เกี่ยวกับโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า

โฆษณากลุ่มผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์บริการช็อปปิ้งแบบเปรียบเทียบสินค้า (CSS) ด้วยโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า CSS ทุกรายที่เข้าร่วมโปรแกรม CSS ของ Google จะแสดงโฆษณาเหล่านี้ในประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม CSS ได้

วิธีการทำงาน

นอกจากภาพสไลด์ของโฆษณา Shopping ที่แสดงในหน้าผลการค้นหาทั่วไปของ Google แล้ว ภาพสไลด์ของโฆษณาเปรียบเทียบสินค้าอาจปรากฏขึ้นอีกภาพ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการแสดงผลได้ระหว่าง "ผลิตภัณฑ์" ซึ่งแสดงโฆษณา Shopping กับ "เว็บไซต์เปรียบเทียบ" ซึ่งแสดงโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า

เมื่อมีผู้คลิกโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า ระบบจะนำผู้คลิกไปยังหน้า Landing Page บนเว็บไซต์ CSS โดยคุณเลือกหน้า Landing Page สำหรับแต่ละโฆษณาได้ นอกจากนี้ ยังระบุพารามิเตอร์ ValueTrack {shopping_context} ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่แสดงบน Google (เช่น "รองเท้าวิ่ง Nike") ได้ด้วย ทั้งนี้ คุณจะปล่อยพารามิเตอร์นี้ให้ว่างเปล่าก็ได้

โฆษณาแต่ละรายการเชื่อมโยงกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ในสินค้าคงคลัง เราขอแนะนำให้คุณเริ่มด้วยการโฆษณาผลิตภัณฑ์จำนวนมาก (หลายร้อยหรือหลายพันรายการ) จากนั้นจึงสร้างกลุ่มขนาดเล็กลงเมื่อเห็นแล้วว่าวิธีใดใช้ได้ผล

สร้างโฆษณาที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ ยิ่งคุณสร้างโฆษณาและโฆษณาเหล่านั้นแสดงผลิตภัณฑ์มากขึ้นเท่าใด โฆษณานั้นก็ยิ่งมีโอกาสปรากฏเพื่อตอบสนองต่อคำค้นหาประเภทต่างๆ มากขึ้นเท่านั้น

โฆษณาเปรียบเทียบสินค้าใช้การเสนอราคา CPC (ราคาต่อหนึ่งคลิก) สูงสุด ซึ่งหมายถึงจำนวนเงินสูงสุดที่ยินดีจ่ายต่อการคลิกที่นำไปยังเว็บไซต์ของคุณ ราคาเสนอจะกำหนดตามกลุ่มโฆษณา (แต่ละกลุ่มจะมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ 1 กลุ่ม) และไม่ได้กำหนดตามผลิตภัณฑ์แต่ละรายการ

การประมูลช่องโฆษณาในแท็บ "เว็บไซต์เปรียบเทียบ" จะดำเนินการประมูลช่องโฆษณาแยกจากแท็บ "ผลิตภัณฑ์"

ข้อกำหนดขั้นต่ำ

โปรดทราบว่านโยบาย Shopping มาตรฐานและนโยบาย Google Ads มีผลกับโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า รูปแบบโฆษณานี้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดต่อไปนี้
  • หน้า Landing Page สุดท้ายต้องอยู่บนโดเมนที่เชื่อมโยงกับบัญชี CSS ของคุณ โดยคุณเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังโดเมนอื่นโดยอัตโนมัติไม่ได้
  • หน้า Landing Page ต้องไม่แสดงป๊อปอัปหรือหน้าโฆษณาคั่นระหว่างหน้า
  • หน้า Landing Page ต้องแสดงข้อเสนอที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน (สอดคล้องกับเนื้อหาโฆษณา) จากผู้ขายหลายรายและอนุญาตให้ผู้คนทำการเปรียบเทียบได้ ลิงก์จากหน้า Landing Page จะต้องนำไปยังหน้าเว็บของผู้ขายโดยตรง ซึ่งผู้คนจะซื้อผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาในหน้า Landing Page ของ CSS ได้

วิธีตั้งค่าโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า

ก่อนเริ่มต้น

คุณจะต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ก่อนที่จะสร้างโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า

วิธีการ

ขั้นตอนที่ 1: สร้างแคมเปญเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าและกลุ่มโฆษณา

คุณจะต้องสร้างแคมเปญสำหรับโฆษณาเปรียบเทียบสินค้าก่อน โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
  1. ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ
  2. ในหมวดหมู่เมนู คลิกแคมเปญในเมนูแบบเลื่อนลง
  3. คลิกปุ่มบวก แล้วเลือกแคมเปญใหม่
  4. เลือกเป้าหมายเป็นการเข้าชมเว็บไซต์หรือดำเนินการต่อโดยไม่กำหนดเป้าหมาย
  5. เลือกบัญชี Merchant Center ที่ต้องการใช้ข้อเสนอ (อาจเป็นบัญชีหลายลูกค้าของ CSS หลักหรือบัญชีอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ CSS ของคุณ) และประเทศเป้าหมายหรือป้ายกำกับฟีดที่ต้องการกำหนดเป้าหมาย ประเทศนี้ต้องเป็นประเทศที่ร่วมโปรแกรม CSS คุณจะเปลี่ยนประเทศเป้าหมายไม่ได้หลังจากสร้างแคมเปญแล้ว
  6. เลือกข้อมูลการเปรียบเทียบเป็นประเภทย่อยของแคมเปญนี้ แล้วคลิกถัดไป
  7. เลือกการตั้งค่าสำหรับแคมเปญดังนี้
    • ชื่อแคมเปญ ป้อนชื่อให้แคมเปญนี้ คุณจะต้องใช้ชื่อนี้ในการหาแคมเปญในภายหลัง โดยสามารถเปลี่ยนได้หลังจากสร้างแคมเปญแล้ว
    • งบประมาณรายวันเฉลี่ย เลือกว่าคุณต้องการใช้จ่ายกับแคมเปญนี้เท่าใด
    • สถานที่ตั้ง คุณสามารถใช้การตั้งค่านี้เพื่อจำกัดให้โฆษณาปรากฏเฉพาะในสถานที่ตั้งเฉพาะเจาะจง โดยคุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ได้หลังจากสร้างแคมเปญแล้ว
  8. เลือกการตั้งค่าสำหรับกลุ่มโฆษณาดังนี้
    • ชื่อกลุ่มโฆษณา กรอกชื่อกลุ่มโฆษณานี้ คุณจะต้องใช้ชื่อนี้ในการหากลุ่มโฆษณา
    • ราคาเสนอ กรอกราคาเสนอของกลุ่มโฆษณา ซึ่งเป็นราคาเสนอต่อหนึ่งคลิกที่จะใช้กับโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า คุณเปลี่ยนราคาเสนอได้ทุกเมื่อในหน้า "กลุ่มโฆษณา" ของแคมเปญ คุณจะจ่ายก็ต่อเมื่อมีผู้คลิกโฆษณาของคุณ
    • กลุ่มผลิตภัณฑ์ เลือกผลิตภัณฑ์ที่จะแสดงในโฆษณาโดยการเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ คุณสร้างระดับเพิ่มเติมในหน้า "กลุ่มผลิตภัณฑ์" ได้เมื่อสร้างแคมเปญแล้ว ลองดูวิธีสำคัญบางส่วนในการกำหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์ให้กับโฆษณาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  9. คลิกบันทึกและดำเนินการต่อ
ในกลุ่มโฆษณา ควรมีผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 8 รายการที่มีความเกี่ยวข้องกันสูงเพื่อให้โฆษณาเปรียบเทียบสินค้าปรากฏขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้คุณมีผลิตภัณฑ์ 1,000 รายการขึ้นไปในกลุ่มโฆษณา ซึ่งจะช่วยให้โฆษณาของคุณตอบสนองต่อคำค้นหาจำนวนมากที่สุด

ขั้นตอนที่ 2: สร้างโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า

สร้างโฆษณาเปรียบเทียบสินค้าโดยใส่ข้อความและลิงก์สำหรับโฆษณา ระบบจะเลือกรูปภาพจากข้อเสนอที่เชื่อมโยงกับโฆษณาโดยอัตโนมัติ เราขอแนะนำให้คุณสร้างโฆษณาแยกสำหรับ URL หน้าหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องแต่ละหน้าในเว็บไซต์ โฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุดจะแสดงโดยอัตโนมัติตามคำค้นหาที่เฉพาะเจาะจง เมื่อเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์แล้ว คุณก็พร้อมสร้างโฆษณา
  1. เพิ่มข้อความสำหรับโฆษณา ดังนี้
    • บรรทัดแรก บรรทัดแรกคือข้อความสั้นๆ ที่ช่วยให้ผู้คนสังเกตเห็นโฆษณา ซึ่งควรมี 25 - 45 อักขระ
  2. เพิ่มข้อมูลหน้า Landing Page ดังนี้
    • URL สุดท้าย URL สุดท้ายคือ URL ของหน้า Landing Page ที่คุณต้องการให้ผู้ใช้เข้าชมหลังจากที่คลิกโฆษณา หน้า Landing Page ที่คุณเลือกต้องเกี่ยวข้องกับโฆษณาและผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังโฆษณา ใส่พารามิเตอร์ ValueTrack {shopping_context} ซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มความเกี่ยวข้องของหน้า Landing Page ได้ โปรดดูข้อกำหนดขั้นต่ำด้านบน (หมายเหตุ: คุณใช้เครื่องมือติดตามการคลิกได้มากกว่า 1 รายการ แต่เครื่องมือเหล่านั้นต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้า Landing Page ในโดเมนเว็บไซต์ CSS ของคุณในท้ายที่สุด)
  3. ดูตัวอย่างโฆษณาทางด้านขวาของแผง โปรดทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่แสดงร่วมกันกับโฆษณาเปรียบเทียบสินค้าจะแตกต่างกันไปตามข้อความค้นหา หมายเหตุ: หากต้องการแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น เราขอแนะนำให้สร้างโฆษณาสำหรับหน้าหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องแต่ละหน้าบนเว็บไซต์
  4. เมื่อทำการเปลี่ยนแปลงเสร็จแล้ว ให้คลิกบันทึกและดำเนินการต่อ

โฆษณาของคุณจะได้รับการตรวจสอบเพื่อให้รูปภาพและข้อความเป็นไปตามนโยบาย โดยคุณจะได้รับการตอบกลับภายใน 72 ชั่วโมง

หากต้องการความช่วยเหลือ โปรดคลิกที่นี่เพื่อรับการสนับสนุนสำหรับ Ads

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
1711658623476121128
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false