ตรวจสอบว่า Google Ads มีข้อมูล Conversion เพียงพอ
ยิ่ง Google Ads มีข้อมูลในการระบุลักษณะร่วมของผู้ใช้ที่คุณต้องการมากเพียงใด ก็จะยิ่งค้นหาผู้ใช้ใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติตรงตามโปรไฟล์ที่คล้ายกันได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้นเท่านั้น
ประสิทธิภาพของ App campaign จะเสถียรเมื่อ Google Ads รวบรวมข้อมูลได้มากเพียงพอจนระบุผู้ใช้ใหม่ๆ ที่มีคุณค่าได้อย่างมั่นใจแล้ว ตัวอย่างเช่น เมตริกต้นทุนต่อ Conversion (CPI หรือ CPA) อาจแตกต่างกันไปในแต่ละวัน แต่มีตัวเลขค่าเฉลี่ยรายเดือนตรงกับเป้าหมายของคุณ คุณควรรอให้ได้รับ Conversion อย่างน้อย 100 ครั้งก่อนที่จะประเมินต้นทุนต่อ Conversion
คำนึงถึงระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion เมื่อประเมินประสิทธิภาพ
อย่าลืมพิจารณาถึงเวลาที่ผู้ใช้ใช้นับตั้งแต่ที่คลิกโฆษณาไปจนถึงเวลาที่ทำ Conversion ซึ่งเรียกว่าระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion
เนื่องจาก Google Ads ระบุแหล่งที่มาของ Conversion เป็นวันที่เกิดการคลิกโฆษณา ข้อมูลที่ใหม่กว่าจึงอาจยังไม่เสร็จสมบูรณ์เนื่องจากคุณจะไม่พบ Conversion ที่จะตามมาภายหลัง
เคล็ดลับ
เมื่อคุณมีข้อมูล Conversion มากพอแล้ว ให้ดูสัดส่วนของ Conversion ในแอปที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาต่างๆ กัน ตัวอย่างเช่น ดูเปอร์เซ็นต์ของ Conversion ที่เกิดขึ้นในช่วง 7, 14 และ 30 วันแรกหลังจากที่มีคนคลิกโฆษณา ระบุช่วงเวลาที่เกิด Conversion ในแอปส่วนใหญ่เพื่อให้ทราบถึงระยะเวลาทั่วไปก่อนที่จะเกิด Conversion จากนั้นตรวจดูว่ากรอบเวลา Conversion ที่คุณกำหนดไว้ยาวเพียงพอที่จะรวมถึงระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion นี้ไว้ด้วยหรือไม่
คุณควรวิเคราะห์ประสิทธิภาพโดยการกำหนดช่วงเวลาที่เท่ากับระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion เป็นอย่างน้อย จากนั้นนำข้อมูลการคลิกที่ใหม่กว่าซึ่งมีแนวโน้มจะไม่พบ Conversion ออก
ประเมินต้นทุนต่อ Conversion เป้าหมาย
- ก่อนอื่น ให้ดูว่า App Campaign ช่วยให้คุณได้ต้นทุนต่อ Conversion เป้าหมายในช่วงเวลาที่คำนึงถึงระยะเวลาทั่วไปก่อนที่จะเกิด Conversion ของโฆษณาหรือไม่
- จากนั้น ตัดสินใจว่าคุณต้องการได้รับปริมาณ Conversion เพิ่มขึ้นหรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เพิ่มขึ้น หากต้องการได้รับ Conversion เพิ่มขึ้น ให้เพิ่มราคาเสนอและงบประมาณเป้าหมาย หากต้องการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้น ให้ลดราคาเสนอเป้าหมาย