คีย์เวิร์ดคือคำหรือวลีที่ใช้จับคู่โฆษณาของคุณกับข้อความที่ผู้ใช้ค้นหา
การเลือกคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องและคุณภาพสูงให้กับแคมเปญการโฆษณาจะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการในเวลาที่ต้องการได้
บทความนี้จะอธิบายวิธีการทํางานของคีย์เวิร์ด และตําแหน่งที่โฆษณาจะแสดง
วิธีการทำงาน
คีย์เวิร์ดที่เลือกจะต้องตรงกับคำหรือวลีที่ผู้ใช้ค้นหาเพื่อให้โฆษณาปรากฏขึ้นเมื่อมีผู้ค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนอ
ตัวอย่าง
หากคุณขายลูกฟุตบอล ก็เพิ่มคำว่า "ซื้อลูกฟุตบอล" เป็นคีย์เวิร์ดในแคมเปญ Google Ads เมื่อผู้ใช้พิมพ์คำว่า "ซื้อลูกฟุตบอล" ในการค้นหาของ Google โฆษณาอาจปรากฏขึ้นในหน้าผลการค้นหา นอกจากนี้ หากแคมเปญในเครือข่ายการค้นหากำหนดเป้าหมายไปยังเครือข่ายดิสเพลย์ด้วย โฆษณาก็อาจปรากฏบนเว็บไซต์เกี่ยวกับการแข่งกีฬาฟุตบอลได้เช่นกัน
เมื่อลูกค้าค้นหาโดยใช้คำที่ตรงกับคีย์เวิร์ด โฆษณาจะเข้าสู่การประมูลซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าโฆษณาจะได้แสดงหรือไม่
ราคาของคีย์เวิร์ดแต่ละคำจะแตกต่างกันไปตามคุณภาพของคีย์เวิร์ด การแข่งขันในการประมูล และปัจจัยอื่นๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคีย์เวิร์ดและหน้า Landing Page มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับคำที่ลูกค้าอาจกำลังค้นหา คีย์เวิร์ดทุกคำจะมีคะแนนคุณภาพ เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจคุณภาพของคีย์เวิร์ดได้ดีขึ้น
คะแนนนี้คำนวณจากอัตราการคลิกผ่านที่คาดหวัง ความเกี่ยวข้องของโฆษณา และประสบการณ์หน้า Landing Page โดยทั่วไป โฆษณาที่มีคุณภาพสูงกว่าและมีความเกี่ยวข้องกับการค้นหาของผู้ใช้ที่สูงกว่ามักนำไปสู่ค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงและอันดับโฆษณาที่ดีขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคะแนนคุณภาพ
วิธีที่คีย์เวิร์ดจับคู่กับการค้นหา
คุณใช้ประเภทการทํางานของคีย์เวิร์ดเพื่อเลือกช่วงการค้นหาที่ตรงกับคีย์เวิร์ดได้ เมื่อใช้การทํางานแบบตรงทั้งหมด คีย์เวิร์ดจะแสดงเฉพาะในการค้นหาที่มีความหมายเดียวกันกับคีย์เวิร์ดเท่านั้น เมื่อใช้การทํางานแบบวลี คีย์เวิร์ดจะแสดงในการค้นหาที่มีความหมายของคีย์เวิร์ดรวมอยู่ด้วย
หากคุณไม่ระบุประเภทการทํางานของคีย์เวิร์ด คีย์เวิร์ดจะมีค่าเริ่มต้นเป็นการทํางานแบบกว้าง และจับคู่กับการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบการทำงานของคีย์เวิร์ด
หมายเหตุ: ใน Google Maps ระบบอาจเพิ่มคำว่า "ใกล้ฉัน" ลงในข้อความค้นหาของผู้ใช้ขณะที่ผู้ใช้กำลังดูสถานที่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งจะช่วยให้โฆษณาของคุณเชื่อมต่อกับผู้ใช้ใน Maps ได้โดยการแสดงธุรกิจและสถานที่ตั้งในบริเวณใกล้เคียง ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้ค้นหา "ร้านอาหาร" ใน Google Maps ใกล้กับตำแหน่งปัจจุบัน คีย์เวิร์ด "ร้านอาหารใกล้ฉัน" อาจแสดงขึ้นมา เราอาจป้องกันไม่ให้โฆษณาแสดงในสถานการณ์นี้ด้วยการเพิ่มคำว่า "ใกล้ฉัน" ลงในคีย์เวิร์ดเชิงลบ
ฟังก์ชันนี้ใช้ได้กับโฆษณาที่เป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และสเปนเท่านั้น Google จะใช้คำแปลของ "ใกล้ฉัน" โดยพิจารณาจากภาษาของโฆษณาและการค้นหาของผู้ใช้ เช่น โฆษณาภาษาสเปนจะแสดงเป็น "cerca de mi"
วิธียกเว้นการค้นหา
หากต้องการป้องกันไม่ให้โฆษณาแสดงในการค้นหาคำบางคำ คุณสามารถเพิ่มคีย์เวิร์ดเชิงลบได้
คีย์เวิร์ดเชิงลบช่วยให้มั่นใจได้ว่าโฆษณาจะปรากฏในการค้นหาที่คุณต้องการเท่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดเชิงลบ
ตัวอย่าง
หากคุณขายเสื้อผ้าสุนัข คุณกำหนดเป้าหมายการค้นหาคำว่า "เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง" และเพิ่มคำว่า "แมว" "เป็นคีย์เวิร์ดเชิงลบได้ เพื่อให้แน่ใจว่าโฆษณาจะไม่แสดงต่อผู้ที่กำลังค้นหาเสื้อผ้าแมว
โฆษณาจะปรากฏที่ใด
คุณเลือกกำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังเครือข่ายโฆษณาต่างๆ ได้ คีย์เวิร์ดทํางานแตกต่างกันไปในแต่ละเครือข่าย ซึ่งได้แก่
- Google Search และเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ Search: เมื่อสร้างกลุ่มโฆษณาให้เลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคำที่ผู้คนใช้เมื่อทำการค้นหา เพื่อให้โฆษณาเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงเป้าหมายขณะที่กำลังค้นหาสิ่งที่คุณนำเสนอ
- สําหรับผู้ใช้ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Search Labs และเลือกใช้ Search Generative Experience (SGE) โฆษณาอาจปรากฏในการทดสอบนี้ด้วย การค้นหาในโหมดสนทนาจะใช้ความเข้าใจของ Google Ads เกี่ยวกับความตั้งใจตามบริบทในการจับคู่โฆษณาและการรายงาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มความสามารถให้กับ Search ด้วย Generative AI
- เครือข่ายดิสเพลย์ของ Google: หากคุณเลือกแสดงโฆษณาบนเว็บไซต์ในเครือข่ายดิสเพลย์ Google Ads จะใช้คีย์เวิร์ดในการวางโฆษณาถัดจากเนื้อหาที่ตรงกับโฆษณา เทคโนโลยีของ Google จะสแกนเนื้อหาและที่อยู่เว็บของหน้าเว็บ และแสดงโฆษณาที่มีคีย์เวิร์ดตรงกับหัวข้อหรือที่อยู่เว็บของหน้าเว็บมากที่สุดโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น Google Ads อาจแสดงโฆษณาเกี่ยวกับช็อกโกแลตบราวนีหรือสูตรขนมหวานแสนอร่อยในหน้าเว็บที่มีสูตรบราวนี ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีเลือกคีย์เวิร์ดสําหรับแคมเปญบนเครือข่าย Display
เคล็ดลับ
- เลือกคีย์เวิร์ดย่างรอบคอบ ใส่คำหรือวลีที่ลูกค้าน่าที่จะใช้เพื่ออธิบายผลิตภัณฑ์หรือบริการ ให้ตรวจสอบว่าคีย์เวิร์ดเกี่ยวข้องโดยตรงกับธีมโฆษณาและหน้าเว็บที่คุณนำลูกค้าของคุณไป คีย์เวิร์ดที่ประกอบด้วย 2-3 คำมักจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
- จัดกลุ่มคีย์เวิร์ดที่คล้ายกันไว้ในกลุ่มโฆษณา ลองจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดออกเป็นธีมต่างๆ ธีมเหล่านี้อาจแบ่งตามผลิตภัณฑ์ บริการ หรือหมวดหมู่อื่นๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าขายแหวน คุณอาจมีกลุ่มคีย์เวิร์ดสำหรับ "แหวนหมั้น" และอีกกลุ่มสำหรับ "แหวนแต่งงาน" จากนั้นคุณสามารถสร้างกลุ่มโฆษณาแยกกันสำหรับกลุ่มคีย์เวิร์ดเหล่านี้ และมีโฆษณาสำหรับ "แหวนหมั้น" และ "แหวนแต่งงาน" โดยเฉพาะ
