สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา
คุณสามารถติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญเพื่อให้ทราบว่าดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ดีเพียงใด คุณจะใช้ข้อมูลนี้เปลี่ยนแปลงโฆษณาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพได้ เช่น คุณจะติดตามจำนวนครั้งที่ลูกค้าดำเนินการใดๆ กับโฆษณา เช่น การคลิกหรือการโทรศัพท์จากโฆษณาได้
การทำงานของการแสดงผล
ภาพรวมของ Smart Campaign ใช้ "การแสดงผล" เพื่อบอกว่าระบบแชร์โฆษณากับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าบ่อยเพียงใด ระบบจะนับการแสดงผลแต่ละครั้งที่โฆษณาแสดงต่อผู้ที่ใช้ Google Search, Google Maps, YouTube, Gmail หรือเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ของ Google โดยคุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการแสดงผล
ตรวจสอบการแสดงผลและการคลิกของลูกค้า
คุณจะดูจำนวนการแสดงผลและการดำเนินการของลูกค้ากับโฆษณาได้ในหน้าแดชบอร์ด
นอกจากนี้หน้าแดชบอร์ดยังแสดงข้อมูลต่อไปนี้ได้ ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าบัญชีของคุณ
- การแสดงผล: ระบุความถี่ที่มีผู้ดูโฆษณาแต่ละเวอร์ชัน
- การคลิก: ระบุจำนวนการคลิกโฆษณาแต่ละเวอร์ชัน
- การคลิกเพื่อโทร: ระบุจำนวนครั้งที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าแตะปุ่ม "โทร" ในโฆษณาจากอุปกรณ์เคลื่อนที่
- สายที่ยืนยันแล้ว: ระบุความถี่ที่คุณได้รับสายโทรเข้ามายังหมายเลขโอนสายของ Google ในโฆษณาแต่ละเวอร์ชัน
- ยอดดู: ระบุความถี่ที่ผู้ใช้ดูโฆษณาวิดีโอ (ใช้ได้กับเป้าหมาย "เพิ่มยอดดูและการมีส่วนร่วมใน YouTube" เท่านั้น)
- การทำงานบนแผนที่: ติดตามจำนวนครั้งที่ลูกค้าดูโฆษณา แล้วคลิกหมุดของธุรกิจใน Google Maps หรือขอเส้นทางไปยังธุรกิจ
- เป้าหมาย Analytics: เมื่อลิงก์บัญชี Google Analytics กับ Google Ads คุณจะใช้รหัสติดตามและแท็กติดตามเพื่อตรวจสอบการเข้าชมจากโฆษณาได้
- จำนวนเงินที่ใช้ไป: ระบุค่าใช้จ่ายของแคมเปญ
ปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ
หาก Smart Campaign ไม่ทำงานตามที่คาดไว้ ให้ถามตนเองด้วยคำถามต่อไปนี้เพื่อหาวิธีปรับปรุง
ข้อความค้นหาเฉพาะเจาะจงและเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่
ข้อความค้นหาควรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณกำลังโฆษณาอย่างมาก ยิ่งข้อความค้นหามีความเฉพาะเจาะจงและเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณนำเสนอมากเพียงใด ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะช่วยให้ได้ลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น
หากข้อความค้นหาไม่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ให้ตรวจสอบก่อนว่าคุณได้เลือกธีมคีย์เวิร์ดที่ถูกต้องและเกี่ยวข้องกับธุรกิจมากที่สุดแล้ว
หากธีมคีย์เวิร์ดอธิบายถึงธุรกิจได้อย่างถูกต้อง แต่มีข้อความค้นหาบางรายการที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้ลองปิดข้อความค้นหาที่ไม่เกี่ยวข้องดังกล่าว โปรดทราบว่าคุณสามารถเปิดใช้ข้อความค้นหาเหล่านั้นอีกครั้งได้เสมอ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อความค้นหาใน Smart Campaign
คุณมีหน้า Landing Page ที่เกี่ยวข้องไหม
หากต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพ ให้ตรวจสอบหน้า Landing Page (หน้าในเว็บไซต์ที่โฆษณาลิงก์อยู่) อย่าลืมใส่คำกระตุ้นให้ดำเนินการ (Call-To-Action) ที่ชัดเจนในโฆษณา ซึ่งจะนำผู้ดูไปยังหน้า Landing Page นั้นโดยตรง
เช่น หากข้อความโฆษณาเขียนว่า "โทรหาเรา" อย่าลืมใส่หมายเลขโทรศัพท์ในหน้า Landing Page ด้วย หากข้อความโฆษณาบอกว่า “ข้อเสนอนี้มีเวลาจำกัด” อย่าลืมนำลูกค้าไปยังโปรโมชันดังกล่าวในหน้า Landing Page นั้น
โฆษณาเข้าถึงลูกค้าที่เหมาะสมในสถานที่ที่เหมาะสมไหม
ตรวจสอบว่าโฆษณาแสดงในพื้นที่ที่ลูกค้าน่าจะอาศัยอยู่
เช่น สมมติว่าคุณสร้างโฆษณาสำหรับคลินิกทันตกรรมและตั้งค่าให้โฆษณาแสดงในกรุงเทพ เมื่อผู้ใช้ในกรุงเทพค้นหาคำว่า "ทำฟัน" ใน Google โฆษณาจะมีสิทธิ์แสดงขึ้น เมื่อผู้ใช้อีกรายในสมุทรปราการค้นหาคำว่า "ทำฟัน กรุงเทพ" ใน Google ผู้ใช้รายดังกล่าวจะเห็นโฆษณาเช่นกัน เนื่องจากได้ใส่สถานที่ "กรุงเทพ" ที่คุณเลือกไว้ในการค้นหาของตน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าตำแหน่งใน Smart Campaign
โฆษณาดึงดูดลูกค้าไหม
โฆษณาบอกถึงธีมคีย์เวิร์ดของคุณ ยิ่งโฆษณาน่าดึงดูดและเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังค้นหาอยู่มากเท่าใด ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างผลลัพธ์ให้คุณได้มากเท่านั้น
คุณมีงบประมาณเพียงพอไหม
ลองเพิ่มงบประมาณหากโฆษณาทำงานได้ดี และคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นไปอีก หากโฆษณาให้ผลลัพธ์ต่ำกว่าที่คาดไว้ ให้ลองเพิ่มงบประมาณและใช้เคล็ดลับด้านบน ดูวิธีการแก้ไขงบประมาณของ Smart Campaign