เพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาของคุณ
โฆษณาบอกถึงผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ ยิ่งโฆษณามีความเกี่ยวข้องและน่าสนใจต่อลูกค้ามากเท่าใด ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างผลลัพธ์ให้คุณได้มากเท่านั้น
หากต้องการวัดประสิทธิภาพโฆษณาอย่างรวดเร็ว คุณสามารถจัดเรียงตามอัตราการคลิกผ่านหรือสถิติ Conversion ได้ในแบบเดียวกับที่คุณทำกับคีย์เวิร์ด ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถดูได้ง่ายๆ ว่าโฆษณาใด
- ได้รับคลิกบ่อยที่สุด
- สร้าง Conversion ได้มากที่สุด
- มีอัตรา Conversion สูงที่สุด
- ทำให้เกิด Conversion ด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด
โฆษณาของคุณควรดึงดูดความสนใจของลูกค้าและอธิบายสิ่งที่คุณนำเสนอได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ทําตามแนวทางปฏิบัติแนะนำต่อไปนี้เพื่อให้แน่ใจว่าโฆษณาได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ
จับคู่โฆษณาและคีย์เวิร์ด
ผู้บริโภคมักจะสนใจโฆษณาที่ดูเหมือนมีความเกี่ยวข้องกับการค้นหาของตนมากกว่า ดังนั้นคุณจึงควรดูให้แน่ใจว่าข้อความโฆษณา (โดยเฉพาะบรรทัดแรก) มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดของคุณอย่างสูง วิธีนี้จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ที่ค้นหาด้วยคำเหล่านั้นและแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ
คุณควรจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดตามธีมหรือผลิตภัณฑ์ แทนที่จะใส่คีย์เวิร์ดทั้งหมดไว้ในกลุ่มโฆษณาเดียวกัน วิธีนี้ช่วยให้คุณเขียนโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับธีมเฉพาะนั้นๆ ได้โดยตรง และยิ่งโฆษณากับคีย์เวิร์ดของคุณจับคู่กันอย่างใกล้เคียงมากเพียงใด ก็ยิ่งมีโอกาสที่ผู้ใช้จะสนใจมากขึ้นเท่านั้น
สร้างโฆษณาหลายเวอร์ชัน
การเก็บรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการบอกเล่าเกี่ยวกับธุรกิจของคุณในโฆษณาแบบข้อความโฆษณาเดียวอาจทำได้ยาก จึงเป็นสาเหตุที่คุณควรเขียนโฆษณาหลายๆ รูปแบบ
เราขอแนะนำให้คุณมีโฆษณาที่แตกต่างกัน 3-5 รายการต่อกลุ่มโฆษณา หากคุณมีโฆษณามากกว่า 1 รายการในกลุ่มโฆษณา โดยค่าเริ่มต้น Google Ads จะเริ่มแสดงโฆษณาที่มีประสิทธิภาพดีกว่าโดยอัตโนมัติพยายามใช้บรรทัดแรกและข้อความรายละเอียดที่แตกต่างกันในแต่ละโฆษณา เช่น คุณอาจทดสอบด้วยวิธีต่อไปนี้
- การลองใช้บรรทัดแรกหรือคำกระตุ้นการตัดสินใจที่แตกต่างกัน
- การใส่ชื่อแบรนด์หรือคีย์เวิร์ดบางคำ
- การใส่ราคาหรือโปรโมชันที่เฉพาะเจาะจง
ใช้คำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจน
ในข้อความโฆษณา คุณควรกระตุ้นให้ลูกค้าทำสิ่งที่คุณต้องการในเว็บไซต์ของคุณ คำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจนจะช่วยแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงสิ่งที่พวกเขาจะพบและกระตุ้นให้พวกเขาดำเนินการตามที่คุณต้องการ
ยิ่งคุณใช้คำกระตุ้นการตัดสินใจเฉพาะเจาะจงมากเท่าใด (กล่าวคือ คำกระตุ้นการตัดสินใจยิ่งตรงกับคีย์เวิร์ดและหน้า Landing Page มากเท่าใด) คุณก็มีโอกาสได้รับ Conversion มากขึ้นเท่านั้น การเลือกวลีกระตุ้นการตัดสินใจที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินสำหรับคลิกที่มีแนวโน้มต่ำว่าจะทำให้คุณได้ลูกค้า
เน้นสิ่งที่ทําให้คุณแตกต่าง
หากคุณมีข้อเสนอพิเศษ ต้องให้แน่ใจว่าลูกค้ามองเห็น เช่น การมอบส่วนลด 10% ในช่วงฤดูร้อน ส่วนลดทันที หรือของแจกฟรีเมื่อซื้อสินค้า การสร้างความน่าสนใจให้กับราคาหรือโปรโมชันหนึ่งๆ จะช่วยส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้เพื่อให้คลิกโฆษณาของคุณได้ ยิ่งคุณทำให้ตัวเองมีความชัดเจนเหนือคู่แข่งมากเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นเท่านั้น
ใช้ชิ้นงานโฆษณา
วิธีหนึ่งในการดึงดูดลูกค้ามาที่โฆษณาของคุณมากขึ้นคือการใช้ชิ้นงานโฆษณาซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่แสดงข้อมูลเพิ่มเติมของธุรกิจพร้อมกับโฆษณาของคุณ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ การให้คะแนนร้าน หรือลิงก์ไปยังหน้าเว็บอื่นๆ การเพิ่มชิ้นงานโฆษณาจะช่วยปรับปรุงความสามารถในการแสดงและ CTR ของโฆษณาได้
เพิ่มประสิทธิภาพหน้า Landing Page ของคุณ
หน้า Landing Page ของคุณมีบทบาทสําคัญในการเปลี่ยนคลิกให้เป็นลูกค้า เมื่อลูกค้าคลิกโฆษณา ลูกค้าคาดหวังว่าจะได้เข้าไปยังหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เห็นในโฆษณาของคุณ แต่หากไม่พบสิ่งที่คาดไว้ทันที ก็มีแนวโน้มที่ลูกค้าจะออกจากเว็บไซต์
ตรวจสอบว่าหน้า Landing Page ตรงกับโฆษณาและคีย์เวิร์ด
เลือกหน้า Landing Page ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโฆษณาและคีย์เวิร์ด ตัวอย่างเช่น หากคีย์เวิร์ดคือรองเท้าลดราคา และโฆษณาระบุข้อความลดราคารองเท้า 20% ลูกค้าควรสามารถค้นหาและซื้อรองเท้าในราคาที่ลดดังกล่าวในหน้า Landing Page ของคุณได้
นอกจากนี้หน้า Landing Page ยังควรสอดคล้องกับคำกระตุ้นการตัดสินใจในข้อความโฆษณาด้วย ตัวอย่างเช่น หากโฆษณาของคุณกระตุ้นให้ลูกค้าลงชื่อสมัครใช้ทัวร์ชมฟรี คุณอาจแสดงแบบฟอร์มลงชื่อสมัครใช้ในหน้า Landing Page อย่างชัดเจน ให้คิดว่าการเชื่อมโยงระหว่างโฆษณากับหน้า Landing Page เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและการซื้อ ยิ่งมีความเชื่อมโยง (มีความเกี่ยวข้องโดยตรง) มากเท่าใด คุณก็มีโอกาสได้รับ Conversion มากขึ้นเท่านั้น
ตรวจสอบว่าเว็บไซต์เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ลูกค้าของคุณจำนวนมากอาจเข้าชมเว็บไซต์จากอุปกรณ์เคลื่อนที่ ผู้เข้าชมอาจหาสิ่งที่ต้องการได้ยากในหน้าจอขนาดเล็ก
ดูคะแนนในด้านความเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่และความเร็วของเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงดูวิธีปรับปรุงให้ดีขึ้น ทดสอบเว็บไซต์ของคุณ
- ทำให้รวดเร็ว
- ทำให้ติดต่อคุณได้ง่าย
- ใช้การนำไปยังส่วนต่างๆ ที่เรียบง่าย
ตรวจสอบว่าผู้ใช้ไปยังส่วนต่างๆ ในหน้า Landing Page ได้ง่าย
ทำให้ลูกค้าสามารถดำเนินการตามที่คุณต้องการ เช่น สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ โทรหาคุณ หรือส่งคำถามได้ง่ายและรวดเร็ว อย่าทำให้ผู้เข้าชมต้องค้นหาข้อมูลที่ต้องการอย่างยากลำบาก พยายามอย่าทำให้เว็บไซต์รกตาด้วยโฆษณาและป๊อปอัปมากเกินไป
ขอแนะนำให้คุณวางข้อมูลสำคัญที่ด้านบนของหน้า ด้วยวิธีนี้ลูกค้าจะเห็นข้อมูลทันทีที่มาถึงหน้านี้ และจะไม่ต้องเลื่อนลงเพื่อดูข้อมูล
นําเสนอเนื้อหาที่มีประโยชน์และไม่ซ้ำใคร
พยายามนำเสนอเนื้อหาที่มีประโยชน์และไม่ซ้ำใครเกี่ยวกับสิ่งที่คุณโฆษณาในหน้า Landing Page เปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมถึงลักษณะของธุรกิจอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น คุณอาจพิจารณาเพิ่มบทวิจารณ์ที่แสดงความคิดเห็นจริงจากลูกค้ารายอื่นๆ
