบรูปภาพและโฆษณาวิดีโอในพื้นที่โฆษณา YouTube ภายในแคมเปญ Demand Gen พื้นที่โฆษณา YouTube ได้แก่ ฟีดบนหน้าแรกของ YouTube/ฟีดวิดีโอถัดไป/Search, YouTube Shorts และโฆษณาในสตรีมบน YouTube

ฉันใช้เป้าหมายการได้ลูกค้าใหม่ (NCA) ใน Demand Gen ได้ไหม

Demand Gen ไม่รองรับเป้าหมายการเสนอราคาเพื่อการได้ลูกค้าใหม่ แต่ผู้ใช้ Demand Gen สามารถเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่และได้ลูกค้าใหม่โดยใช้การยกเว้นต่อไปนี้

  • กลุ่มที่คล้ายกัน: ค้นหาผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใหม่ที่คล้ายกับลูกค้าเดิมเพื่อขยายธุรกิจ โดยทำดังนี้
    • สร้างกลุ่มข้อมูลของลูกค้าเดิม: อัปโหลดข้อมูลลูกค้าที่เกี่ยวข้องไปยังบัญชี Google Ads ตัวอย่างข้อมูลอาจรวมถึง "ผู้ซื้อ" ที่มาจากกลุ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์ รายชื่อลูกค้าของลูกค้าในอดีต (หรือล่าสุด) หรือผู้ใช้แอป
    • สร้างกลุ่มที่คล้ายกัน: ใช้กลุ่มลูกค้าเดิมเหล่านี้เพื่อสร้างกลุ่มที่คล้ายกัน กลุ่มที่คล้ายกันจะยกเว้นทุกคนในรายการตั้งต้นโดยอัตโนมัติ
      • เลือกการเข้าถึงแบบกว้างเพื่อขยายกลุ่มผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใหม่
      • คุณไม่สามารถใช้รายการรหัสอุปกรณ์เป็นรายการตั้งต้นสำหรับการขยายที่คล้ายกัน
  • การยกเว้น: จับคู่ความสามารถในการยกเว้นลูกค้าเดิมกับกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณค่าสูงที่หลากหลายของเรา โดยทำดังนี้
    • สร้างกลุ่มข้อมูลของลูกค้าเดิม: อัปโหลดข้อมูลลูกค้าที่เกี่ยวข้องไปยังบัญชี Google Ads ตัวอย่างข้อมูลอาจรวมถึง "ผู้ซื้อ" ที่มาจากกลุ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์ รายชื่อลูกค้าของลูกค้าในอดีต (หรือล่าสุด) หรือผู้ใช้แอป
    • ยกเว้นจากการกําหนดเป้าหมาย: เพิ่มกลุ่มลูกค้าเดิมเหล่านี้ในส่วน "การยกเว้น" ในกลุ่มเป้าหมายของกลุ่มโฆษณา
    • เพิ่มกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณค่าสูง: เสริมกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมายโดยเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นลูกค้าใหม่จากตัวเลือกที่หลากหลายของเรา เช่น ผู้ใช้ที่มีแผนจะซื้อสำหรับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ของคุณ หรือผู้ใช้ที่เคยค้นหาแบรนด์ของคุณใน Google หรือ YouTube

ระบบจะเรียกเก็บเงินแบบเดียวกับแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำไหม

ทั้งแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำและ Demand Gen จะเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อ Conversion หรือเป้าหมายที่อิงตาม Conversion (เช่น tCPA, มูลค่า Conversion หรือ ROAS ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเสนอราคา) แต่การเรียกเก็บเงินจะอิงตามเมตริกที่แตกต่างกัน

การเรียกเก็บเงินของแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำจะอิงตาม CPM

Demand Gen ใช้การเรียกเก็บเงินแบบผสม (คล้ายกับ PMax) ซึ่งรวมถึงการเสนอราคา CPM และ CPC และแตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์มและรูปแบบโฆษณาของ Google ดังนี้

  • วิดีโอ YouTube: CPM
  • รูปภาพใน YouTube: CPM
  • Gmail: การคลิกทีเซอร์ (คลิกแรกเพื่อขยายโฆษณา ไม่มีการเรียกเก็บเงินสำหรับการคลิกรองที่ไปยังเว็บไซต์)
  • รูปภาพในฟีดสำรวจ: CPC
  • วิดีโอในฟีดสำรวจ: การดูอย่างมีส่วนร่วม (เมื่อมีผู้รับชมวิดีโอเป็นเวลา 5 วินาทีขึ้นไป แล้วคลิกเพื่อเล่นวิดีโอหรือคลิกลิงก์ ระบบจะถือว่าเป็นการดูอย่างมีส่วนร่วม)

ฉันจะดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Demand Gen ได้จากที่ใด

คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในคําถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Demand Gen หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําได้ที่นี่

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
7531426736296341150
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false