เพิ่มประสิทธิภาพให้ Performance Max สําหรับการช็อปปิ้งในช่วงเทศกาลวันหยุด

ใช้ Smart Bidding กับแคมเปญ Shopping และ Performance Max อย่างมีประสิทธิภาพ

This illustration represents how effectively smart bidding is used with standard shopping and Performance Max campaigns.

Smart Bidding หมายถึงกลยุทธ์การเสนอราคาที่ใช้ AI ของ Google เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ Conversion หรือมูลค่า Conversion ในการประมูลแต่ละครั้ง หรือฟีเจอร์ที่เรียกว่า "การเสนอราคาตามเวลาจริงในการประมูล" CPA เป้าหมาย, ROAS เป้าหมาย, เพิ่มจํานวน Conversion สูงสุด และเพิ่มมูลค่า Conversion สูงสุดล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์ Smart Bidding ทั้งสิ้น

บทความนี้จะอธิบายวิธีเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ Smart Bidding สําหรับช่วงวันหยุด

ในหน้านี้

ไฮไลต์การลดราคาและโปรโมชันสำหรับผลิตภัณฑ์ Merchant Center

คุณสามารถอัปเดตแหล่งข้อมูลและใช้คำอธิบายประกอบราคาลดเพื่อไฮไลต์การลดราคาและโปรโมชันของธุรกิจ รวมถึงสร้างชิ้นงานโปรโมชันและราคาเพื่อแสดงดีลช่วงวันหยุดใน Merchant Center ได้ โปรโมชันในร้านเหล่านี้สามารถใช้เพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เฉพาะของร้านค้าได้ นอกจากนี้ คุณยังเพิ่มราคาสำหรับสมาชิกเพื่อแสดงส่วนลดต่อลูกค้าขาประจำได้ด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับโปรโมชัน


รองรับดีมานด์ช่วงวันหยุดด้วยงบประมาณและ ROAS เป้าหมาย

ทำตามหลักเกณฑ์ด้านล่างเพื่อช่วยรองรับดีมานด์ช่วงวันหยุด

หลักเกณฑ์ที่ 1: พิจารณางบประมาณ

ในช่วงวันที่มีโปรโมชันสําคัญ (แบล็กฟรายเดย์ ไซเบอร์วีค) คุณควรตรวจสอบว่างบประมาณช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าที่เหมาะสมได้ เราขอแนะนําให้วางแผนเพื่อรองรับดีมานด์ช่วงวันหยุดให้ได้สูงสุดโดยทําดังนี้

  • เพิ่มงบประมาณ: กําหนดงบประมาณเป็น 3 เท่าของที่ต้องการหรือคาดว่าจะใช้จ่าย เผื่อไว้ให้เพียงพอสำหรับช่วงวันหยุดที่มีการช็อปปิ้งสูงสุด
  • ตรวจสอบการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง: ตรวจสอบงบประมาณบัญชี Google Ads เป็นประจำเพื่อยืนยันว่าคุณไม่ได้จํากัดประสิทธิภาพหรือการใช้จ่ายของแคมเปญในช่วงแบล็คฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์
  • เลือกกลยุทธ์การเสนอราคาที่เหมาะสม: เราขอแนะนําให้ใช้ ROAS เป้าหมายเป็นแนวทางในการใช้จ่าย และพิจารณาลดเป้าหมาย ROAS ให้ต่ำกว่าปกติเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสูงสุด

หากต้องการระบุงบประมาณ ให้ทำดังนี้

  • ตั้งงบประมาณให้สูงกว่าการใช้จ่ายเป้าหมาย 2 เท่าหากบัญชีไม่มีข้อมูลย้อนหลังหรือข้อมูลเปรียบเทียบการใช้จ่ายในปีก่อนหน้า
  • ใช้กลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสูงสุดแทน ROAS เป้าหมายเพื่อให้ได้ยอดขายสูงสุดภายในงบประมาณที่ตั้งไว้
หมายเหตุ: แคมเปญอาจใช้จ่ายได้สูงสุด 2 เท่าของงบประมาณเฉลี่ยรายวันหากดีมานด์เพิ่มขึ้น

หลักเกณฑ์ที่ 2: ปรับ ROAS เป้าหมายสําหรับวันที่มีโปรโมชันสําคัญ

หากต้องการปรับ ROAS เป้าหมายสําหรับวันที่มีโปรโมชันสําคัญ เช่น แบล็คฟรายเดย์และไซเบอร์วีค ให้ทําตามขั้นตอนด้านล่าง

  1. ปรับเป้าหมายที่ต้องการล่วงหน้า 2-3 วันก่อนจัดโปรโมชันสําคัญ การตั้งค่าตั้งแต่เนิ่นๆ จะทําให้แคมเปญพร้อมคว้าโอกาสในการได้ Conversion เพิ่มเติม
  2. ตั้งค่าการปรับเป้าหมายแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ทีละมากๆ ตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งค่าการปรับเพิ่มครั้งละ 30% เมื่อเวลาผ่านไป และรอ 1-2 รอบ Conversion ระหว่างการเปลี่ยนแปลง
  3. ตรวจสอบและปรับกลยุทธ์ตามประสิทธิภาพตลอดช่วงวันหยุด อย่าลืมตรวจสอบเมตริกการรายงานและทําการเปลี่ยนแปลงตามที่จำเป็น

หลักเกณฑ์ที่ 3: กําหนดเป้าหมายที่สมเหตุสมผลสําหรับช่วงวันหยุด

ตามหลักการทั่วไป คุณควรตั้งค่า ROAS เป้าหมายให้ใกล้เคียงกับ ROAS ปัจจุบันเพื่อเริ่มต้น และปรับตามความจำเป็นหลังจากที่ประสิทธิภาพถึงเป้าหมายเริ่มต้นแล้ว นอกจากการเปลี่ยน ROAS เป้าหมายแล้ว คุณยังใช้ประสิทธิภาพที่ผ่านมาเป็นจุดเริ่มต้นในการกําหนดเป้าหมายต่างๆ ได้ด้วย

ตัวอย่าง

หากต้องการเพิ่มยอดขายในตลาดที่มีการแข่งขันสูงซึ่งมีดีมานด์สูงกว่าตลาดปกติ คุณอาจพิจารณาลด ROAS เป้าหมาย

นอกจากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังแล้ว คุณยังใช้เครื่องมือจำลองการเสนอราคาหรือเครื่องมือวางแผนประสิทธิภาพของ Google Ads เพื่อพิจารณาว่าราคาเสนอใดมีแนวโน้มที่จะให้ประสิทธิภาพตามที่ต้องการได้


ใช้การปรับเฉพาะช่วงเวลาสําหรับวันที่มีโปรโมชันสําคัญ

คุณสามารถใช้การปรับเฉพาะช่วงเวลาเมื่อคาดว่าอัตรา Conversion จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยสอดคล้องกับการลดราคาหรือโปรโมชัน รวมถึงใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การปรับเฉพาะช่วงเวลาเป็นระยะเวลาสั้นๆ อย่างแฟลชเซล 3 วัน โดยคาดว่า CVR จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก


ระยะเวลาเพิ่มและลดประสิทธิภาพในช่วงวันหยุด

หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Shopping เราขอแนะนําให้เปิดตัวโดยมี ROAS เป้าหมายที่ต่ำเพื่อกระตุ้นการปรับขนาด คุณสามารถปรับเป้าหมายที่ต้องการได้หลังจากที่ปรับขนาดแคมเปญแล้ว หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงงบประมาณ/เป้าหมายในช่วงเพิ่มประสิทธิภาพ

หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Performance Max เราขอแนะนําให้เริ่มต้นด้วยกลยุทธ์มูลค่า Conversion สูงสุด จากนั้นเพิ่ม ROAS เป้าหมายตามมูลค่าที่ได้ นอกจากนี้ คุณยังเร่งและกำหนดแนวทางของแมชชีนเลิร์นนิงได้โดยใช้สัญญาณของกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มจำนวนข้อเสนอ Merchant Center ในแคมเปญ

หลังจากสิ้นสุดช่วงวันหยุดที่มีการช็อปปิ้งสูงสุด ให้ทำดังนี้

  • ประเมิน ROAS เป้าหมายอีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังหลังช่วงวันหยุด
  • นำชิ้นงานหรือโปรโมชันใน Merchant Center ที่ไม่เกี่ยวข้องแล้วออก

หมายเหตุ: แคมเปญ Performance Max ใหม่อาจต้องผ่านระยะเวลาเรียนรู้เมื่อรวบรวมข้อมูลและเรียนรู้จากประสิทธิภาพ

หากต้องการวิเคราะห์ความสําเร็จของ Performance Max ให้รออย่างน้อย 6 สัปดาห์ก่อนที่จะประเมินและดําเนินการต่อไปนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์หลังจากวันที่เริ่มต้น
  • พิจารณาระยะเวลาก่อนที่จะเกิด Conversion (หรือที่เรียกว่ากรอบเวลา Conversion)
  • ยกเว้นช่วงเพิ่มประสิทธิภาพหลังการเรียนรู้เมื่อวิเคราะห์การทดสอบ

ใช้การยกเว้นข้อมูล

เครื่องมือการยกเว้นข้อมูลมีผลกับการคลิก และใช้กับการหยุดทํางานของเว็บไซต์หรือปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาการติดแท็ก คุณใช้เครื่องมือนี้ได้หากพบปัญหาหลังจากที่แคมเปญเริ่มไปแล้วไม่เกิน 1 สัปดาห์ เราไม่แนะนําให้ใช้เครื่องมือการยกเว้นข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนานกว่า 14 วันสําหรับ Search และ Display (60 วันสําหรับ Shopping) หรือใช้เครื่องมือเป็นระยะเวลานาน

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีใช้การยกเว้นข้อมูล

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
14828512099065240835
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false