ตัวอย่างคอลัมน์ที่กำหนดเอง

บทความนี้จะให้ตัวอย่างคอลัมน์ที่กำหนดเองทั้งในโหมดภาพและโหมดข้อความ หากต้องการสร้างคอลัมน์ตามตัวอย่างในโหมดภาพ (โหมดเริ่มต้น) ให้ทำตามวิธีการทีละขั้นตอนในหัวข้อ "โหมดภาพ (ทีละขั้นตอน)"

หรือหากต้องการคัดลอกและวางสูตรตัวอย่าง คุณจะต้องดำเนินการดังนี้

  1. เปลี่ยนเป็นโหมดข้อความโดยคลิกไอคอนโหมดข้อความ ในเครื่องมือแก้ไขคอลัมน์ที่กำหนดเองใน Google Ads
  2. คัดลอกสูตรที่มีพื้นหลังสีเขียวใต้ "โหมดข้อความ" ในบทความนี้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างคอลัมน์ที่กำหนดเอง

ต้นทุนเฉลี่ยต่อวัน (7 วันที่ผ่านมา)

คอลัมน์นี้จะรายงานต้นทุนต่อวันโดยเฉลี่ยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา (ไม่รวมวันนี้) โดยไม่คำนึงถึงช่วงวันที่โดยรวมของตารางหรือรายงาน

(ค่าใช้จ่าย: 7 วันที่ผ่านมา) / 7

โหมดภาพ (ทีละขั้นตอน)

  1. คลิก + คอลัมน์ ขยายส่วนประสิทธิภาพ แล้วเลือกค่าใช้จ่าย
  2. คลิกรูปวงรีที่มีป้ายกำกับว่า "ค่าใช้จ่าย" ขยายส่วน "ช่วงวันที่" ในแผงตัวกรองทางด้านขวา แล้วเลือก + เพิ่มตัวกรอง
  3. ขยายเลือกช่วงวันที่ เลือก 7 วันที่ผ่านมา แล้วคลิกใช้
  4. คลิกด้านหลังวงรีแล้วพิมพ์ / 7
  5. สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้

    สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้

  6. เลือก "ค่าเงิน" ในเมนูแบบเลื่อนลง "รูปแบบข้อมูล" ที่มุมขวาบนก่อนบันทึก

โหมดข้อความ

cost.date_range(last_7_days) / 7

เลือกค่าเงินในเมนูแบบเลื่อนลง "รูปแบบข้อมูล" ที่มุมขวาบนก่อนบันทึก

ตัวอย่างเอาต์พุตในตาราง: $12.54

ดูข้อมูลเพิ่มเติม: การเลือกช่วงวันที่เป็นตัวอย่างของตัวกรอง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวกรองที่ใช้ได้


ประสิทธิภาพรายวันตรงตามเกณฑ์

คอลัมน์นี้จะแสดงผลเป็นจริงหรือเท็จ โดยขึ้นอยู่กับว่าแถวของตารางตรงตามเงื่อนไขในสูตรหรือไม่ คอลัมน์ที่กำหนดเองในตัวอย่างนี้จะแสดงผลเป็น "จริง" หากจำนวนคลิกโดยเฉลี่ยต่อวันมากกว่าหรือเท่ากับค่าที่คุณมองว่าเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ (ค่าตัวยึดตำแหน่งที่ใช้ในตัวอย่างด้านล่างคือ 100) หรือเป็น "เท็จ" หากไม่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว

ฟังก์ชัน "report_days_count" จะแสดงจำนวนวันนับตั้งแต่วันที่เริ่มต้นจนถึงวันที่สิ้นสุดในตารางหรือรายงาน ในตัวอย่างนี้ การหาร "Clicks" ด้วย "report_days_count" จะทำให้เราได้จำนวนคลิกเฉลี่ยต่อวันระหว่างช่วงวันที่ของตารางหรือรายงานซึ่งใช้คอลัมน์ที่กำหนดเอง โปรดทราบว่า “Clicks / report_days_count()” จะครอบวงเล็บไว้เพื่อให้นำไปคำนวณก่อนเปรียบเทียบกับค่าที่กำหนด ดูข้อมูลเกี่ยวกับฟังก์ชันที่ใช้ได้

(Clicks / reports_days_count()) >= 100

โหมดภาพ (ทีละขั้นตอน)

  1. พิมพ์ (Clicks แล้วเลือก Clicks จากเมนูแบบเลื่อนลง
  2. พิมพ์ / report_days_count() เพื่อหารจำนวนคลิกด้วยจำนวนวันตามช่วงวันที่ของตารางหรือรายงาน
  3. ปิดวงเล็บแรกด้วยการพิมพ์ ) เราใส่วงเล็บครอบการหารไว้เพื่อให้ระบบคำนวณส่วนนี้ก่อนนำไปเปรียบเทียบค่า
  4. พิมพ์ >= ซึ่งแปลว่า “มากกว่าหรือเท่ากับ”
  5. ป้อนตัวเลขเพื่อเปรียบเทียบกับจำนวนคลิกรายวันโดยเฉลี่ย
  6. สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้สูตรนี้แสดงจํานวนคลิกที่หารด้วย report_days_count เพื่อให้ได้จํานวนคลิกต่อวันโดยเฉลี่ยในช่วงวันที่ของตารางหรือรายงานซึ่งใช้คอลัมน์ที่กําหนดเอง
  7. เลือกจริง/เท็จในเมนูแบบเลื่อนลง "รูปแบบข้อมูล" ที่มุมขวาบนก่อนบันทึก

โหมดข้อความ

(Clicks / reports_days_count()) >= 100
เลือกจริง/เท็จในเมนูแบบเลื่อนลง "รูปแบบข้อมูล" ที่มุมขวาบนก่อนบันทึก

ตัวอย่างเอาต์พุตในตาราง: จริง

รายงานเกี่ยวกับ Conversion ที่เฉพาะเจาะจง

วิธีนี้จะรายงานจำนวน Conversion ของการกระทำที่ถือเป็น Conversion ทั้งหมดที่เลือกไว้ หากเลือกการกระทำที่ถือเป็น Conversion หลายรายการ คอลัมน์ที่กำหนดเองนี้จะแสดงจำนวนรวมของ Conversion ทุกรายการที่เลือก

ระบบจะใช้เมตริก "Conversion ทั้งหมด" แทน "Conversion" เนื่องจาก "Conversion" จะรวมเฉพาะการกระทำที่ถือเป็น Conversion ที่ได้เลือกการตั้งค่าเป็น "รวมใน Conversion" เท่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระทำที่ถือเป็น Conversion

สูตรนี้เป็นเมตริกเดี่ยว ("Conversion ทั้งหมด") ที่ใช้ตัวกรองการกระทำที่ถือเป็น Conversion

โหมดภาพ (ทีละขั้นตอน)

  1. คลิก + คอลัมน์ ขยายส่วนประสิทธิภาพ แล้วเลือก Conversion ทั้งหมด
  2. คลิกรูปวงรีที่มีป้ายกำกับว่า "Conversion ทั้งหมด" และขยายส่วน "การกระทำที่ถือเป็น Conversion" ในแผงตัวกรองทางด้านขวา
  3. เลือกการกระทำที่ถือเป็น Conversion ทั้งหมดที่ต้องการรวมเอาไว้
  4. สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้ สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้

โหมดข้อความ

All_conversions.conversion_action("การกระทำที่ถือเป็น Conversion ตัวอย่าง", "การกระทำที่ถือเป็น Conversion อื่นๆ")

แทนที่ "การกระทำที่ถือเป็น Conversion ตัวอย่าง" และ "การกระทำที่ถือเป็น Conversion อื่นๆ" ด้วยชื่อการกระทำที่ถือเป็น Conversion ในบัญชีของคุณ คุณอาจระบุการกระทำที่ถือเป็น Conversion เพียง 1 รายการ หรือระบุเพิ่มเติมโดยใส่คอมมาคั่นระหว่างแต่ละรายการ

ตัวอย่างเอาต์พุตในตาราง: 68

ส่วนแบ่งการแสดงผลที่เสียไปเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ

คอลัมน์นี้จะแสดงค่าหนึ่ง หากแคมเปญสูญเสียส่วนแบ่งการแสดงผลไปเนื่องจากงบประมาณ และจะแสดงค่าอื่นหากไม่เป็นเช่นนั้น

คอลัมน์ "ส่วนแบ่งการแสดงผลที่เสียไปบนเครือข่าย Search (งบประมาณ)" จะแสดงเปอร์เซ็นต์ของจำนวนครั้งที่โฆษณาไม่แสดงบนเครือข่าย Search เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ ในขณะที่คอลัมน์ "ส่วนแบ่งการแสดงผลที่เสียไปบนเครือข่ายดิสเพลย์ (งบประมาณ)" จะแสดงข้อมูลเดียวกันสำหรับเครือข่ายดิสเพลย์ ข้อมูลนี้ดูได้ในระดับแคมเปญเท่านั้น คุณอาจใช้ฟังก์ชัน "or" เพื่อแสดงผลค่าจริงหากคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่งมีค่ามากกว่า 0 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนแบ่งการแสดงผล

if(or(Search Lost IS (budget) > 0, Display Lost IS (budget) > 0), "มีการแสดงผลที่จำกัดเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ", "ไม่มีส่วนแบ่งการแสดงผลที่เสียไปเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ")

โหมดภาพ (ทีละขั้นตอน)

  1. พิมพ์ if เลือกฟังก์ชันที่แนะนำ
  2. แทนที่ "เงื่อนไข" โดยพิมพ์ or เลือกฟังก์ชันที่แนะนำ
  3. แทนที่ “x” โดยพิมพ์ Search Lost IS Budget > 0 เมื่อคุณพิมพ์ "Search Lost IS Budget" ให้เลือกจากเมนูแบบเลื่อนลงเพื่อให้เปลี่ยนเป็นรูปวงรีที่คอลัมน์
  4. แทนที่ “y” ด้วยการพิมพ์ Display Lost IS Budget > 0 เมื่อคุณพิมพ์ "Display Lost IS Budget" ให้เลือกจากเมนูแบบเลื่อนลงเพื่อให้เปลี่ยนเป็นรูปวงรีที่คอลัมน์
  5. แทนที่ "if_true" ด้วยข้อความที่จะแสดงหากเป็นไปตามเงื่อนไข เช่น "มีการแสดงผลที่จำกัดเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ"
  6. แทนที่ “if_false” ด้วยข้อความที่จะแสดงหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เช่น "ไม่มีส่วนแบ่งการแสดงผลที่เสียไปเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ"
  7. สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้
  8. เลือกข้อความในเมนูแบบเลื่อนลง “รูปแบบข้อมูล” ที่มุมขวาบนก่อนบันทึก

โหมดข้อความ

if(or(Search_lost_IS_budget > 0, Display_lost_IS_budget > 0), "มีการแสดงผลที่จำกัดเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ", "ไม่มีส่วนแบ่งการแสดงผลที่เสียไปเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ")
เลือกข้อความในเมนูแบบเลื่อนลง “รูปแบบข้อมูล” ที่มุมขวาบนก่อนบันทึก

ตัวอย่างเอาต์พุตในตาราง: มีการแสดงผลที่จำกัดเนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม: "if" และ "or" เป็นตัวอย่างของฟังก์ชัน ดูข้อมูลเกี่ยวกับฟังก์ชันที่ใช้ได้


สรุปจำนวนคลิกตามอุปกรณ์

คอลัมน์นี้จะแสดงข้อความที่กำหนดเองซึ่งสรุปรายละเอียดการคลิกแบ่งตามอุปกรณ์ 2 ประเภท ได้แก่ โทรศัพท์มือถือและเดสก์ท็อป

concat("โทรศัพท์มือถือ: ", to_text(Clicks: Mobile phones), " เดสก์ท็อป: ", to_text(Clicks: Desktop))

โหมดภาพ (ทีละขั้นตอน)

  1. พิมพ์ concat("โทรศัพท์มือถือ: ", to_text(value), " เดสก์ท็อป: ", to_text(value))
  2. ไฮไลต์อินสแตนซ์แรกของ "value" ในสูตร เลือก + คอลัมน์ ขยายส่วนประสิทธิภาพ แล้วเลือก Clicks ทำซ้ำกับอินสแตนซ์ที่สองของ “value”
  3. คลิกวงรีแรกที่มีป้ายกำกับ "Clicks" ขยายส่วน "อุปกรณ์" ในแผงตัวกรองทางด้านขวา แล้วเลือก Mobile phones
  4. คลิกรูปวงรีที่ 2 ที่มีป้ายกำกับ Clicks ขยายส่วนอุปกรณ์ในแผงตัวกรองทางด้านขวา แล้วเลือก Desktop
  5. สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้สูตรของคุณควรมีลักษณะคล้ายกันกับรูปภาพนี้
  6. เลือกข้อความในเมนูแบบเลื่อนลง “รูปแบบข้อมูล” ที่มุมขวาบนก่อนบันทึก

โหมดข้อความ

concat("โทรศัพท์มือถือ: ", to_text(clicks.device(mobile)), " เดสก์ท็อป: ", to_text(clicks.device(desktop)))

เลือกข้อความในเมนูแบบเลื่อนลง “รูปแบบข้อมูล” ที่มุมขวาบนก่อนบันทึก

ตัวอย่างเอาต์พุตในตาราง: โทรศัพท์มือถือ: 57, เดสก์ท็อป: 46

ดูข้อมูลเพิ่มเติม: ทั้ง "concat" และ "to_text" เป็นตัวอย่างฟังก์ชัน concat จะรวมข้อความ 2 รายการขึ้นไปไว้ด้วยกัน ขณะที่ to_text จะนำค่าตัวเลข (เช่น Clicks) มาแปลงเป็นข้อความ ดูข้อมูลเกี่ยวกับฟังก์ชันที่ใช้ได้

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
12388029007927897197
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false