วิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการสร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับ App Campaign

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการสร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับ App Campaign

ก่อนเริ่มต้น

App Campaign เพื่อการมีส่วนร่วม (ACe) ใน Google Ads จะกำหนดให้คุณสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่จากกลุ่มเป้าหมาย 1 ใน 4 ประเภทที่รองรับ ซึ่งได้แก่

  • ผู้ใช้ทั้งหมด
  • ผู้ใช้ที่ใช้แอปเมื่อเร็วๆ นี้
  • ผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้แอปเมื่อเร็วๆ นี้
  • ผู้ใช้ที่ดำเนินการหนึ่งๆ ภายในแอป
หมายเหตุ: คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองโดยรวมกลุ่มที่รองรับอย่างน้อย 1 ประเภทเข้าด้วยกัน รวมถึงสร้างกลุ่มรหัสอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่อัปโหลดได้ด้วย หากมีสิทธิ์

คุณจะใช้ตัวเลือกการป้อนข้อมูลล่วงหน้าหรือจะอัปโหลดรายชื่อลูกค้าเพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายก็ได้

ดูวิธีสร้างรายชื่อลูกค้า

กลุ่มเป้าหมายที่ป้อนข้อมูลล่วงหน้า

Google Ads สามารถเพิ่มผู้ใช้ที่มีส่วนร่วมกับธุรกิจในช่วง 30 วันที่ผ่านมาลงในกลุ่มได้ เมื่อเวลาผ่านไป ระบบจะเสริมรายการนี้ด้วยผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่เพิ่มเติมตามจํานวนวันที่ระบุ

อย่างไรก็ตาม หากต้องการหลีกเลี่ยงความล่าช้าในการสร้างกลุ่มเป้าหมาย ให้ทําตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายจากผู้ใช้ทั้งหมด (หากมี) ที่สมบูรณ์แล้ว

  • หากคุณติดตั้ง Firebase SDK แล้วและใช้ Google Analytics สําหรับ Firebase เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมาย การลิงก์โปรเจ็กต์ Firebase กับบัญชี Google Ads จะสร้างกลุ่มเป้าหมาย "ผู้ใช้ทั้งหมด" สําหรับแอป จากนั้นกลุ่มเป้าหมายนี้จะมีให้ใช้งานใน Google Ads ดูวิธีลิงก์ Google Ads กับ Firebase
  • นอกจากนี้ สําหรับ Android การลิงก์บัญชี Google Play กับบัญชี Google Ads จะสร้างกลุ่มเป้าหมาย "ผู้ใช้ทั้งหมด" ให้คุณในตัวจัดการกลุ่มเป้าหมายด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลิงก์ผลิตภัณฑ์: ลิงก์บัญชี Google Play กับบัญชี Google Ads
หมายเหตุ: หากเลือกตัวเลือก "เริ่มต้นด้วยรายการเปล่า" และไม่เลือกช่อง "รวมผู้ใช้จากช่วง 30 วันที่ผ่านมา" ระบบจะไม่สร้างกลุ่มเป้าหมายโดยอัตโนมัติ

สาเหตุที่ระบบไม่สร้างกลุ่มเป้าหมาย

ระบบอาจไม่สร้างกลุ่มเป้าหมายเนื่องจากสาเหตุต่อไปนี้

บัญชี Google Ads ไม่ได้ลิงก์กับ Google Play Store

ลิงก์บัญชี Google Play กับบัญชี Google Ads เพื่อให้ระบบสร้างรายการ "ผู้ใช้ทั้งหมด"

ไม่ได้ตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ในแอป

คุณต้องตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ที่ถูกต้องเพื่อติดตามเหตุการณ์ในแอป และลิงก์กับ Google Play หรือเครื่องมือวิเคราะห์ของบุคคลที่สาม หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ คุณจะเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่ระบุว่า "หากต้องการสร้างกลุ่มเป้าหมายตามการกระทำที่เฉพาะเจาะจงในแอป คุณจะต้องติดตามการกระทำในแอปและส่งข้อมูลไปยัง Google Ads"

การลิงก์แอปกับ Google Play หรือเครื่องมือวิเคราะห์ของบุคคลที่สามจะช่วยซิงค์ข้อมูลกับ Google Ads ซึ่งเป็นการลดโอกาสเกิดความคลาดเคลื่อนและปัญหาการติดตามใน Google Ads รวมทั้งอาจแก้ปัญหาเกี่ยวกับรายการกลุ่มเป้าหมายด้วย

โค้ดติดตามทํางานไม่ถูกต้อง

หากการกระทำในแอปที่เลือกสําหรับเครื่องมือวัด Conversion ไม่ส่งคําขอไปยัง Google Ads เพื่อยืนยันการกระทํา คุณอาจพบปัญหาในการสร้างรายการกลุ่มเป้าหมาย คุณจะเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่ระบุว่า "หากต้องการสร้างกลุ่มเป้าหมายตามการกระทำที่เฉพาะเจาะจงในแอป คุณจะต้องติดตามการกระทำในแอปและส่งข้อมูลไปยัง Google Ads"

โปรดตรวจสอบกับผู้ให้บริการวิเคราะห์บุคคลที่สามเพื่อดูว่ามีการส่งคําสั่ง ping ไปยัง Google Ads อย่างถูกต้องหรือไม่ หากดูเหมือนว่ามีปัญหา ให้ทํางานร่วมกับพาร์ทเนอร์ดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาก่อนพยายามสร้างรายการกลุ่มเป้าหมาย

ไม่ได้กําหนดค่าการวิเคราะห์แอปเป็นแหล่งที่มาของกลุ่มเป้าหมาย

ใช้ Google Analytics เพื่อตรวจสอบว่าพารามิเตอร์หรือค่าที่ใช้อยู่ตรงกับพารามิเตอร์หรือค่าที่ส่งไปยัง Google Ads หากไม่ตรงกัน ระบบจะไม่กําหนดค่าการวิเคราะห์แอปเป็นแหล่งที่มาของกลุ่มเป้าหมาย คุณสามารถแก้ไขชื่อพารามิเตอร์หรือค่าใน Google Analytics หรือส่งคําสั่ง ping โดยใช้เครื่องมือวัด Conversion ของแอปและรีมาร์เก็ตติ้ง - ข้อกําหนดของคําขอ/การตอบสนอง

ปัญหาเกี่ยวกับไฟล์ข้อมูลลูกค้า

ขนาดของไฟล์ข้อมูลลูกค้าที่คุณอัปโหลดและที่แสดงใน Google Ads อาจแตกต่างกัน

  • บางเรคคอร์ดอาจไม่ได้เชื่อมโยงกับบัญชี Google ที่ใช้งานอยู่
  • ไฟล์ข้อมูลลูกค้าอาจไม่อยู่ในรูปแบบที่ยอมรับ ซึ่งทําให้รายการไม่ถูกต้องและอัปโหลดไปยัง Google Ads ไม่ได้

ตัวอย่างปัญหาที่พบได้ทั่วไปและวิธีแก้ไขมีดังนี้

ข้อผิดพลาด

วิธีแก้ไข
ไม่มีข้อมูลในไฟล์ ตรวจสอบว่าไฟล์มีข้อมูล แล้วอัปโหลดอีกครั้ง
ข้อผิดพลาดของการจัดรูปแบบ

ตรวจสอบไฟล์เพื่อหาข้อผิดพลาดต่อไปนี้

  • ตรวจหาแถวที่มีค่าซึ่งอาจจัดรูปแบบไม่ถูกต้องหรือเป็นค่าว่าง
  • หากคุณแฮชข้อมูลไว้ล่วงหน้า ให้ตรวจสอบว่าข้อมูลในไฟล์ตรงกับรูปแบบ SHA-256 ที่จำเป็น และหมายเลขโทรศัพท์เป็นไปตามรูปแบบ E.164
  • ตรวจสอบว่าข้อมูลในไฟล์จัดรูปแบบอย่างถูกต้องตามที่ระบุไว้ในบทความสร้างรายชื่อลูกค้า
  • ตรวจสอบการจัดรูปแบบและคั่นข้อมูลลูกค้าด้วยการขึ้นบรรทัดใหม่หรือเครื่องหมายคอมมา อย่าแยกรายการด้วยการเว้นวรรคหรือเครื่องหมายเซมิโคลอน
ไฟล์ของคุณไม่มีส่วนหัวคอลัมน์ทั้งหมดที่จำเป็นในการจับคู่ที่อยู่จัดส่ง

การจับคู่อีเมลต้องการเฉพาะอีเมลเท่านั้น

การจับคู่ที่อยู่จัดส่งต้องการข้อมูลลูกค้าไว้ใช้กับคอลัมน์ทั้งหมดต่อไปนี้ ซึ่งได้แก่ "First Name", "Last Name", "Country", "Zip" และ "Phone" อัปโหลดไฟล์อีกครั้งโดยใช้คอลัมน์และชื่อส่วนหัวคอลัมน์ทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับประเภทข้อมูลลูกค้า

ไฟล์มีแถวที่มีค่าจำนวนมากเกินไปหรือน้อยเกินไป

ตรวจสอบว่าจำนวนค่าต่อแถวเท่ากับจำนวนส่วนหัวคอลัมน์ในไฟล์

สำหรับแถวที่มีข้อมูลบางส่วน ให้ใส่อักขระ Null (อักขระที่มีค่าเป็น 0) และคอมมาเป็นค่าที่เหลือแต่ละรายการ ตัวอย่างเช่น หากรายชื่อลูกค้ามีส่วนหัวคอลัมน์ "First Name", "Last Name", "Country", "Zip" และ "Phone" แต่ละแถวในไฟล์ควรมีค่า 5 ค่า โดยคั่นแต่ละค่าด้วยคอมมา ในกรณีที่คุณมีข้อมูลเพียงบางส่วน เช่น มีชื่อลูกค้าแต่ไม่มีนามสกุล ให้ใช้อักขระ Null แทนค่าที่ขาดหายไป

คอลัมน์ต่อไปนี้ในไฟล์มีข้อมูลไม่ถูกต้อง ตรวจสอบว่าค่าในแถวสอดคล้องกับส่วนหัวคอลัมน์ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลทั้งหมดในคอลัมน์ "Email" ควรมีเฉพาะอีเมลที่ถูกต้องเท่านั้น โดยไม่มีรหัสไปรษณีย์หรือชื่อ
ส่วนหัวคอลัมน์ในไฟล์ติดป้ายกำกับไม่ถูกต้อง Google Ads ต้องการชื่อส่วนหัวคอลัมน์ที่เฉพาะเจาะจง ตรวจสอบว่าไฟล์ของคุณใช้ชื่อส่วนหัวคอลัมน์ที่ถูกต้อง ได้แก่ "Email", "Phone", "First Name", "Last Name", "Country", "Zip", "Phone" และ "Mobile Device ID" ใช้รหัสไปรษณีย์เป็นข้อมูลเขตไปรษณีย์ได้

ดูวิธีจัดรูปแบบไฟล์ข้อมูลลูกค้า


ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
8669284117793070671
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false