หากคุณยังเป็นมือใหม่ในการสร้างโฆษณา Display หรือต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพโฆษณา Display เรามีเคล็ดลับบางอย่างเพื่อช่วยคุณในการสร้างโฆษณา ดังนี้
- ใช้ข้อความ รูปภาพ และรูปแบบสีอย่างมีประสิทธิภาพ
- ลองใช้โฆษณาแบบดิสเพลย์ประเภทต่างๆ และการออกแบบเนื้อหาที่หลากหลาย
- สร้างรูปภาพที่คุณกำหนดด้วยตนเอง
- สร้างโฆษณา Display จากโฆษณาแบบข้อความที่คุณมีอยู่
สร้างโฆษณา Display ที่สมบูรณ์แบบ
โฆษณา Display มีตัวเลือกมากมาย คุณจึงลองใช้เทมเพลต สี และเนื้อหาต่างๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและทําให้โฆษณาโดดเด่นขึ้นได้
โฆษณา Display ที่ยอดเยี่ยมมีลักษณะเป็นอย่างไร ต่อไปนี้คือเคล็ดลับยอดนิยมสำหรับการสร้างโฆษณา Display ที่มีประสิทธิภาพ เรามาสำรวจแต่ละเคล็ดลับและดูตัวอย่างต่างๆ กัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติแนะนําสําหรับครีเอทีฟโฆษณา Display
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับรูปภาพ
- ขนาดที่แนะนำ: 1200 x 628
- ขนาดต่ำสุด: 600 x 314
- ขนาดที่แนะนำ: 1200 x 1200
- ขนาดต่ำสุด: 300 x 300
- ขนาดที่แนะนำ: 900 x 1600
- ขนาดต่ำสุด: 600 x 1067
ใช้โฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา
การใช้โฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณาจะช่วยประหยัดเวลาในการสร้างโฆษณาเวอร์ชันต่างๆ สำหรับอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน โฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณาจะปรับขนาดโฆษณาตามอุปกรณ์ประเภทต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และเดสก์ท็อปโดยอัตโนมัติ และปรับให้พอดีกับพื้นที่โฆษณาที่มีอยู่ได้เกือบทุกขนาด ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา
รับแนวคิดสำหรับโฆษณา
หากต้องการแนวคิดโฆษณา ให้ลองดูตัวอย่างในแกลเลอรีโฆษณาแบบสื่อสมบูรณ์ กรองตามรูปแบบโฆษณา ฟีเจอร์ ประเภท ขนาด ประเภทธุรกิจ หรือประเทศ
เพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพและโลโก้แบรนด์
โฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณาควรมีโลโก้แบรนด์ที่ชัดเจนและเรียบง่าย (สัดส่วนภาพ 1:1 หรือ 4:1) รวมถึงชื่อแบรนด์ที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย รูปภาพหลักควรชัดเจนและมีคุณภาพสูง หลีกเลี่ยงข้อความซ้อนทับ ภาพต่อกัน และพื้นที่ว่างที่มากเกินไป
รูปภาพหลักควรมีสถานที่จริง พื้นหลังจริง รวมถึงแสงและเงาธรรมชาติ สัดส่วนภาพที่ยอมรับคือ 1.91:1, 1:1 และ 9:16 (ไม่บังคับ) ขอแนะนําให้มีสัดส่วนภาพ 1.91:1 มากกว่าสัดส่วนภาพขนาด 1:1 และ 9:16
ใช้บรรทัดแรกและข้อความที่ชัดเจนและน่าสนใจ
สำหรับบรรทัดแรก ให้ใช้ข้อความที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายเพื่ออธิบายผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแบรนด์ คําอธิบายควรอ่านและเข้าใจได้ง่าย (มีอักขระไม่เกิน 80 ตัว) และใช้ลักษณะตัวพิมพ์ตามไวยากรณ์ประโยค หลีกเลี่ยงการสื่อข้อความแบบกว้างๆ ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด หรือคลิกเบต
ตัวอย่างที่ดี | ตัวอย่างที่ไม่ดี |
บรรทัดแรก: “ถุงเท้าขนสัตว์รุ่นใหม่ของเราช่วยให้เท้าอุ่นและใส่สบาย” ข้อความ: “ทุกชิ้นผลิตตามสั่งและส่งตรงถึงบ้าน” |
บรรทัดแรก: “ถุงเท้าขนสัตว์รุ่นใหม่ของเรา” ข้อความ: “คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม” |
บรรทัดแรก: “ก้านกล้วยผจญภัยทะลุมิติจะเข้าฉายวันที่ 22 พ.ย.” ข้อความ: “อย่าพลาดภาพยนตร์ผจญภัยที่น่าตื่นเต้นที่สุดของหน้าร้อนนี้” |
บรรทัดแรก: “ก้านกล้วยผจญภัยทะลุมิติ” ข้อความ: “YOU WON’T BELIEVE WHAT HAPPENS IN THIS FUN, SUMMER FILM” |
แสดงราคา โปรโมชัน และสิทธิพิเศษ
หากคุณมีข้อเสนอพิเศษ ตรวจสอบให้แน่ว่าใจลูกค้าทราบ ผู้คนมักจะค้นหาเพื่อทำการตัดสินใจเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการเพื่อช่วยพวกเขาตัดสินใจ
การใช้คำ เช่น ข้อเสนอพิเศษ คูปอง ส่วนลด รหัสโปรโมชัน และราคาพิเศษเป็นวิธีที่เหมาะที่จะบอกให้ผู้ใช้ทราบว่าคุณมีดีลดีๆ
แสดงหน้า Landing Page ที่เกี่ยวข้อง
ตรวจสอบหน้าในเว็บไซต์ที่คุณลิงก์ไว้ ซึ่งเรียกว่าหน้า Landing Page อย่าลืมใส่คำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action) ที่ชัดเจนในโฆษณาของคุณ ซึ่งจะนำผู้ดูไปยังหน้า Landing Page นั้นโดยตรง เช่น หากข้อความโฆษณามีวลี "โทรหาเรา" อย่าลืมใส่หมายเลขโทรศัพท์ธุรกิจของคุณในหน้า Landing Page นั้น หากข้อความโฆษณามีวลี "ข้อเสนอนี้มีเวลาจำกัด" อย่าลืมนําผู้ใช้ไปยังโปรโมชันดังกล่าวในหน้า Landing Page ใน URL สุดท้ายให้ระบุ URL แบบเต็ม
สร้างโฆษณา 3 - 4 รายการต่อกลุ่มโฆษณา
คุณสามารถสร้างโฆษณาได้ 3 - 4 รายการต่อกลุ่มโฆษณาเพื่อลองใช้ข้อความที่แตกต่างกับรูปภาพที่ต่างกัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าโฆษณาใดทํางานได้ดีที่สุดกับลูกค้าของคุณ Google Ads แสดงโฆษณาที่มีประสิทธิภาพดีกว่าโฆษณาอื่นๆ ในกลุ่มโฆษณาเดียวกันให้บ่อยยิ่งขึ้นได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้คุณไม่ต้องคาดเดา และช่วยให้ต่อยอดสิ่งที่ทราบจากการทดสอบได้