ตอนนี้โฆษณาจะปรากฏในเนื้อหาที่ตรงกับหัวข้อ ตําแหน่ง หรือคีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณา Display/วิดีโอ/Search ที่คุณกําหนดเป้าหมายไว้เพื่อช่วยให้คุณเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้น เช่น หากคุณกําหนดเป้าหมาย "จักรยาน" เป็นหัวข้อและ "การปั่นจักรยาน" เป็นคีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณา Display/วิดีโอ/Search โฆษณาจะแสดงในเนื้อหาที่ตรงกับรายการใดรายการหนึ่งจาก 2 รายการดังกล่าว
นอกจากนี้ คุณยังจะเห็นการกำหนดเป้าหมายตามบริบทที่ง่ายขึ้นรวมอยู่ในหน้าเดียวใน Google Ads เพื่อให้สามารถจัดการการกำหนดเป้าหมายตามเนื้อหาทุกประเภท (หัวข้อ ตําแหน่ง คีย์เวิร์ดสำหรับโฆษณาวิดีโอ/Display และการยกเว้น) ได้ในมุมมองเดียว หน้าใหม่นี้อยู่ในส่วน "เนื้อหา" ของแคมเปญ ในเมนูการนำทางด้านซ้าย
เราได้ลดความซับซ้อนในการควบคุมการกำหนดเป้าหมายและการยกเว้นสำหรับดิสเพลย์บนมือถือลง เพื่อให้คุณเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่กำลังเติบโตได้ง่ายขึ้น
การยกเว้นเนื้อหา (การยกเว้น “โฆษณาที่ไม่ใช่แบบคั่นระหว่างหน้าในแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ignoredMob”) เปลี่ยนไปเป็นตัวเลือกแบบง่ายในการกำหนดอุปกรณ์เป้าหมายแบบคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เคลื่อนที่
คุณควบคุมได้ว่าโฆษณาจะปรากฏผ่านผู้เผยแพร่โฆษณาหรือเนื้อหาประเภทใดโดยใช้คุณควบคุมได้ว่าโฆษณาจะปรากฏผ่านผู้เผยแพร่โฆษณาหรือเนื้อหาประเภทใดโดยใช้
- หัวข้อ
- การกำหนดอุปกรณ์เป้าหมาย เลือกได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่
- หมวดหมู่แอป
- การยกเว้นแอปแต่ละแอป โดยใช้การยกเว้นตำแหน่งโฆษณาสำหรับแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และการยกเว้นเว็บไซต์แต่ละแห่ง
- การยกเว้นเนื้อหา
นอกจากจะเลือกตำแหน่งที่กำหนดใน YouTube, เครือข่ายพาร์ทเนอร์ Search และเครือข่าย Display เช่น หน้าเว็บ เว็บไซต์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และวิดีโอที่ต้องการให้แสดงโฆษณาได้แล้ว คุณยังเลือกตำแหน่งที่ยกเว้นซึ่งเป็นตำแหน่งที่คุณไม่ต้องการให้แสดงโฆษณาได้อีกด้วย โดยสามารถยกเว้นเว็บไซต์หรือโดเมนที่ไม่เหมาะกับแบรนด์ หรือที่กระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ไม่ดี
ประเภทของตำแหน่งโฆษณาที่คุณอาจยกเว้น
- บางตำแหน่งที่ไม่เหมาะกับแบรนด์ของคุณ
- ตำแหน่งที่โฆษณาของคุณแสดง แต่มีประสิทธิภาพไม่ดี
ตัวอย่าง
บริษัทการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งมีกลุ่มโฆษณาที่เสนอแพ็กเกจการตั้งแคมป์สำหรับครอบครัวและกำหนดเป้าหมายหัวข้อ เช่น การเดินเขาและการตั้งแคมป์ บริษัทสังเกตเห็นว่าโฆษณาบางรายการแสดงบนตำแหน่งอัตโนมัติที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ แต่ไม่ได้มุ่งเน้นสำหรับครอบครัว บริษัทจะยกเว้นตำแหน่งเหล่านี้ออกจากกลุ่มโฆษณาได้
ยกเว้นตำแหน่งโฆษณาจากแคมเปญ กลุ่มโฆษณา หรือบัญชี
คุณจะยกเว้นตำแหน่งจากกลุ่มโฆษณาและแคมเปญที่ต้องการได้จากหน้า "ตำแหน่งโฆษณา" การยกเว้นตําแหน่งจะช่วยป้องกันไม่ให้โฆษณาปรากฏในเว็บไซต์ วิดีโอ แอป หรือตําแหน่งอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์ในกรณีที่คุณไม่ต้องการให้โฆษณาปรากฏในเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย หรือไม่ต้องการแสดงในตําแหน่งที่อาจส่งผลเสียต่อแบรนด์
วิธียกเว้นตําแหน่งสําหรับแคมเปญ
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด และเนื้อหาในเมนู "ส่วน"
- คลิกเนื้อหา
- คลิกการยกเว้น
- คลิกแก้ไขการยกเว้นทางด้านขวา
- เลือกว่าต้องการยกเว้นตำแหน่งที่ระดับแคมเปญ กลุ่มโฆษณา หรือบัญชี
- คุณสามารถยกเว้นตําแหน่งตาม URL, รหัสแอป และรหัสวิดีโอ
- คุณยกเว้นตําแหน่งสำหรับโฆษณาได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาแบบข้อความ โฆษณาแบบรูปภาพ หรือโฆษณาวิดีโอ
- (ไม่บังคับ) หากต้องการยกเว้น URL หลายรายการ ให้เลือกป้อน แล้วป้อน URL ที่ต้องการยกเว้น
- หากคุณเลือก "ใช้รายการการยกเว้นตำแหน่ง" ให้เลือกรายการการยกเว้นตำแหน่งที่มีอยู่
- หลังจากป้อนการยกเว้นแล้ว ให้คลิกบันทึก
นอกจากนี้ คุณยังแก้ไขการยกเว้นผ่านความเหมาะสมของเนื้อหาได้ด้วย
- เลือกเมนูเครื่องมือ ทางด้านซ้าย
- เลือก "ความเหมาะสมของเนื้อหา"
- ในส่วน "การตั้งค่าขั้นสูง" ให้เลือก "ตําแหน่งที่ยกเว้น"
- เลือกตัวเลือกจากเมนูแบบเลื่อนลงสําหรับการยกเว้นที่ต้องการ คุณสามารถเลือกยกเว้นตําแหน่งตามรายการต่อไปนี้
- ตำแหน่งแต่ละที่: ป้อน URL, แอป หรือรหัสวิดีโอที่เฉพาะเจาะจงของตำแหน่งโฆษณาที่ต้องการยกเว้น
- หมวดหมู่: เลือกหมวดหมู่ตําแหน่งที่จะยกเว้น เช่น "เนื้อหาที่ละเอียดอ่อน" หรือ "เนื้อหาที่มีความรุนแรง"
- ป้ายกํากับเนื้อหา: ยกเว้นตําแหน่งตามป้ายกํากับเนื้อหา เช่น "การพนัน" หรือ "เครื่องดื่มแอลกอฮอล์"
- (ไม่บังคับ) หากต้องการกําหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ให้ใช้แถบค้นหาเพื่อค้นหาและยกเว้นตําแหน่งตามคีย์เวิร์ด, วลี, URL หรือรหัสวิดีโอ
หมายเหตุ: การยกเว้นตําแหน่งจะมีผลกับกลุ่มโฆษณาทั้งหมดในแคมเปญ เว้นแต่คุณจะระบุไว้เป็นอย่างอื่น ตําแหน่งที่ยกเว้นอาจส่งผลต่อการเข้าถึงตามการกําหนดเป้าหมายและอาจจํากัดการแสดงโฆษณา คุณสามารถดูและจัดการตําแหน่งที่ยกเว้นได้ทุกเมื่อโดยทําตามขั้นตอนด้านบน
วิธีการเพิ่ม URL ที่ยกเว้น
มี URL หลายประเภทสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ประเภทต่างๆ พร็อพเพอร์ตี้แต่ละประเภทมีรูปแบบที่อยู่ที่เฉพาะตัว ตั้งแต่แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จนถึงหน้าผลิตภัณฑ์เฉพาะ ขยายส่วนด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจวิธีป้อนที่อยู่สำหรับตำแหน่งแต่ละประเภท
การจัดรูปแบบการยกเว้นตำแหน่งสำหรับเว็บไซต์ตัวอย่าง
บริษัทของจรวยขายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน และเธอต้องการแสดงโฆษณาเฉพาะในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เธอกำหนดเป้าหมายไปยังเว็บไซต์รีวิวผลิตภัณฑ์ยอดนิยม และเพิ่มการยกเว้นเว็บไซต์สำหรับเส้นทางเว็บไซต์เกี่ยวกับเครื่องมือกระจุกกระจิกสำหรับอาหารและเครื่องใช้ภายในบ้าน เพื่อไม่ให้โฆษณาแสดงในหน้าเหล่านั้น การปรับตำแหน่งที่โฆษณาจะปรากฏนี้ทำให้เธอแสดงโฆษณาต่อผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่สนใจมากที่สุดได้
รูปแบบของแต่ละหน่วยในรายการการยกเว้นเว็บไซต์จะเป็นตัวกำหนดวิธีที่ Google Ads กรองเว็บไซต์ ตัวอย่างวิธียกเว้นโดเมนและวิธีจัดรูปแบบการยกเว้นเหล่านี้มีดังนี้
ระดับ |
การยกเว้น |
|
ชื่อโดเมนระดับบนสุด | example.com ใช้รูปแบบนี้หากต้องการให้โฆษณาของคุณได้รับการยกเว้นจากโดเมน โดเมนย่อย ชื่อไดเรกทอรี หน้าเว็บแต่ละหน้า และรายการอื่นๆ ของโดเมนนั้น
|
ยอมรับได้ |
โดเมนย่อยระดับแรก | example.com
|
ยอมรับได้ |
โดเมนย่อยระดับแรก | placement.example.com | ยอมรับได้ |
ชื่อไดเรกทอรีเดียว | example.com/stuff
|
ยอมรับได้ |
ชื่อไดเรกทอรีเดียว | example.com/stuff | ยอมรับได้ |
ชื่อไดเรกทอรีที่สอง | example.com/stuff/extra
|
ยอมรับได้ |
โดเมนย่อยหลายระดับ |
placement.example.com
|
ไม่แนะนำ |
หน้าเว็บแต่ละหน้า | example.com/index.html | ยอมรับได้ |
เนื่องจากเครือข่ายดิสเพลย์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจึงรับรองไม่ได้ว่าคุณจะยกเว้นหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อยกเว้นหมวดหมู่ อย่างไรก็ตาม ในขณะทดสอบเราพบว่าการยกเว้นหมวดหมู่จะลดการแสดงผลในหน้าที่เกี่ยวข้องลงประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงกลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ด และเนื้อหาในเมนู "ส่วน"
- คลิกเนื้อหา
- คลิกการยกเว้น
- คลิกลูกศรแบบเลื่อนลงทางขวาของคำว่า "การยกเว้น"
- คลิกตําแหน่งโฆษณา
- คลิกไอคอนดินสอ
- เลือกเพิ่มการยกเว้นตำแหน่ง
- เลือกแคมเปญภายใน "ยกเว้นจาก"
- คลิกเลือกแคมเปญ และเลือกแคมเปญที่คุณต้องการยกเว้นแอป
- คลิกป้อนตำแหน่งโฆษณาหลายรายการ
- ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้
- วิธีการยกเว้นแอป iPhone
- ค้นหารหัส iTunes ของแอปที่ต้องการยกเว้น รหัส iTunes จะปรากฏในส่วนท้ายสุดของ URL ของแอป เช่น รหัสที่ปรากฏเป็นสีแดงคือรหัส iTunes ของแอป “MechaHamster” ดังนี้
https://itunes.apple.com/us/app/mechahamster/id1286046770
.
- ป้อน “mobileapp::1-” ตามด้วยรหัส iTunes เช่น หากคุณต้องการยกเว้นตำแหน่งแอป "MechaHamster" ให้ป้อน
mobileapp::1-1286046770
- ค้นหารหัส iTunes ของแอปที่ต้องการยกเว้น รหัส iTunes จะปรากฏในส่วนท้ายสุดของ URL ของแอป เช่น รหัสที่ปรากฏเป็นสีแดงคือรหัส iTunes ของแอป “MechaHamster” ดังนี้
- วิธียกเว้นแอป Android
- ค้นหาแอปที่คุณต้องการยกเว้นใน Google Play Store แล้วคัดลอกชื่อแพ็กเกจของแอป (ส่วนท้ายสุดของ URL หลัง “id =”) เช่น ให้คัดลอกส่วนของ URL ของแอป "MechaHamster" ที่ปรากฏเป็นสีแดงด้านล่างดังนี้
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.google.fpl.mechahamster
- ให้ป้อน “mobileapp::2-” แล้ววาง URL ที่คุณเพิ่งคัดลอกในช่องสำหรับป้อนตำแหน่งใน Google Ads หากทำตามขั้นตอนก่อนหน้า การยกเว้นแอป "MechaHamster" จะมีลักษณะดังนี้
mobileapp::2-com.google.fpl.mechahamster
- ค้นหาแอปที่คุณต้องการยกเว้นใน Google Play Store แล้วคัดลอกชื่อแพ็กเกจของแอป (ส่วนท้ายสุดของ URL หลัง “id =”) เช่น ให้คัดลอกส่วนของ URL ของแอป "MechaHamster" ที่ปรากฏเป็นสีแดงด้านล่างดังนี้
- วิธีการยกเว้นแอป iPhone
หมายเหตุ
การยกเว้นตำแหน่งแตกต่างจากการลบตำแหน่ง เมื่อยกเว้นตำแหน่ง เท่ากับว่าคุณบล็อกไม่ให้โฆษณาแสดงที่ตำแหน่งนั้น เมื่อนำตำแหน่งที่กำหนดเป้าหมายอยู่ออก โฆษณาจะยังคงแสดงที่ตำแหน่งนั้นตามวิธีการกำหนดเป้าหมายอื่นๆ ที่คุณมีในกลุ่มโฆษณาได้ เช่น คีย์เวิร์ดหรือหัวข้อ
ตั้งเวลาอัปโหลดรายการการยกเว้นตําแหน่งโดยอัตโนมัติ
การตั้งเวลาอัปเดตอัตโนมัติให้กับรายการการยกเว้นตําแหน่งช่วยประหยัดเวลาในการจัดการรายการ และช่วยให้มั่นใจว่ารายการการยกเว้นตําแหน่งใน Google Ads จะได้รับการอัปเดตตลอดเวลาและซิงค์กับแหล่งที่มาของรายการอยู่เสมอ ผู้ลงโฆษณาสามารถดูวิธีดาวน์โหลดเทมเพลตรายการ และกําหนดเวลาให้กับรายการการยกเว้นตําแหน่ง ผู้ให้บริการรายการสามารถดูวิธีสร้างและทดสอบรายการการยกเว้นเพื่อให้ผู้ลงโฆษณาใช้งานได้
สำหรับผู้ลงโฆษณาตั้งเวลารายการการยกเว้นโดยลิงก์รายการการยกเว้นตําแหน่งในรูปแบบไฟล์ที่รองรับใน Google Ads ระบบจะดึงแหล่งที่มาของรายการนี้เป็นระยะเพื่อจัดการการยกเว้นภายใน Google Ads โดยคุณอาจเป็นผู้ดูแลหรือมอบหมายให้ผู้ให้บริการรายการที่เป็นบุคคลที่สามซึ่งคุณเชื่อถือเป็นผู้ดูแลก็ได้ ตั้งเวลาอัปโหลดไปยังการยกเว้นตําแหน่งเพื่อให้รายการการยกเว้นอัปเดตโดยอัตโนมัติ เพื่อแสดงการอัปเดตที่ทำในไฟล์แหล่งที่มาภายนอก
วิธีดาวน์โหลดเทมเพลตและตั้งเวลารายการการยกเว้นตำแหน่ง
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงคลังที่ใช้ร่วมกันในหมวดหมู่เมนู
- คลิกรายการการยกเว้น
- คลิกปุ่มบวก
- คลิกตั้งเวลารายการ
- หากคุณหรือผู้ให้บริการรายการที่คุณเชื่อถือยังไม่ได้สร้างแหล่งที่มาของรายการ ให้คลิกดูเทมเพลตเพื่อดูเทมเพลตที่รองรับและดาวน์โหลดไฟล์ ซึ่งจะใช้เพิ่มและบันทึกข้อมูลได้ ตรวจสอบไฟล์ตัวอย่างโดยดาวน์โหลดไฟล์ CSV นี้ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธียกเว้นตําแหน่งโฆษณาที่ระดับบัญชี) ประเภทการยกเว้นที่รองรับ
- เว็บไซต์
- แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
- ช่อง YouTube
- วิดีโอ YouTube
โปรดทราบว่าการยกเว้นอยู่ภายใต้ขีดจํากัดรายการการยกเว้นตําแหน่งที่แชร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีดจำกัดการกำหนดเป้าหมาย Google Ads
- เมื่อบันทึกแหล่งที่มาของรายการในประเภทไฟล์ที่ถูกต้องแล้ว คุณจะตั้งเวลาอัปโหลดโดยอัตโนมัติให้กับการยกเว้นตําแหน่งซึ่งแสดงในแหล่งที่มาของรายการได้
- ป้อน "ชื่อกําหนดการ"
- ป้อน "ชื่อรายการ" ซึ่งจะปรากฏเป็นชื่อในคอลัมน์ "รายการการยกเว้นตําแหน่ง"
- เลือกวิธีส่งไฟล์ในเมนูแบบเลื่อนลง "แหล่งที่มา"
- Google ชีต
- HTTPS
- SFTP
- ไฟล์ต้องเป็นแบบสาธารณะหรือคุณให้สิทธิ์เข้าถึงไฟล์
- Google ชีตต้องเป็นสาธารณะ ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องแชร์กับบัญชี Google Ads ที่เห็นว่าแสดงอยู่ในตอนที่เลือก "Google ชีต" เป็น "แหล่งที่มา" แล้วคลิกลิงก์ชีตที่มีอยู่
- HTTPS / SFTP อาจต้องใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ (ชื่อผู้ใช้ / รหัสผ่าน) ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงไฟล์หากจําเป็น
โปรดทราบว่าหากคุณเลือก SFTP และได้รับข้อผิดพลาด "ไม่พบไฟล์" ให้ลองแทรกเครื่องหมายทับคู่ ("//") ไว้ระหว่างเส้นทางและชื่อไฟล์ เช่น SFTP://sftp.mysite.com/exclusions.csv
- ใช้ช่อง "ความถี่" และ "เวลา" เพื่อเลือกความถี่และเวลาที่ควรอัปโหลดแหล่งที่มาที่คุณเลือก รวมทั้งความถี่และเวลาที่ควรใช้กับการยกเว้นตำแหน่ง
- คลิกบันทึก
- ตรวจสอบว่าไฟล์แหล่งที่มาได้รับการอัปโหลดอย่างถูกต้อง โดยดูว่าไฟล์อยู่ในคอลัมน์ "รายการการยกเว้นตําแหน่ง" ในหน้าการยกเว้นตําแหน่งที่เข้าถึงได้จากเมนูเครื่องมือ อาจใช้เวลาถึง 10 นาทีกว่าที่รายการจะปรากฏ
- วิธียกเลิกหรือแก้ไขการยกเว้นตําแหน่งที่ตั้งเวลาไว้
- คลิกไอคอนเครื่องมือ
- เลือกอัปโหลดภายใน "การดำเนินการจำนวนมาก"
- คลิกแท็บตั้งเวลา
- วางเมาส์เหนือจุดสีทางด้านซ้ายของรายการที่ตั้งเวลาไว้ในคอลัมน์ "ตั้งเวลา"
- คุณจะเลือก "เปิดใช้" "หยุดชั่วคราว" หรือ "นําออก" ได้
- ทั้งยังแก้ไขได้โดยคลิกแก้ไขในคอลัมน์ "การดําเนินการ"
หมายเหตุ
- หากคุณใช้ไฟล์ที่สร้างโดยผู้ให้บริการรายการที่เชื่อถือได้ ให้ตรวจดูว่าไฟล์อยู่ในรูปแบบที่ระบบรองรับเพื่อให้อัปโหลดได้อย่างถูกต้อง
- ตราบใดที่ยังอัปโหลดตามกําหนดเวลา การยกเว้นใดๆ ในไฟล์แหล่งที่มาจะยังคงอัปโหลดไปยังรายการอย่างต่อเนื่อง คุณจะต้องอัปเดตไฟล์แหล่งที่มาโดยตรง หรือทํางานร่วมกับผู้ให้บริการรายการบุคคลที่สามเพื่ออัปเดตไฟล์แหล่งที่มา
- เมื่อสร้างรายการการยกเว้นแล้ว คุณจะใช้รายการการยกเว้นตําแหน่งกับแคมเปญเพื่อเริ่มยกเว้นตําแหน่งได้
สร้างรายการการยกเว้นให้ผู้ลงโฆษณาใช้โดยการดาวน์โหลดแหล่งที่มาของไฟล์ภายนอกที่ระบบรองรับใน Google Ads เมื่อผู้ลงโฆษณาเป็นผู้ตั้งเวลา ระบบจะดึงแหล่งที่มาของรายการนี้ไปใช้จัดการการยกเว้นภายใน Google Ads และคุณจะดูแลรายการได้ ผู้ลงโฆษณาจะตั้งเวลาอัปโหลดได้โดยใช้ไฟล์การยกเว้นตําแหน่ง รายการจะอัปเดตโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับไฟล์แหล่งที่มา
วิธีดาวน์โหลดเทมเพลตไฟล์และทดสอบไฟล์การยกเว้นตำแหน่ง
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนเครื่องมือ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงคลังที่ใช้ร่วมกันในหมวดหมู่เมนู
- คลิกรายการการยกเว้น
- คลิกปุ่มบวก
- คลิกตั้งเวลารายการ
- คลิกดูเทมเพลตเพื่อดูประเภทไฟล์และเทมเพลตที่ระบบรองรับ รวมถึงดาวน์โหลดไฟล์ที่คุณจะใช้สร้างรายการการยกเว้นตําแหน่ง ตรวจสอบไฟล์ตัวอย่างโดยดาวน์โหลดไฟล์ CSV นี้ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธียกเว้นตําแหน่งโฆษณาที่ระดับบัญชี) ประเภทการยกเว้นที่รองรับ
- เว็บไซต์
- แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
- ช่อง YouTube
- วิดีโอ YouTube
โปรดทราบว่าการยกเว้นอยู่ภายใต้ขีดจํากัดรายการการยกเว้นตําแหน่งที่แชร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีดจำกัดการกำหนดเป้าหมาย Google Ads
- เมื่อบันทึกแหล่งที่มาของรายการในประเภทไฟล์ที่ถูกต้องแล้ว ให้ทดสอบว่าไฟล์การยกเว้นจัดรูปแบบอย่างถูกต้องโดยการอัปโหลดไปที่บัญชีของคุณ
- ป้อน "ชื่อกําหนดการ"
- ป้อน "ชื่อรายการ" ซึ่งจะปรากฏเป็นชื่อในคอลัมน์ "ตั้งเวลา" และ "รายการการยกเว้นตําแหน่ง"
- เลือกวิธีส่งไฟล์ในเมนูแบบเลื่อนลง "แหล่งที่มา"
- Google ชีต
- HTTPS
- SFTP
- ไฟล์ต้องเป็นแบบสาธารณะหรือคุณให้สิทธิ์เข้าถึงไฟล์
- Google ชีตต้องเป็นสาธารณะ ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องแชร์กับบัญชี Google Ads ที่เห็นว่าแสดงอยู่ในตอนที่เลือก "Google ชีต" เป็น "แหล่งที่มา" แล้วคลิกลิงก์ชีตที่มีอยู่
- HTTPS / SFTP อาจต้องใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ (ชื่อผู้ใช้ / รหัสผ่าน) ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงไฟล์หากจําเป็น
- สิทธิ์เหล่านี้จะมีผลกับผู้ลงโฆษณาทั้งหมดที่ได้รับสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ของคุณด้วย
โปรดทราบว่าหากคุณเลือก SFTP และได้รับข้อผิดพลาด "ไม่พบไฟล์" ให้ลองแทรกเครื่องหมายทับคู่ ("//") ไว้ระหว่างเส้นทางและชื่อไฟล์ เช่น SFTP://sftp.mysite.com/exclusions.csv
- ใช้ช่อง "ความถี่" และ "เวลา" เพื่อเลือกความถี่และเวลาที่ควรอัปโหลดแหล่งที่มาที่คุณเลือก รวมทั้งความถี่และเวลาที่ควรใช้กับการยกเว้นตำแหน่งของผู้ลงโฆษณา
- คลิกบันทึก
- ตรวจสอบว่าไฟล์แหล่งที่มาได้รับการอัปโหลดอย่างถูกต้อง โดยดูว่าไฟล์อยู่ในคอลัมน์ "รายการการยกเว้นตําแหน่ง" ในหน้าการยกเว้นตําแหน่งที่เข้าถึงได้จากเมนูเครื่องมือ อาจใช้เวลาถึง 10 นาทีกว่าที่ไฟล์แหล่งที่มาจะปรากฏ
แนวทางปฏิบัติแนะนำ
- ก่อนแชร์ไฟล์กับผู้ลงโฆษณา คุณควรตั้งเวลารายการด้วยบัญชีของตัวเอง และทดสอบว่าไฟล์ได้รับการอัปโหลดอย่างถูกต้อง ใช้กําหนดการนี้เป็นเวลา 2-3 วันเพื่อทดสอบว่าระบบอัปโหลดการอัปเดตของคุณ
- โปรดทราบว่ารายการอยู่ภายใต้ขีดจํากัดของการยกเว้นตําแหน่งที่ใช้ร่วมกันแบบมาตรฐานซึ่งมีการยกเว้นได้สูงสุด 65,000 รายการต่อรายการ โปรดทราบว่าบัญชีของผู้ลงโฆษณาอยู่ภายใต้ขีดจํากัดการยกเว้นเพิ่มเติมตามการใช้งานการกําหนดเป้าหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีดจำกัดการกำหนดเป้าหมาย Google Ads
- ช่วยผู้ลงโฆษณาเปลี่ยนแปลงรายการโดยถาวรในไฟล์แหล่งที่มาของรายการโดยตรง เนื่องจากผู้ลงโฆษณาจะเปลี่ยนแปลงรายการที่ตั้งเวลาจาก Google Ads โดยถาวรไม่ได้
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
- ดูวิธีอื่นๆ ในการยกเว้นตามคีย์เวิร์ด หัวข้อ กลุ่มข้อมูลประชากร หรือตัวเลือกหมวดหมู่ของเว็บไซต์
- ดูวิธียกเว้นทั้งหมวดหมู่ของเว็บไซต์ตามเนื้อหา