การวัดการเข้าถึงและความถี่

ตอนนี้เมตริก Unique Reach และความถี่จะรองรับการดูร่วมกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ใช้หลายคนดูโฆษณาร่วมกันบนอุปกรณ์ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

การวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าถึงและความถี่ของแคมเปญวิดีโอ, Display และ Demand Gen จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ดีขึ้นว่าโฆษณาแสดงต่อผู้ใช้กี่คน และแสดงต่อผู้ใช้คนเดียวกันบ่อยเท่าใดในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ ไม่ว่าคุณจะต้องการเน้นย้ำข้อความที่จะสื่อ หรือเน้นการเข้าถึงผู้ใช้รายใหม่ๆ ข้อมูลนี้ก็จะช่วยให้คุณเห็นภาพความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้น

เมตริก Unique Reach และความถี่

เมตริก Unique Reach และความถี่จะวัดจํานวนคนทั้งหมดที่เห็นโฆษณาและความถี่ที่เห็นโฆษณา เมตริกเหล่านี้ทำได้มากกว่าการวัดด้วยคุกกี้แบบพื้นฐาน เพื่อช่วยให้คุณทราบว่าโฆษณาของคุณแสดงต่อผู้คนกี่ครั้งในอุปกรณ์ รูปแบบ และเครือข่ายต่างๆ

ปัจจุบันผู้คนมักจะใช้อุปกรณ์หลายอย่างตลอดทั้งวันทุกที่ทุกเวลา โมเดล Unique Reach ของเราจะวัดการเข้าถึงทั้งหมดของโฆษณา โดยพิจารณากรณีที่ผู้ใช้อาจเห็นโฆษณาเดียวกันในอุปกรณ์อื่น หรือเมื่อผู้ใช้หลายคนดูร่วมกัน กล่าวคือการดูโฆษณาร่วมกันบนอุปกรณ์ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

เมตริก Unique Reach และความถี่มีดังนี้

  • ผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำ
  • ความถี่การแสดงผลเฉลี่ยต่อผู้ใช้
  • ความถี่การแสดงผลเฉลี่ยต่อผู้ใช้ (7 วัน)
  • ความถี่การแสดงผลเฉลี่ยต่อผู้ใช้ (30 วัน)
  • การกระจายความถี่ 1 ครั้งขึ้นไป, 2 ครั้งขึ้นไป, 3 ครั้งขึ้นไป, 4 ครั้งขึ้นไป, 5 ครั้งขึ้นไป และ 10 ครั้งขึ้นไป
หมายเหตุ: ความถี่การแสดงผลเฉลี่ยต่อผู้ใช้ (7 วัน) และการกระจายความถี่เป้าหมายที่ต้องการ 1 ครั้งขึ้นไป, 2 ครั้งขึ้นไป, 3 ครั้งขึ้นไป, 4 ครั้งขึ้นไป, 5 ครั้งขึ้นไป และ 10 ครั้งขึ้นไป เป็นเมตริกที่แนะนําในการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญที่ใช้ความถี่

ดูข้อมูลการเข้าถึงและความถี่

คุณดูข้อมูลการเข้าถึงและความถี่ได้ด้วยการเพิ่มคอลัมน์ของเมตริกเหล่านี้ลงในตารางสถิติ แล้วเลือกระยะเวลาเฉพาะเจาะจงในเมนูแบบเลื่อนลง คอลัมน์เหล่านี้ซึ่งอยู่ใน "เมตริกการเข้าถึงและความถี่" จะใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณอยู่ในหน้าแคมเปญและกําหนดขอบเขตเพื่อให้เห็นแคมเปญวิดีโอเท่านั้น

ดูวิธีเพิ่มหรือนำคอลัมน์ในตารางสถิติออก

การเข้าถึงรายงานแบรนด์

ตอนนี้คุณเข้าถึงรายงานแบรนด์ใน Google Ads ได้แล้ว รายงานแบรนด์เป็นประสบการณ์การใช้งานสำหรับผู้ลงโฆษณาแบรนด์โดยเฉพาะ ซึ่งจะแสดงเมตริกการเข้าถึงและความถี่ที่กรองข้อมูลที่ซ้ำกันออกแล้วในแคมเปญต่างๆ คุณสามารถจัดเรียงข้อมูลตามข้อมูลประชากรที่ตรงกับเป้าหมาย เช่น อายุและเพศ ได้อย่างง่ายดาย

รายงานแบรนด์ช่วยให้การรายงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการรวมข้อมูลจากเครื่องมือต่างๆ คุณจึงวัดตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (KPI) ทําความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ และระบุข้อมูลเชิงลึกเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูงสุดได้ง่ายขึ้น

วิธีการ

  1. คลิกไอคอนแคมเปญ ไอคอนแคมเปญ ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกเมนูแบบเลื่อนลงข้อมูลเชิงลึกและรายงานในหมวดหมู่เมนู
  3. คลิกรายงานแบรนด์

Google Ads UI screenshot showing Brand Report with metrics on reach, frequency, and user engagement.

ข้อกำหนดที่ควรทราบ

  • ข้อมูลจะพร้อมใช้งานในระดับบัญชีเดียว คุณจะดึงข้อมูลของหลายบัญชีหรือ MCC ไม่ได้
  • ช่วงวันที่สูงสุดที่ใช้ได้สําหรับเมตริกการเข้าถึงคือ 92 วัน
  • จำนวนแคมเปญสูงสุดคือ 10,000 แคมเปญ
  • ไม่รองรับแคมเปญ Search, Shopping และ Performance Max
  • แคมเปญต้องมีการแสดงผลมากกว่า 10,000 ครั้งจึงจะแสดงข้อมูลได้

วิธีการคำนวณการเข้าถึงของ Google

วิธีคำนวณ Unique Reach

Google Ads คำนวณ Unique Reach โดยใช้แบบจำลองทางสถิติที่พิจารณาพฤติกรรมผู้ใช้ในเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เราสร้างแบบจำลองเหล่านี้ขึ้นมาด้วยการสังเกตพฤติกรรมผู้ใช้ที่รวบรวมไว้จากทุกผลิตภัณฑ์ของ Google เพื่อหารูปแบบการใช้งานข้ามอุปกรณ์ Google Ads รวมข้อมูลจากการสังเกตพฤติกรรมเข้ากับสัญญาณและข้อมูลในท้องถิ่นอื่นๆ (เช่น การสำรวจจำนวนประชากรและแบบสำรวจความน่าจะเป็น) เพื่อกรองกลุ่มเป้าหมายที่ซ้ำกันในเซสชัน รูปแบบ เครือข่าย และอุปกรณ์ต่างๆ ออก ผลที่ได้คือจำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำ (ไม่ใช่คุกกี้) ที่เห็นโฆษณา

การเข้าถึงและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

วิธีของเราจะเป็นการรวบรวมข้อมูลผู้ใช้และคุกกี้ทั้งหมด และกำหนดจำนวนผู้ใช้ขั้นต่ำที่เข้าถึงก่อนที่จะรายงานข้อมูลแก่ผู้ลงโฆษณา เราจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวบุคคลนั้นได้ในการวัดการเข้าถึงโดยตรงเป็นอันขาด

ในปี 2024 เราได้อัปเดตวิธีการทำงานของการเข้าถึงจากบุคคลที่หนึ่งสำหรับการประมาณทางภูมิศาสตร์ เพื่อพิจารณาความเคลื่อนไหวของผู้ใช้และผู้ชมระหว่างสถานที่ย่อยต่างๆ ผ่านทั้งสถานที่จริงและเสมือน (VPN)

การประมาณทางภูมิศาสตร์ทำให้เราวัดผู้คนทั้งหมดได้ รวมถึงผู้เยี่ยมชมในสถานที่ย่อยหนึ่งๆ เช่น เมืองหรือรัฐ ในบางกรณี ข้อมูลนี้อาจทําให้การเข้าถึงสถานที่เป้าหมายสูงกว่าประชากรจากการทำสำมะโนประชากรทั้งหมดของสถานที่ เราจะพยายามให้ค่าประมาณ Unique Reach ที่ดีที่สุดในกรณีเหล่านี้ และจะปรับปรุงแบบจำลองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คำนวณค่าประมาณสถานที่ตั้งได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ในเดือนมกราคม 2022 เราได้ปรับปรุงรูปแบบการเข้าถึงและข้อมูลประชากรที่เกี่ยวข้อง การอัปเดตนี้อาจทําให้คุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเมตริก Unique Reach ในช่วงเวลานี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 เป็นต้นไป เราได้อัปเดตโมเดล Unique Reach เพื่อให้สอดคล้องกับการดูร่วมกัน ตอนนี้โมเดล Unique Reach จะรวมข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผลเพิ่มเติมและการเข้าถึงที่ได้มาจากการดูร่วมกันเมื่อมีผู้ใช้หลายคนดูโฆษณาด้วยกันในอุปกรณ์ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google พิจารณาบัญชีร่วมในเมตริก Unique Reach

สาเหตุที่คุณอาจไม่เห็นเมตริกการเข้าถึงและความถี่

คุณรายงานเมตริกการเข้าถึงและความถี่ส่วนใหญ่ได้สำหรับช่วงวันที่ไม่เกิน 92 วันเท่านั้น คุณจึงอาจไม่เห็นข้อมูลการเข้าถึงในตารางหากเลือกช่วงวันที่ที่นานกว่า 92 วัน

หากกำลังดูการกระจายความถี่ของแคมเปญ คุณจะเห็นข้อมูลในตารางก็ต่อเมื่อมีช่วงวันที่ไม่เกิน 31 วัน

เมตริกการเข้าถึงและความถี่อาจไม่ได้แสดงข้อมูลของบางแคมเปญหรือบางกลุ่มการรายงานทันที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2-3 ประการ ซึ่งรวมถึงความพร้อมของข้อมูลตามประเทศ และขึ้นอยู่กับว่าโฆษณาของคุณมีการแสดงผลและผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำถึงเกณฑ์ขั้นต่ำหรือไม่ เนื่องจากแบบจำลอง Unique Reach ไม่รองรับบางประเทศ และจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์การแสดงผลและ Unique Reach ขั้นต่ำด้วย

การพิจารณาความล่าช้าในการรายงาน

โดยปกติเมตริกการเข้าถึงและความถี่ใช้เวลาสูงสุด 3 วันจึงจะพร้อมใช้งานในบัญชี ทั้งนี้เนื่องจากแบบจำลองที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณของเรา โปรดพิจารณาถึงความล่าช้านี้ด้วยถ้าช่วงวันที่ของคุณรวม 2-3 วันที่ผ่านมา

เช่น ถ้าคุณตั้งค่าช่วงวันที่เป็น "7 วันที่ผ่านมา" โปรดอย่าลืมว่าข้อมูลจาก 3 วันที่ผ่านมาอาจไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจำนวนของ 7 วันที่ผ่านมาอาจไม่ได้รวม 3 วันล่าสุดของใน 7 วันดังกล่าว

เกี่ยวกับการเข้าถึงและการกำหนดเป้าหมายตามสถานที่

เมตริก Unique Reach และความถี่ใช้แบบจำลองทางสถิติซึ่งขึ้นอยู่กับการสังเกตพฤติกรรมผู้ใช้ที่รวบรวมไว้ในระดับประเทศ แต่เนื่องจากแบบจำลองเหล่านี้คำนวณที่ระดับประเทศและสถานที่ย่อย ในบางกรณีซึ่งมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมตริกอาจดูเหมือนไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะสำหรับแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายไปยังพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ขนาดเล็ก เช่น เมืองเพียงเมืองเดียวหรือรหัสไปรษณีย์ที่เดียว

ในกรณีอื่นๆ Unique Reach อาจมากกว่าประชากรจากการทำสำมะโนประชากร เช่น ผู้เยี่ยมชมชั่วคราวในสถานที่หนึ่งๆ เราจะพยายามให้ค่าประมาณ Unique Reach ที่ดีที่สุดในกรณีเหล่านี้ และจะปรับปรุงแบบจำลองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คำนวณค่าประมาณสถานที่ตั้งได้แม่นยำยิ่งขึ้น

การกำหนดความถี่สูงสุดและการแสดงผลที่ได้แสดง

สำหรับแคมเปญ Display ระบบจะนับเฉพาะการแสดงผลที่ได้แสดงเท่านั้นเมื่อพิจารณาความถี่สูงสุด ข้อมูลการรายงานความถี่อื่นๆ อาจมีค่าสูงกว่าความถี่สูงสุดของคุณ เนื่องจากระบบจะนับทั้งการแสดงผลที่ได้แสดงและไม่ได้แสดงรวมกัน

ในเดือนสิงหาคม 2020 เราได้ใช้เมตริก Unique Reach เป็นวิธีหลักในการวัดการเข้าถึงแทนเมตริกแบบใช้คุกกี้ คุณจะใช้เมตริกการเข้าถึงแบบใช้คุกกี้ใน Google Ads ไม่ได้อีกต่อไป

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
true
Achieve your advertising goals today!

Attend our Performance Max Masterclass, a livestream workshop session bringing together industry and Google ads PMax experts.

Register now

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
10626718792636625223
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false