App Campaign จะช่วยโปรโมตแอปทั่วทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมที่สุดของ Google ไม่ว่าจะเป็น Search, Google Play, YouTube และเครือข่าย Display ของ Google ให้ง่ายขึ้น บทความนี้จะแนะนำวิธีที่ดีที่สุดในการตั้งค่าและจัดการ App campaign เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
การตั้งค่า การเสนอราคา และการบำรุงรักษา
หากต้องการใช้งาน App Campaign ให้ประสบความสำเร็จ คุณจะต้องกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดและใช้ราคาเสนอและงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
การตั้งค่าแคมเปญ
เมื่อตั้งค่า App Campaign ให้คำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
-
เป้าหมายทางการตลาด: พิจารณาว่าคุณพยายามให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในแอป หรือมีเป้าหมายอื่นๆ
-
เหตุการณ์: ส่งเหตุการณ์ใดๆ ที่คุณติดตามในแอปกลับไปยัง Google Ads และพิจารณาติดตามเหตุการณ์อื่นๆ ที่อาจใช้เป็นตัวชี้วัดเหตุการณ์ที่คุณต้องการ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือวัด Conversion สำหรับแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
-
เพิ่มประสิทธิภาพ: พิจารณาระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion App Campaign อาจใช้เวลา 2-3 วันในการเริ่มรวบรวมข้อมูล หากคุณเห็นต้นทุนต่อการติดตั้งแอปหนึ่งครั้ง (CPI) สูงในช่วงต้นๆ อย่าลืมนำระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion มาพิจารณาและตั้งค่ากรอบเวลา Conversion ให้เหมาะสม ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือวัด Conversion
-
แคมเปญที่แข่งขันกัน: หลีกเลี่ยงการเปิดตัว App Campaign ในสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เดียวกัน เนื่องจากอาจทำให้แคมเปญแข่งขันกันเอง
-
งบประมาณ: ตรวจสอบว่ามีงบประมาณที่จัดสรรเพียงพอที่จะให้แคมเปญเติบโต
การเสนอราคา
เมื่อตั้งค่าราคาเสนอสำหรับ App Campaign ให้คำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
-
ระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion: ตรวจสอบว่าได้คำนึงถึงระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion เมื่อประเมินประสิทธิภาพ CPI ของแคมเปญอาจดูสูงเกินจริงในช่วง 2-3 วันแรก (หรือหลายสัปดาห์)
-
Conversion การดูผ่าน (VTC) ที่ปรับ CPI แล้ว: พิจารณาการคำนวณ CPI ที่ปรับแล้วโดยเพิ่ม VTC เข้าไปในสมการ CPI ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Conversion การดูผ่าน
-
ราคาเสนอที่แนะนำ: ตั้งงบประมาณรายวันเฉลี่ยไว้ที่ 50 เท่าของ CPI เป้าหมายหรือ 10 เท่าของ CPA เป้าหมาย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสนอราคาใน App Campaign
การบำรุงรักษา
หลังจากที่ App Campaign เริ่มต้นทำงานแล้ว การบำรุงรักษาให้ถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ เราขอแนะนำให้คุณทำดังนี้
-
หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนประเภทแคมเปญ เช่น จาก “ปริมาณการติดตั้ง” เป็น “การติดตั้ง” หลังจากเปิดตัว
-
พยายามอย่าทำการเปลี่ยนแปลงในแคมเปญอย่างรวดเร็ว เช่น เปลี่ยนงบประมาณเป็น >20% หรือเปลี่ยน CPI เป็น >20%
-
หลีกเลี่ยงการจำกัดกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญด้วยการยกเว้นสถานที่ ตำแหน่งโฆษณา หมวดหมู่อุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือโดยใช้ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายอื่นๆ มากเกินไป
เนื้อหา
ชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาคือ “หน้าตา” ของ App Campaign ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นเป็นอันดับแรก ดังนั้นคุณควรตรวจสอบว่าเนื้อหาเหล่านี้แสดงโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอยู่ คุณต้องอัปโหลดชิ้นงานที่หลากหลายสำหรับ App Campaign เพื่อให้แน่ใจว่าโฆษณาที่เหมาะสมแสดงต่อกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ นอกจากนี้ คุณยังควรทำความเข้าใจวิธีการทำงานของรายงานเนื้อหา App Campaign ด้วย
ชิ้นงานวิดีโอ
ชิ้นงานวิดีโอที่หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของ App Campaign ตรวจสอบว่าได้ระบุข้อมูลต่อไปนี้
-
วิดีโอที่มีหลายระยะเวลา
-
วิดีโอที่มีการวางแนวที่แตกต่างกัน เช่น แนวตั้ง สี่เหลี่ยมจัตุรัส และแนวนอน (สัดส่วนภาพของวิดีโอที่เหมาะสมคือ 16:9, 1:1 และ 2:3 ทั้งนี้โปรดทราบว่าวิดีโอแนวตั้งมีอัตรา Conversion สูงกว่าวิดีโอแนวนอนถึง 60%)
-
วิดีโอที่แสดงเกมเพลย์หรือการใช้แอปและมีคำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจน เช่น "ดาวน์โหลด" หรือ "ติดตั้งทันที"
การรายงานชิ้นงาน
การรายงานชิ้นงานช่วยให้คุณตรวจสอบต้นทุน, อัตราการคลิกผ่าน (CTR), CPI และข้อมูลอื่นๆ สำหรับชิ้นงานได้จากที่เดียว รายงานชิ้นงานมีการให้คะแนน 5 ระดับ ได้แก่ “กำลังรอ” “กำลังเรียนรู้” “ต่ำ” “ดี” และ “ดีที่สุด” และการให้คะแนนเหล่านี้สัมพันธ์กับชิ้นงานอื่นๆ ในแคมเปญ เราขอแนะนำให้คุณทำดังนี้
-
เพิ่มชิ้นงานเพิ่มเติมแทนที่จะลบชิ้นงานที่อยู่ในระดับ “ดี” หรือ “ต่ำ” การมีชิ้นงานมากกว่า 1 รายการเป็นเรื่องที่ดีกว่าอยู่แล้ว ถึงแม้ชิ้นงานดังกล่าวจะอยู่ในระดับ “ดี” หรือ “ต่ำ” ก็ตาม
-
ตรวจสอบ (หรือเปลี่ยน) ช่วงวันที่ของรายงานอีกครั้ง หากคุณพบข้อมูลที่น่าสงสัยหรือ “0” ในคอลัมน์ข้อมูล
-
โปรดทราบว่าบางครั้ง Conversion อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีการคลิก เช่น หากกรอบเวลา Conversion การดูผ่านนานขึ้น
เนื้อหาอื่นๆ
ใช้เนื้อหาข้อความเพียงอย่างเดียวหรือใช้รวมกับเนื้อหาอื่นๆ ก็ได้ (เช่น ใช้รวมกับรูปภาพแนวนอนเพื่อสร้างโฆษณาเนทีฟ) โปรดอย่าลืมดำเนินการดังต่อไปนี้
-
ใช้ข้อความทั้ง 4 บรรทัดเมื่อตั้งค่าแคมเปญ
-
ตรวจสอบว่าชิ้นงานข้อความไม่มีเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) มากกว่า 1 ตัวเพื่อไม่ให้ละเมิดนโยบายด้านบรรณาธิการ
-
เรียกใช้ชิ้นงาน HTML5 ผ่านเครื่องมือโปรแกรมตรวจสอบ HTML5 ของ Google Ads ก่อนที่จะอัปโหลดโฆษณา HTML5 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HTML5 สำหรับ App Campaign
-
ลองอัปโหลดข้อความอิสระ 4 บรรทัด, รูปภาพ 20 รูปและวิดีโอ 20 รายการและใช้สัดส่วนและขนาดภาพที่หลากหลาย
การวัดผล
การตั้งค่าการวัดที่ถูกต้องและการติดตามเหตุการณ์มีความสำคัญต่อความสำเร็จของ App campaign เราขอแนะนำให้คุณทำดังนี้
-
ใช้ Firebase โซลูชันฟรีของ Google หรือใช้พาร์ทเนอร์การระบุแหล่งที่มาที่ได้รับอนุมัติของ Google ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Firebase หรือวิธีติดตาม Conversion ของแอปด้วยการวิเคราะห์แอปของบุคคลที่สาม
-
ระบุว่าเหตุการณ์ในแอปใดแสดงถึงคุณค่าที่มากกว่าสำหรับคุณและตรวจสอบว่าได้ติดตามเหตุการณ์เหล่านั้นแล้ว
-
ทำความเข้าใจ Conversion การดูผ่าน (VTC), มาตรฐานความสามารถในการแสดงตัวโฆษณา และผลกระทบต่อความเท่าเทียมกันในการวัดผล ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VTC หรือเกี่ยวกับการมองเห็นโฆษณา
-
ตั้งค่าและกําหนดค่า SKAdNetwork สําหรับ App Campaign ของ iOS ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับ App Campaign ของ iOS
เหตุการณ์
การส่งเหตุการณ์ในแอปไปยัง Google Ads จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับระบบเพื่อเรียนรู้ซึ่งจะช่วยให้แคมเปญประสบความสำเร็จได้ นึกถึงสิ่งต่อไปนี้
-
เหตุการณ์: ให้ติดตามการติดตั้งและเหตุการณ์ในแอป 1 เหตุการณ์เป็นอย่างน้อย ตามหลักแล้วคุณควรติดตามหลายๆ เหตุการณ์ รวมทั้งเหตุการณ์ที่สร้างรายได้
-
ไทม์ไลน์: ยืนยันว่ากรอบเวลา Conversion ของ Google Ads สอดคล้องกับกรอบเวลาที่คุณตั้งค่าในระบบบุคคลที่สาม ค่าเริ่มต้นคือ 30 วันสำหรับผู้ให้บริการบุคคลที่สามส่วนใหญ่
-
จำนวน: ตัดสินใจว่าจะนับเฉพาะครั้งแรกเหตุการณ์เกิดขึ้นหรือทุกครั้ง