เกี่ยวกับการเสนอราคาด้วยต้นทุนต่อการดู (CPV)

สำหรับแคมเปญวิดีโอ กลยุทธ์การเสนอราคาแบบต้นทุนต่อการดู (CPV) จะใช้ได้เมื่อคุณสร้างแคมเปญยอดดูวิดีโอหรือแคมเปญโฆษณาวิดีโอต่อเนื่องที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการรับรู้และการพิจารณา

เมื่อใช้การเสนอราคา CPV คุณจะจ่ายค่าโฆษณาเมื่อมีการดูหรือการโต้ตอบวิดีโอ (เช่น การคลิกโฆษณาซ้อนทับคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action) การ์ด และแบนเนอร์ที่แสดงร่วมกัน) ระบบจะนับการดูแตกต่างกันไปตามโฆษณาแต่ละรูปแบบ ดังนี้

  • โฆษณาในสตรีม: เมื่อมีผู้ดูโฆษณาวิดีโอเป็นเวลา 30 วินาที (หรือดูจนจบหากโฆษณาสั้นกว่า 30 วินาที) หรือโต้ตอบกับโฆษณา ขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดเกิดก่อน
  • โฆษณาในฟีด: เมื่อผู้ชมคลิกภาพปกวิดีโอเพื่อดูโฆษณาวิดีโอ หรือดูโฆษณาที่เล่นอัตโนมัติเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วินาที (หรือดูจนจบหากโฆษณาสั้นกว่า 10 วินาที)
  • โฆษณา YouTube Shorts: เมื่อมีผู้ดูโฆษณาวิดีโอเป็นเวลา 10 วินาที (หรือดูจนจบหากโฆษณาสั้นกว่า 10 วินาที) หรือคลิกคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action หรือ CTA)
หมายเหตุ: เมตริกต้นทุนต่อการดูในรายงานจะรวมเฉพาะต้นทุนที่มีสิทธิ์รับการดูเท่านั้น โฆษณาบางรูปแบบ เช่น โฆษณาบัมเปอร์หรือโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์รับการดู

สำหรับโฆษณาแบบข้อความหรือแบบรูปภาพออนไลน์แบบเดิม ลูกค้าบนเว็บอาจเห็นโฆษณา อ่านข้อความ แล้วจึงคลิก URL เพื่อไปยังเว็บไซต์ของคุณโดยตรง การโต้ตอบประเภทนี้ไม่ได้นำเนื้อหาแบบโต้ตอบอย่างโฆษณาวิดีโอมาพิจารณา เมื่อใช้ CPV และการรายงานโฆษณาวิดีโอ คุณจะทราบได้ว่าผู้ดูมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของคุณมากน้อยเพียงใด เลือกดูวิดีโอของคุณในที่ใด และเลิกดูเนื้อหาของคุณเมื่อใด

บทความนี้อธิบายวิธีการทำงานของการเสนอราคาแบบ CPV

วิธีการทำงาน

ราคาเสนอ CPV มี 2 ประเภท ได้แก่ CPV เป้าหมาย (tCPV) และต้นทุนสูงสุดต่อการดู (CPV สูงสุด)

หากคุณใช้แคมเปญยอดดูวิดีโอกับโฆษณาแบบ Multi-Format การเสนอราคาจะเป็น CPV เป้าหมาย (tCPV) เมื่อใช้ tCPV คุณจะกำหนดจำนวนเงินเฉลี่ยที่ยินดีจ่ายสำหรับการดูแต่ละครั้งที่แคมเปญได้รับจาก CPV เป้าหมายที่ตั้งไว้ เราจะเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอเพื่อช่วยให้ได้ยอดดูมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ทั้งนี้ ยอดดูบางรายการอาจมีต้นทุนสูงหรือต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูวิดีโอ

หากคุณใช้แคมเปญยอดดูวิดีโอแต่เลือกไม่ใช้โฆษณาวิดีโอแบบ Multi-Format หรือหากคุณใช้แคมเปญโฆษณาวิดีโอต่อเนื่อง กลยุทธ์การเสนอราคาจะเปลี่ยนเป็นต้นทุนสูงสุดต่อการดู (CPV สูงสุด) คุณจะใช้ CPV สูงสุดเพื่อกำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่ยินดีจ่ายสำหรับการดูแต่ละครั้งที่แคมเปญได้รับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยอดดูวิดีโอและเกี่ยวกับโฆษณาวิดีโอต่อเนื่อง

การเลือกราคาเสนอ CPV ที่เหมาะสม

จะทราบได้อย่างไรว่าควรตั้ง CPV เท่าไร คุณสามารถตั้ง CPV โดยเทียบจากยอดดูที่เราประมาณตามพารามิเตอร์ของแคมเปญและราคาเสนอ CPV ที่คุณตั้งไว้เมื่อสร้างแคมเปญใหม่ ค่าประมาณจะแสดงอยู่ทางด้านขวาของหน้าจอในขั้นตอนการสร้างแคมเปญ ราคาเสนอที่คุณกําหนดไม่เพียงส่งผลต่อจํานวนยอดดูที่แคมเปญได้รับ แต่ยังส่งผลต่อการใช้งบประมาณของแคมเปญด้วย การใช้ราคาเสนอที่ต่ำเกินไปจะทําให้แคมเปญเข้าร่วมการประมูลอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เราขอแนะนําให้ปรับราคาเสนอตามค่าประมาณเพื่อให้การแสดงแคมเปญเป็นที่น่าพอใจ

จำนวนเงินที่เราเรียกเก็บจากคุณ

ระบบจะเพิ่มประสิทธิภาพราคาเสนอ CPV เพื่อเรียกเก็บเงินจากคุณในราคาต่ำสุดสำหรับการดูวิดีโอ หากเป็นไปได้ เราจะพยายามเรียกเก็บเงินจากคุณเท่าที่จำเป็นในการให้โฆษณาของคุณปรากฏบนหน้าเว็บได้เท่านั้น จำนวนเงินที่เรียกเก็บจากคุณจริงๆ เมื่อมีการดูจะเรียกว่า CPV จริง

CPV ส่งผลต่อลำดับโฆษณาอย่างไร

ราคาเสนอ CPV ที่คุณตั้งไว้ช่วยกำหนดโอกาสที่โฆษณาของคุณจะชนะการประมูลและปรากฏต่อผู้ดู สำหรับโฆษณาวิดีโอในฟีดที่แสดงในผลการค้นหาของ YouTube ราคาเสนอนี้อาจส่งผลต่อตำแหน่งของโฆษณาของคุณเทียบกับโฆษณาอื่นๆ ในหน้าผลการค้นหาด้วย

CPV ที่สูงกว่าจะเพิ่มโอกาสที่โฆษณาจะปรากฏ และเพิ่มโอกาสที่โฆษณาจะได้ปรากฏในอันดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับโฆษณาอื่นๆ (หากมี)

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
1993780395001741466
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false