การกระจายความถี่ช่วยให้ทราบจำนวนผู้ที่ได้เห็นโฆษณาของคุณครบตามจำนวนครั้งที่กำหนดในช่วงวันที่ที่เลือกไว้ ในบทความนี้ คุณจะได้ทราบวิธีคำนวณการกระจายความถี่ใน Google Ads และวิธีดูการกระจายความถี่สำหรับแคมเปญวิดีโอ
วิธีคำนวณการกระจายความถี่ใน Google Ads
ใน Google Ads การกระจายความถี่จะแสดงในช่วงความถี่ 6 ช่วงซึ่งเป็นจำนวนครั้งต่ำสุดที่ผู้ใช้เห็นโฆษณา ได้แก่ "1 ครั้งขึ้นไป", "2 ครั้งขึ้นไป", "3 ครั้งขึ้นไป", "4 ครั้งขึ้นไป", "5 ครั้งขึ้นไป" และ "10 ครั้งขึ้นไป" ช่วงความถี่ "1 ครั้งขึ้นไป" จะแสดงจำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำทั้งหมดในช่วงวันที่ที่เลือกไว้เสมอ ในขณะที่ช่วงความถี่ "2 ครั้งขึ้นไป", "3 ครั้งขึ้นไป", "4 ครั้งขึ้นไป", "5 ครั้งขึ้นไป" และ "10 ครั้งขึ้นไป" จะแสดงจำนวนผู้เห็นโฆษณาอย่างน้อยเป็นจำนวนครั้งที่ระบุในช่วงความถี่นั้น โปรดทราบว่าผู้ใช้ที่ถูกนับในช่วงความถี่หนึ่งจะนับรวมในช่วงความถี่อื่นได้ด้วย (ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่ผู้ใช้เห็นโฆษณา)
ตัวอย่าง
สมมติว่ามีคนเห็นโฆษณาของคุณสองครั้งในช่วงวันที่ที่เลือกไว้ในอุปกรณ์เคลื่อนที่และเดสก์ท็อป ผู้ใช้ที่เห็นโฆษณา 2 ครั้งจึงจะรวมอยู่ในช่วงความถี่ "1 ครั้งขึ้นไป" และ "2 ครั้งขึ้นไป"
คุณรายงานการกระจายความถี่ได้ในช่วงวันที่ไม่เกิน 31 วันเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากเมตริกการเข้าถึงและความถี่อื่นๆ คุณจึงอาจไม่เห็นการกระจายความถี่ในตารางสถิติหากเลือกช่วงวันที่ที่นานกว่า 31 วัน
การกระจายความถี่แตกต่างจากความถี่การแสดงผลเฉลี่ย / ผู้ใช้ ความถี่การแสดงผลเฉลี่ย / ผู้ใช้แสดงจำนวนครั้งโดยเฉลี่ยที่ผู้ใช้เห็นโฆษณาในแคมเปญ ในขณะที่การกระจายความถี่แสดงจำนวนผู้เห็นโฆษณาและความถี่ที่เห็นโฆษณา เช่น คุณอาจมีแคมเปญที่มีความถี่การแสดงผลเฉลี่ย / ผู้ใช้เท่ากับ 2.5 ในขณะที่การกระจายความถี่ที่รายงานสำหรับแคมเปญนั้นอาจแสดงว่ามีผู้ใช้ 50,000 คนเห็นโฆษณา 2 ครั้ง มีผู้ใช้ 30,000 คนเห็นโฆษณา 3 ครั้ง เป็นต้น
หมายเหตุ: ในทางทฤษฎี จำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำใน Google Ads ควรตรงกับช่วงความถี่ "1 ครั้งขึ้นไป" แต่เนื่องจากตัวเลขต่างๆ มาจากคนละแหล่งที่มา จึงอาจมีความแตกต่าง 2%
ความถี่สูงสุดส่งผลต่อการกระจายความถี่อย่างไร
หากตั้งค่าความถี่สูงสุดในแคมเปญ คุณอาจสังเกตเห็นว่าการกระจายความถี่ที่รายงานนั้นแสดงค่าสูงกว่าความถี่สูงสุด โดยมีเหตุผลที่เป็นไปได้ดังนี้
- ความถี่สูงสุดจะนับตามจำนวนคุกกี้ ไม่ใช่จำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำ ระบบอาจนับบุคคลเดียวกันมากกว่า 1 ครั้งเนื่องจากบุคคลนั้นใช้เบราว์เซอร์มากกว่า 1 โปรแกรมหรือคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (ที่ใช้คุกกี้แตกต่างกัน)
- ความถี่ที่รายงานอาจเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงวันที่ที่เลือกไว้ใน Google Ads เช่น หากเลือกช่วงวันที่เป็น 2 สัปดาห์ใน Google Ads และแคมเปญมีความถี่สูงสุดเป็น 3 ครั้งต่อสัปดาห์ต่อคน คุณอาจได้รับการแสดงผลสูงสุด 6 ครั้งต่อคน
- ความถี่ที่รายงานใน Google Ads อาจมีจำนวนการแสดงผลสูงกว่าความถี่สูงสุด Google Ads จะเริ่มนับรวมการแสดงผลในความถี่สูงสุดของแคมเปญในวันแรกที่ผู้ใช้เห็นโฆษณาของคุณ (ซึ่งอาจเป็นตอนแรกเริ่ม ช่วงกลาง หรือใกล้สิ้นสุดแคมเปญ) เช่น หากตั้งความถี่สูงสุดให้มีการแสดงผล 3 ครั้งต่อสัปดาห์และคุณกำหนดช่วงวันที่เป็น 4 วัน ข้อมูลอาจครอบคลุมช่วงกำหนดความถี่สูงสุด 2 ช่วง (ปลายสัปดาห์ปัจจุบันและต้นสัปดาห์ถัดไป)
เพิ่มการกระจายความถี่ลงในการรายงานของ Google Ads
คุณดูการกระจายความถี่ของแคมเปญ (หรือของวิดีโอในแคมเปญ) ได้โดยใช้ตารางสถิติใน Google Ads หากต้องการดูการกระจายความถี่ ให้เพิ่มคอลัมน์ "การกระจายความถี่" ใน Google Ads
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงชิ้นงาน แล้วคลิกวิดีโอ
- คลิกไอคอนคอลัมน์ ด้านบนตารางสถิติ
- คลิกเมตริกการเข้าถึงและความถี่ในเมนู
- คลิกช่องข้างการกระจายความถี่
- (ไม่บังคับ) หากต้องการบันทึกชุดคอลัมน์ไว้ใช้ในอนาคต ให้คลิกช่อง "บันทึกชุดคอลัมน์” และป้อนชื่อให้กับชุดคอลัมน์
- คลิกใช้ จากนั้นการกระจายความถี่ก็จะปรากฏในตารางสถิติ Google Ads สำหรับแคมเปญวิดีโอ โดยแบ่งออกเป็นช่วงความถี่ 6 ช่วง ( "1 ครั้งขึ้นไป", "2 ครั้งขึ้นไป", "3 ครั้งขึ้นไป", "4 ครั้งขึ้นไป", "5 ครั้งขึ้นไป" และ "10 ครั้งขึ้นไป")
- หากต้องการดูข้อมูลสำหรับช่วงเวลาที่ต้องการ ให้คลิกตัวเลือกช่วงวันที่ที่มุมบนขวาของหน้าเว็บ และเลือกช่วงวันที่ โดยเลือกได้สูงสุด 31 วัน
- เมื่อคุณวางเมาส์เหนือค่าในคอลัมน์ "การกระจายความถี่" ใน Google Ads ฮิสโตแกรมจะปรากฏขึ้นเพื่อแสดงว่าการกระจายความถี่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
หมายเหตุ: ข้อมูลในฮิสโตแกรมคือวันที่ที่เลือกไว้ในช่วงวันที่ ไม่ใช่ทั้งแคมเปญ