รายการดีล

ฟีเจอร์เหล่านี้พร้อมให้บริการแก่พาร์ทเนอร์ที่ใช้ระบบจัดการเนื้อหาของ YouTube เพื่อจัดการเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์เท่านั้น

<DealList> แสดงข้อมูลการค้าที่สำคัญสำหรับการเผยแพร่แต่ละรายการ เช่น เขตแดนที่การเผยแพร่นั้นให้บริการได้ สิทธิ์ในการใช้งาน และวันที่เริ่มต้น/สิ้นสุดสำหรับการเผยแพร่แต่ละรายการ องค์ประกอบ <ReleaseDeal> แต่ละรายการจะแสดงดีลต่างๆ สำหรับการเผยแพร่จาก <ReleaseList> ซึ่งอ้างอิงโดย <ReleaseReference> ของการเผยแพร่นั้นๆ

ระบุดีลสำหรับ YouTube Premium เท่านั้น

สตรีมมิงจะทำงานแบบครั้งละแทร็กใน YouTube โดยเราจะดำเนินการกับดีลของแทร็กแต่ละรายการเท่านั้น ซึ่งก็คือการเผยแพร่ที่มี <ReleaseType> เป็น TrackRelease

<DealTerms> สำหรับแทร็กจะต้องให้สิทธิ์แก่ YouTube ในการติดตามและสตรีมมิงที่มีโฆษณาสนับสนุน กล่าวคือ ข้อกำหนดจะต้องมีองค์ประกอบ <CommercialModelType> 2 รายการ (SubscriptionModel และ AdvertisementSupportedModel) พร้อม <UseType> ของ Stream หรือ OnDemandStream โดย YouTube จะละเว้นดีลที่มีประเภทการเผยแพร่และข้อกำหนดดีลอื่นๆ นอกเหนือจากนี้

หาก <DealTerms> ไม่ได้ระบุวันที่เริ่มต้นของระยะเวลาที่ใช้งานได้ ดีลนั้นจะใช้งานได้ทันทีที่เราได้รับข้อความ ERN และหาก <DealTerms> ไม่ได้ระบุวันที่สิ้นสุด ดีลนั้นจะใช้ได้เรื่อยๆ จนกว่าจะมีการแจ้งเพิ่มเติม ระบบจะเผยแพร่วิดีโอโดยอัตโนมัติในวันที่ <StartDate> (หรือ <StartDateTime> หากมี) และตามระยะเวลาของ <ValidityPeriod>

โปรดดูเอกสารประกอบ DDEX เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการวันที่เริ่มต้น/สิ้นสุดและเขตเวลาสำหรับการเผยแพร่ในหลายเขตแดน

YouTube สนับสนุนรหัสประเทศ ISO 3166-1 alpha-2 สำหรับองค์ประกอบ <TerritoryCode> มาตรฐาน ISO นี้ใหม่กว่ามาตรฐาน ISO 3166-1 ที่ระบุไว้ในมาตรฐาน DDEX ERN หากคุณใส่รหัสประเทศที่ใช้งานในมาตรฐาน ISO 3166-1 alpha-2 ไม่ได้อีกต่อไป YouTube จะละเว้นรหัสประเทศดังกล่าว

ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึง <DealList> สำหรับแทร็กเดียวที่มีวันที่เผยแพร่ต่างกันในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

<DealList>

<ReleaseDeal>

<DealReleaseReference>R1</DealReleaseReference>

<Deal>

<DealTerms>

<CommercialModelType>SubscriptionModel</CommercialModelType>

<CommercialModelType>AdvertisementSupportedModel</CommercialModelType>

<Usage>

<UseType>OnDemandStream</UseType>

</Usage>

<TerritoryCode>US</TerritoryCode>

<ValidityPeriod>

<StartDate>2010-05-18</StartDate>

</ValidityPeriod>

</DealTerms>

</Deal>

<Deal>

<DealTerms>

<CommercialModelType>SubscriptionModel</CommercialModelType>

<CommercialModelType>AdvertisementSupportedModel</CommercialModelType>

<Usage>

<UseType>OnDemandStream</UseType>

</Usage>

<TerritoryCode>CA</TerritoryCode>

<ValidityPeriod>

<StartDate>2010-05-20</StartDate>

</ValidityPeriod>

</DealTerms>

</Deal>

</ReleaseDeal>

</DealList>

ระบุดีลสำหรับ Content ID เท่านั้น

หากต้องการเปิดใช้การบันทึกเสียงสำหรับ Content ID เท่านั้น ให้ส่งฟีด Single Resource Release หรือฟีด Audio Album ที่มี YouTube_ContentID เป็น MessageRecipient เพียงรายการเดียว

หากต้องการสร้างไฟล์อ้างอิงสำหรับ Content ID ทาง <Deal> ของแทร็กต้องระบุนโยบายการจับคู่ที่ YouTube ควรใช้กับเนื้อหาที่ตรงกันที่ผู้ใช้รายอื่นอัปโหลด โดยคุณสามารถทำตามวิธีต่อไปนี้เพื่อใช้นโยบายการจับคู่กับไฟล์อ้างอิง

อ้างอิงนโยบายที่บันทึกไว้จากบัญชี CMS ของคุณโดยใช้แท็ก <DealReference>
กำหนดนโยบายการจับคู่ที่กำหนดเองโดยใช้แท็ก <RightsClaimPolicy>

ใช้นโยบายการจับคู่ที่บันทึกไว้

หากต้องการใช้นโยบายการจับคู่ที่บันทึกไว้ ให้ใช้แท็ก <DealReference> ที่มีชื่อนโยบาย ซึ่งดูได้จากหน้านโยบายในบัญชี CMS นโยบายที่คุณบันทึกไว้จะขึ้นต้นด้วย "YT_MATCH_POLICY:"

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีนโยบายชื่อ "My Saved Policy" ใน CMS คุณสามารถนำนโยบายไปใช้โดยใช้รหัสด้านล่างนี้

<ReleaseDeal>

<DealReleaseReference>R0</DealReleaseReference>

<Deal>

<DealReference>YT_MATCH_POLICY:My Saved Policy</DealReference>

</Deal>

</ReleaseDeal>

หากต้องการใช้นโยบายการจับคู่เริ่มต้นจากบัญชี CMS ให้ใช้รหัสด้านล่างนี้เพื่อตั้งค่า <DealReference> เป็น "YT_DEFAULT_MATCH_POLICY"

<ReleaseDeal>

<DealReleaseReference>R0</DealReleaseReference>

<Deal>

<DealReference>YT_DEFAULT_MATCH_POLICY</DealReference>

</Deal>

</ReleaseDeal>

ดูวิธีตั้งค่านโยบายการจับคู่ที่บันทึกไว้

กำหนดนโยบายการจับคู่ที่กำหนดเอง

หากต้องการใช้นโยบายการจับคู่ที่กำหนดเอง คุณจะต้องระบุ <RightsClaimPolicy> ที่มี <CommercialModelType> ซึ่งตั้งค่าเป็น RightsClaimModel และมี <UseType> ซึ่งตั้งค่าเป็น UserMakeAvailableUserProvided

XML ด้านล่างจะใช้นโยบายการจับคู่ของ Monetize โดยไม่คำนึงถึงประเทศของผู้บริโภค

<DealTerms>

<CommercialModelType>RightsClaimModel</CommercialModelType>

<Usage>

<UseType>UserMakeAvailableUserProvided</UseType>

</Usage>

<TerritoryCode>Worldwide</TerritoryCode>

<ValidityPeriod /> 

<RightsClaimPolicy>

<RightsClaimPolicyType>Monetize</RightsClaimPolicyType>

</RightsClaimPolicy>

</DealTerms>

นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้นโยบายแบบมีเงื่อนไขได้โดยใช้แท็ก <Condition> ระบบจะใช้นโยบายแบบมีเงื่อนไขเมื่อระยะเวลาการจับคู่หรือเปอร์เซ็นต์เกิน/ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ระบุ

XML ด้านล่างนี้จะใช้นโยบายการจับคู่ Monetize เมื่อระยะเวลาในการจับคู่สูงกว่า 90% ของระยะเวลาในไฟล์อ้างอิงเท่านั้น

<DealTerms>

<CommercialModelType>RightsClaimModel</CommercialModelType>

<Usage>

<UseType>UserMakeAvailableUserProvided</UseType>

</Usage>

<TerritoryCode>Worldwide</TerritoryCode>

<ValidityPeriod /> 

<RightsClaimPolicy>

<Condition>

<Value>90</Value>

<Unit>Percent</Unit>

<ReferenceCreation>ReferenceResource</ReferenceCreation>

<RelationalRelator>MoreThanOrEqualTo</RelationalRelator>

</Condition>

<RightsClaimPolicyType>Monetize</RightsClaimPolicyType>

</RightsClaimPolicy>

</DealTerms>

ดีลร่วมสำหรับ YouTube Premium และ Content ID

หากต้องการเปิดใช้ไฟล์บันทึกเสียงสำหรับทั้ง Content ID และ YouTube Premium ให้ส่งฟีด Audio Album ที่มีทั้ง YouTube และ YouTube_ContentID เป็น MessageRecipients รวมถึงระบุดีลสำหรับทั้ง Content ID และ YouTube Premium
หากต้องการเปิดใช้มิวสิกวิดีโอสำหรับทั้ง Content ID และ YouTube Premium ให้ส่งฟีด Video Single ที่มีทั้ง YouTube และ YouTube_ContentID เป็น MessageRecipients รวมถึงระบุดีลสำหรับทั้ง Content ID และ YouTube Premium

หากต้องการรวม <DealTerms> ของ YouTube Premium และ Content ID เป็นฟีดเดียวโดยใช้โปรไฟล์ Audio Album ดีลทั้ง 2 ชุดควรลิงก์กับการเผยแพร่ที่มี <ReleaseType> ซึ่งตั้งค่าเป็น TrackRelease

ข้อมูลโค้ด XML ด้านล่างนี้จะเปิดใช้แทร็ก Worldwide สำหรับทั้ง YouTube Premium และ Content ID

<DealList>

<ReleaseDeal>

<DealReleaseReference>R1</DealReleaseReference>

<Deal>

<DealTerms>

<CommercialModelType>SubscriptionModel</CommercialModelType>

<CommercialModelType>AdvertisementSupportedModel</CommercialModelType>

<Usage>

<UseType>OnDemandStream</UseType>

</Usage>

<TerritoryCode>Worldwide</TerritoryCode>

<ValidityPeriod>

<StartDate>2016-05-18</StartDate>

</ValidityPeriod>

</DealTerms>

</Deal>

<Deal>

<DealTerms>

<CommercialModelType>RightsClaimModel</CommercialModelType>

<Usage>

<UseType>UserMakeAvailableUserProvided</UseType>

</Usage>

<TerritoryCode>Worldwide</TerritoryCode>

<ValidityPeriod/>

<RightsClaimPolicy>

<RightsClaimPolicyType>Monetize</RightsClaimPolicyType>

</RightsClaimPolicy>

</DealTerms>

</Deal>

</ReleaseDeal>

</DealList>

ระบุดีลสำหรับ YouTube Creator Music เท่านั้น

หากต้องการเปิดใช้ไฟล์บันทึกเสียงสำหรับ Creator Music เท่านั้น ให้ส่งฟีด Single Resource Release หรือฟีด Audio Album ที่มี YouTube_CreatorMusic เป็น MessageRecipient เพียงรายการเดียว ทั้งนี้ เนื้อหาการบันทึกเสียงต้องอยู่ในระบบจัดการเนื้อหาอยู่แล้ว ระบบจึงจะยอมรับฟีดนี้

หากต้องการส่งกลยุทธ์การออกใบอนุญาตสำหรับ Creator Music ให้ใช้แท็ก <DealReference> เพื่ออ้างอิงกลยุทธ์การออกใบอนุญาตที่บันทึกไว้จากบัญชี CMS โดยคุณจะตั้งค่ากลยุทธ์การออกใบอนุญาตของช่องและกลยุทธ์การออกใบอนุญาตของแพลตฟอร์มได้อย่างละ 1 กลยุทธ์สำหรับไฟล์บันทึกเสียงแต่ละไฟล์

ตัวอย่าง XML ด้านล่างนี้แสดงวิธีการตั้งค่าทั้งกลยุทธ์การออกใบอนุญาตของช่องและแพลตฟอร์ม

<DealList>

<ReleaseDeal>

<DealReleaseReference>R0</DealReleaseReference>

<Deal>

<DealReference>YT_PLATFORM_LICENSE_STRATEGY:Saved Platform Strategy Name</DealReference>

<DealReference>YT_CHANNEL_LICENSE_STRATEGY:Saved Channel Strategy Name</DealReference>

</Deal>

</ReleaseDeal>

</DealList>

ดีลร่วมสำหรับ YouTube Premium, Content ID และ Creator Music

หากต้องการเปิดใช้ไฟล์บันทึกเสียงสำหรับ YouTube Premium, Content ID และ Creator Music คุณต้องส่งฟีด Audio Album ที่มี MessageRecipients 3 รายการ (YouTube, YouTube_ContentID และ YouTube_CreatorMusic) รวมถึงระบุดีลสำหรับ Content ID, YouTube Premium และ Creator Music

หากต้องการรวม <DealTerms> ของ YouTube Premium, Content ID และ Creator Music เป็นฟีดเดียวโดยใช้โปรไฟล์ Audio Album ดีลทั้ง 3 ชุดควรลิงก์เข้ากับการเผยแพร่ที่มี <ReleaseType> ซึ่งตั้งค่าเป็น TrackRelease

ตัวอย่าง XML ด้านล่างนี้เปิดใช้แทร็ก Worldwide สำหรับทั้ง YouTube Premium และ Content ID รวมทั้งตั้งค่ากลยุทธ์การออกใบอนุญาตตามช่องและตามแพลตฟอร์มสำหรับ Creator Music

<DealList>

<ReleaseDeal>

<DealReleaseReference>R1</DealReleaseReference>

<Deal>

<DealTerms>

<CommercialModelType>AdvertisementSupportedModel</CommercialModelType>

<CommercialModelType>SubscriptionModel</CommercialModelType>

<Usage>

<UseType>OnDemandStream</UseType>

</Usage>

<TerritoryCode>Worldwide</TerritoryCode>

<ValidityPeriod>

<StartDate>2017-01-12</StartDate>

</ValidityPeriod>

</DealTerms>

</Deal>

<Deal>

<DealTerms>

<CommercialModelType>RightsClaimModel</CommercialModelType>

<Usage>

<UseType>UserMakeAvailableUserProvided</UseType>

</Usage>

<TerritoryCode>Worldwide</TerritoryCode>

<ValidityPeriod/>

<RightsClaimPolicy>

<RightsClaimPolicyType>Monetize</RightsClaimPolicyType>

</RightsClaimPolicy>

</DealTerms>

</Deal>

<Deal>

<DealReference>YT_PLATFORM_LICENSE_STRATEGY:Saved Platform Strategy Name</DealReference>

<DealReference>YT_CHANNEL_LICENSE_STRATEGY:Saved Channel Strategy Name</DealReference>

</Deal>

</ReleaseDeal>

</DealList>

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

รายการดีล

ระบุดีลสำหรับ YouTube Premium เท่านั้น

ระบุดีลสำหรับ Content ID เท่านั้น

ใช้นโยบายการจับคู่ที่บันทึกไว้

กำหนดนโยบายการจับคู่ที่กำหนดเอง

ดีลร่วมสำหรับ YouTube Premium และ Content ID

ระบุดีลสำหรับ YouTube Creator Music เท่านั้น

ดีลร่วมสำหรับ YouTube Premium, Content ID และ Creator Music

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้