รักษาความปลอดภัยให้ช่อง YouTube

ขั้นตอนสำคัญบางส่วนที่คุณควรทำเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ช่อง YouTube ถูกแฮ็ก ลักลอบใช้งาน หรือบุกรุกมีดังนี้
  1. สแกนหามัลแวร์
  2. ใช้พาสคีย์สำหรับการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน
  3. สร้างแผนกู้คืนบัญชี

รักษาความปลอดภัยให้บัญชี YouTube ของคุณ

ติดตามช่อง YouTube Creators เพื่อรับข่าวสารล่าสุด ข้อมูลอัปเดต และเคล็ดลับต่างๆ
 
หากคุณเป็นเจ้าของช่อง เราขอแนะนำให้แชร์บทความนี้ รวมถึงแหล่งข้อมูลและคำแนะนำเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับครีเอเตอร์ YouTube เหล่านี้ให้กับคนอื่นๆ ที่มีสิทธิ์เข้าถึงช่องของคุณ หากต้องการดูคำแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เฉพาะเจาะจงสำหรับคุณมากขึ้น โปรดไปที่หน้าการตรวจสอบความปลอดภัย

1. สแกนหามัลแวร์

มัลแวร์คือซอฟต์แวร์ที่สามารถเข้าถึงบัญชี สอดแนมกิจกรรม ลบไฟล์ และเปลี่ยนแปลงข้อมูลเข้าสู่ระบบแพลตฟอร์มออนไลน์ของคุณ ซึ่งโดยปกติจะแทรกซึมเข้าไปในอุปกรณ์ของคุณในรูปแบบไฟล์ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่านและไฟล์ ZIP ที่ลงท้ายด้วย .scr หรือ .exe

มัลแวร์อาจมาจากสิ่งต่อไปนี้

  • ลิงก์ที่น่าสงสัย: การคลิกลิงก์ในอีเมลสแปม อีเมลการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ปลอม หรืออีเมลข้อตกลงกับแบรนด์
  • การดาวน์โหลดที่ติดไวรัส: การดาวน์โหลดโปรแกรมจากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • การอัปเดตซอฟต์แวร์ปลอม: การติดตั้งการอัปเดตซอฟต์แวร์ปลอมที่มีมัลแวร์

คำแนะนำจากเรา

เปิด Safe Browsing พร้อมการปกป้องที่ดียิ่งขึ้น

Safe Browsing พร้อมการปกป้องที่ดียิ่งขึ้นกำลังสแกนไฟล์ที่ดาวน์โหลดเพื่อหามัลแวร์โดยอัตโนมัติ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing พร้อมการปกป้องที่ดียิ่งขึ้น

เนื่องจากซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอาจไม่สแกนไฟล์ที่เข้ารหัสบางไฟล์ เราจึงขอแนะนำให้เปิด Safe Browsing พร้อมการปกป้องที่ดียิ่งขึ้นด้วยเพื่อให้ระบบสแกนหามัลแวร์ในไฟล์ทั้งหมดที่ดาวน์โหลดจาก Google Chrome

Safe Browsing พร้อมการปกป้องที่ดียิ่งขึ้นจะสแกนความปลอดภัยแบบเรียลไทม์เพื่อช่วยให้คุณปลอดภัยในทุกผลิตภัณฑ์ของ Google เมื่อใช้ Google Chrome

2. ใช้พาสคีย์สำหรับการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน

การขโมยรหัสผ่านเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของการบุกรุกบัญชี เมื่อสร้างรหัสผ่านที่รัดกุมแล้ว คุณจะเปิดการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน (หรือที่เรียกว่า 2SV หรือการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย) ได้ ซึ่งจะเพิ่มขั้นตอนที่ 2 ในการยืนยันเพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น

คุณเลือกขั้นตอนการยืนยันได้จากหลายๆ ประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีระดับความปลอดภัยแตกต่างกันไป ดังนี้

  • พาสคีย์: การยืนยันอุปกรณ์ เช่น ลายนิ้วมือ การสแกนใบหน้า หรือการล็อกหน้าจอโทรศัพท์ พาสคีย์สามารถป้องกันฟิชชิงได้รัดกุมที่สุด
  • คีย์ความปลอดภัย: การยืนยันอุปกรณ์ที่จับต้องได้ซึ่งสามารถป้องกันฟิชชิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Google Prompt: การแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ที่ปลอดภัยกว่ารหัสยืนยันทาง SMS
  • Google Authenticator: แอปที่ทำงานแบบออฟไลน์และสร้างรหัสยืนยันแบบครั้งเดียว
  • รหัสยืนยันทางโทรศัพท์: รหัสยืนยันประเภทหนึ่งที่ส่งทางข้อความหรือการโทร ซึ่งปลอดภัยน้อยกว่า
  • รหัสสำรอง: รหัสยืนยันประเภทหนึ่งที่ดาวน์โหลดและพิมพ์ออกมา ซึ่งปลอดภัยน้อยกว่า

คำแนะนำจากเรา

หากต้องการการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดจากภัยคุกคามอย่างฟิชชิง ให้ตั้งค่าการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนและเลือกพาสคีย์เป็นวิธีการยืนยันที่ 2

 ตั้งค่าการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนและพาสคีย์

หมายเหตุ: เมื่อสร้างพาสคีย์แล้ว คุณจะสามารถใช้พาสคีย์ดังกล่าวเพื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ตลอดจนแอปหรือบริการบางอย่างของบุคคลที่สามได้ง่ายๆ และเพื่อยืนยันตัวตนเมื่อทำการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อน

 

3. สร้างแผนกู้คืนบัญชี

คุณสามารถเพิ่มตัวเลือกการกู้คืน เช่น หมายเลขโทรศัพท์และอีเมล เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะกลับเข้าสู่บัญชี Google ได้ในกรณีที่ลงชื่อเข้าใช้ไม่ได้

ตัวเลือกการกู้คืนมีไว้เพื่อดำเนินการต่อไปนี้

  • บล็อกบุคคลอื่นไม่ให้ใช้บัญชีของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • แจ้งเตือนคุณหากมีกิจกรรมน่าสงสัยเกิดขึ้นในบัญชี
  • กู้คืนบัญชีในกรณีที่คุณเข้าบัญชีไม่ได้หรือลืมรหัสผ่าน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้ตัวเลือกการกู้คืนเพื่อรักษาบัญชีให้ปลอดภัย

คำแนะนำจากเรา

เพิ่มตัวเลือกการกู้คืน เช่น หมายเลขโทรศัพท์และอีเมล ลงในบัญชีเพื่อให้กู้คืนบัญชีได้อย่างรวดเร็วหากจำเป็น

เพิ่มตัวเลือกการกู้คืนบัญชี

 

หากคิดว่าช่อง YouTube ของคุณถูกแฮ็ก ให้กู้คืนช่องที่ถูกแฮ็ก
หากเสียสิทธิ์เข้าถึงบัญชี Google ให้กู้คืนบัญชี Google

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
8970735926667713472
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
59
false
false