สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา
รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกแสดงโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น โดยอิงจากผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เคยดูบนเว็บไซต์ ฟีเจอร์นี้มีการตั้งค่าเพิ่มขึ้นและมีรายงานเฉพาะสําหรับการเข้าถึงผู้ที่เคยเข้าชม บทความนี้อธิบายวิธีสร้างรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกด้วยแคมเปญ Google Ads
ในหน้านี้
- สร้างสมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสำหรับแคมเปญ Display
- สร้างรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสำหรับ App Campaign
- สร้างรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสําหรับแคมเปญ Performance Max
- ข้อกำหนดสำหรับการใช้โฆษณา HTML5
- การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกและรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
ก่อนเริ่มต้น
คุณใช้รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกได้กับแคมเปญในเครือข่าย Display, แคมเปญ Performance Max และ App Campaign เท่านั้น หากสนใจโฆษณา Search แบบไดนามิก ให้อ่านเกี่ยวกับโฆษณา Search แบบไดนามิก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสําหรับแอปและเกี่ยวกับการใช้ฟีดใน App Campaign
โปรดทราบว่าแท็ก Google ไม่ควรเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวบุคคลนั้นได้หรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนใดๆ เว็บไซต์และแอปในหมวดหมู่ที่ละเอียดอ่อนจะใช้ข้อมูลสําหรับการกําหนดกลุ่มเป้าหมายไม่ได้ หากกําลังสร้างแคมเปญและวางแท็ก Google ในเว็บไซต์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ คุณจะต้องปฏิบัติตามนโยบายสําหรับการโฆษณาตามความสนใจและสถานที่ตั้ง
วิธีการ
สร้างรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสำหรับแคมเปญ Display
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
- คลิกแคมเปญ
- คลิกปุ่มบวก แล้วเลือกแคมเปญใหม่
- เลือกยอดขาย โอกาสในการขาย การเข้าชมเว็บไซต์ หรือการรับรู้ถึงแบรนด์และการเข้าถึง
- หากไม่มีเป้าหมายในใจ ก็เลือกสร้างแคมเปญโดยไม่มีคำแนะนำของเป้าหมายแทนได้
- เลือกประเภทแคมเปญเป็น Display
- ระบุ URL สำหรับเว็บไซต์ของธุรกิจ
- ป้อนชื่อแคมเปญ
- คลิกต่อไป
- ระบุกลยุทธ์การเสนอราคาและงบประมาณ งบประมาณมีผลต่อความถี่และระดับความโดดเด่นที่โฆษณาจะแสดง และกลยุทธ์การเสนอราคาเป็นตัวกําหนดการใช้งบประมาณ
- ระบุงบประมาณรายวัน จำนวนงบประมาณนี้คือค่าเฉลี่ยที่คุณต้องการใช้จ่ายในแต่ละวัน
- จำนวนเงินสูงสุดที่คุณจะจ่ายต่อเดือนคือ 30.4 เท่าของงบประมาณรายวัน (จำนวนวันโดยเฉลี่ยต่อเดือน) โดยอาจใช้จ่ายมากกว่าหรือน้อยกว่างบประมาณรายวันในบางวัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและงบประมาณเฉลี่ยรายวัน
- เลือกกลยุทธ์การเสนอราคา แคมเปญ Display รองรับ Smart Bidding ซึ่งเป็นชุดย่อยของกลยุทธ์การเสนอราคาอัตโนมัติที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสําหรับ Conversion หรือมูลค่า Conversion ในการประมูลแต่ละครั้ง Smart Bidding จะจัดการราคาเสนอให้คุณได้และช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพ อ่านคู่มือ Smart Bidding สําหรับแคมเปญ Display
- แคมเปญ Display จะแนะนํากลยุทธ์การเสนอราคาให้โดยอัตโนมัติโดยอิงจากเป้าหมายแคมเปญ หากไม่ต้องการใช้กลยุทธ์การเสนอราคาที่แนะนํา ก็เลือกกลยุทธ์การเสนอราคาด้วยตนเองได้ดังนี้ CPA เป้าหมาย, เพิ่มจํานวนคลิกสูงสุด, เพิ่มจํานวน Conversion สูงสุด หรือ CPM ที่มีผู้ชมมองเห็น
- หากไม่ต้องการใช้ Smart Bidding คุณสามารถเลือก การเสนอราคา CPC ด้วยตนเองเป็นกลยุทธ์การเสนอราคาได้
- เลือกสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่โฆษณาจะแสดง หรือสถานที่ที่คุณต้องการยกเว้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายตามสถานที่
- การยกเว้นจะมีประโยชน์ในกรณีที่คุณกำหนดเป้าหมายในพื้นที่ที่กว้างขึ้นและไม่ต้องการรวมสถานที่ในพื้นที่ดังกล่าว เช่น คุณควรกำหนดเป้าหมายในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด ยกเว้นรัฐหรือเมืองที่เจาะจง
- กรอกภาษาที่ต้องการกำหนดเป้าหมาย โฆษณาที่คุณจะสร้างควรเป็นภาษาที่คุณเลือกไว้ในส่วนนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดภาษาเป้าหมาย
- เลือกการกำหนดเป้าหมาย สิ่งที่เลือกในส่วน "การกําหนดเป้าหมาย" คือที่ที่รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกจะมีผล สำหรับการกําหนดเป้าหมายที่เหมาะสม ให้เลือก "อัตโนมัติ" เพื่อให้แมชชีนเลิร์นนิงของ Google ช่วยกําหนดเป้าหมายด้วยการเข้าถึงที่ดีที่สุด ซึ่งรวมถึงกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลของคุณด้วย หากต้องการกําหนดเป้าหมายเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งๆ เท่านั้น ให้ตั้งการกําหนดเป้าหมายเป็น "ด้วยตนเอง" เพื่อเลือกกลุ่ม การติดตามจากแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์ช่วยให้ Google ระบุกลุ่มเป้าหมายที่ดีที่สุดเพื่อให้คุณเลือกได้ เมื่อเลือกรายการจากตัวเลือกรายการด้วยตนเองแล้ว ให้คลิกเสร็จ คุณยังสามารถรวมตัวเลือกการกําหนดเป้าหมายอื่นๆ และ "การขยายการกําหนดเป้าหมาย" ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ Google กําหนดเป้าหมายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดให้กับโฆษณาได้
- เพิ่มการตั้งค่าเพิ่มเติม
- จากนั้นสร้างโฆษณา Display ดูวิธีสร้างโฆษณา Display ที่ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่โฆษณา
- ตรวจสอบแคมเปญ ในหน้า "ตรวจสอบ" คุณจะมีโอกาสตรวจสอบการตั้งค่าทั้งหมดที่เลือก จากที่นี่ คุณสามารถแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามที่อธิบายไว้ในการแจ้งเตือน โดยคลิกแก้ไขในการแจ้งเตือน
- ระบุงบประมาณรายวัน จำนวนงบประมาณนี้คือค่าเฉลี่ยที่คุณต้องการใช้จ่ายในแต่ละวัน
- คลิกเผยแพร่แคมเปญ
- หมายเหตุ: คุณอาจเผยแพร่แคมเปญไม่ได้จนกว่าปัญหาเกี่ยวกับการสร้างแคมเปญจะได้รับการแก้ไข
แคมเปญฉบับร่าง
แคมเปญที่คุณสร้างแต่ยังไม่ได้เผยแพร่จะบันทึกเป็นฉบับร่าง คุณสามารถเผยแพร่แคมเปญฉบับร่างได้ทุกเมื่อในอนาคต ตราบใดที่มีการแก้ไขปัญหาสําคัญใดๆ ที่ขัดขวางการเผยแพร่
เมื่อสร้างแคมเปญใหม่ คุณจะมีตัวเลือกให้เลือกฉบับร่างที่มีอยู่หรือเริ่มต้นโดยไม่ต้องใช้ฉบับร่างที่มีอยู่
วิธีการ
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- ในเมนูส่วน คลิกภาพรวมในเมนูแบบเลื่อนลง
- ในหน้า "ภาพรวม" ให้คลิกปุ่มแคมเปญใหม่
- เลือกแก้ไขแคมเปญฉบับร่างต่อจากเมนูแบบเลื่อนลง
- ในเมนูฉบับร่าง ให้คลิกฉบับร่างที่ต้องการร่างต่อหรือเผยแพร่
แล้วคุณก็จะได้แนบฟีดลงในแคมเปญ:
- ในหน้า "แคมเปญ" ให้คลิกการตั้งค่า แล้วเลือกแคมเปญจากตาราง
- ที่ด้านล่างของหน้า "การตั้งค่า" ให้คลิกเพื่อขยายการตั้งค่าเพิ่มเติม
- คลิกลูกศรลงที่รายการ "โฆษณาแบบไดนามิก"
- เลือกช่องข้างข้อความ "ใช้ฟีดโฆษณาแบบไดนามิกกับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้"
- คลิกบันทึก
หมายเหตุ: เมื่อเลือกฟีดของธุรกิจประเภทใดประเภทหนึ่งแล้ว คุณจะเปลี่ยนเป็นฟีดอื่นของธุรกิจประเภทเดียวกันได้เท่านั้น เช่น หากเลือกฟีดค้าปลีกแล้ว คุณจะสามารถเปลี่ยนเป็นฟีดค้าปลีกอื่นได้เท่านั้น
สร้างรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสำหรับ App Campaign
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
- คลิกแคมเปญ
- คลิกไอคอนบวก แล้วเลือกแคมเปญใหม่
- เลือกการโปรโมตแอปเป็นเป้าหมายแคมเปญ
- เลือกประเภทแคมเปญเป็นแอป
- เลือกประเภทย่อยของแคมเปญและแพลตฟอร์มของแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
- ระบุชื่อแคมเปญ กลยุทธ์การเสนอราคา งบประมาณ วันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุด และการตั้งค่ารูปแบบโฆษณา
- คลิกแสดงการตั้งค่าขั้นสูง
- ในช่อง "ฟีดข้อมูล" ให้เลือกช่องข้าง "แนบฟีดเพื่อปรับปรุงการกำหนดเป้าหมายและเปิดใช้โฆษณาที่แสดงรายการฟีดของคุณ"
- เลือกฟีดโฆษณาแบบไดนามิกหรือฟีด Google Merchant Center ดูข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ฟีดใน App Campaign
- คลิกบันทึกและดำเนินการต่อ
- สร้างโฆษณาแอป ดูวิธีสร้างชิ้นงานครีเอทีฟโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสําหรับ App Campaign
สร้างรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสําหรับแคมเปญ Performance Max
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
- คลิกแคมเปญ
- คลิกไอคอนบวก แล้วเลือกแคมเปญใหม่
- เลือกวัตถุประสงค์ของแคมเปญ เลือก Performance Max เป็นประเภทแคมเปญ และยืนยันเป้าหมาย Conversion ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างแคมเปญ Performance Max
- เลือกแหล่งที่มาของรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกสําหรับแคมเปญ
- ผู้ลงโฆษณาที่มีฟีด GMC: เลือกบัญชี Merchant Center เพื่อลิงก์กับแคมเปญ หากเว็บไซต์ติดแท็กสำหรับรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก ระบบจะเปิดใช้รีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกในแคมเปญโดยอัตโนมัติ
- ผู้ลงโฆษณาที่ไม่มีฟีด GMC: เลือกฟีดโฆษณาแบบไดนามิกเพื่อลิงก์กับแคมเปญ หากเว็บไซต์ติดแท็กสำหรับรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก ก็จะเปิดใช้งานในแคมเปญโดยอัตโนมัติ
ข้อกำหนดสำหรับการใช้โฆษณา HTML5
คุณจะเข้าถึงโฆษณา HTML5 ในบัญชี Google Ads ได้เมื่อบัญชีของคุณมีคุณสมบัติตรงตามข้อกําหนดต่อไปนี้
- เปิดบัญชีมาแล้วมากกว่า 90 วัน
- มีการใช้จ่ายรวมทั้งหมดมากกว่า 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- ปฏิบัติตามนโยบายอย่างถูกต้องมาโดยตลอด
โปรดทราบว่าการทำตามข้อกำหนดข้างต้นไม่ได้รับประกันว่าคุณจะเข้าถึงโฆษณา HTML5 ได้เสมอไป
หากโฆษณา HTML5 ไม่พร้อมใช้งานในบัญชีของคุณ คุณสมัครรับสิทธิ์เข้าถึงได้โดยกรอกแบบฟอร์มสมัครรับ HTML5 ก่อนส่งใบสมัคร โปรดตรวจสอบว่าบัญชีมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การมีสิทธิ์ที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมลที่มีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับสถานะภายใน 7 วันทำการหลังส่งใบสมัคร
- ปฏิบัติตามนโยบายอย่างถูกต้องมาโดยตลอด
- มีประวัติการชำระเงินที่ดี
- มีการใช้จ่ายรวมทั้งหมดมากกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ตรวจสอบว่าคุณไม่ได้ละเมิดนโยบายของเราและปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เข้าถึงโฆษณา HTML5 ได้ต่อไป
ในระหว่างนี้ คุณใช้ตัวเลือกอื่นๆ เช่น โฆษณา AMPHTML หรือโฆษณาแบบดิสเพลย์ที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์ที่อัปโหลดแล้วได้
ตรวจสอบว่าคุณปฏิบัติตามข้อกำหนดโฆษณาแบบดิสเพลย์ที่ถูกต้อง
การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกและรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกจะนําข้อมูลผู้ใช้และข้อมูลผลิตภัณฑ์รวมเข้าด้วยกัน เพื่อแสดงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในเวลาที่เหมาะสมกับผู้ใช้ที่สนใจมากที่สุด ใช้การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกเพื่อการได้ผู้ใช้ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิกที่มุ่งเน้นในเรื่องการใช้คุณค่าจากลูกค้าเดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ความแตกต่างนี้เองทําให้การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกเป็นวิธีที่ดีกว่า หากคุณเป็นผู้ลงโฆษณารายใหม่หรือกําลังกําหนดกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลของคุณเอง (รวมถึงกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลของคุณที่รวมผู้เข้าชมเว็บไซต์และผู้ใช้แอป)
วิธีการทํางานของการหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิก
การหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อให้ได้แนวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้มีโอกาสเป็นผู้ซื้อกำลังมองหาอยู่ เมื่อระบบรู้ว่าผู้ใช้ต้องการสิ่งใดแล้ว ก็จะทำการรวมความต้องการนั้นเข้ากับข้อมูลที่อิงตามข้อมูลประชากร เช่น อายุ เพศ และรายได้ครัวเรือน เพื่อจับคู่ผู้ใช้กับผลิตภัณฑ์ในฟีด ผลิตภัณฑ์ในฟีดได้รับการประเมินตามประสิทธิภาพ ความเกี่ยวข้อง และปัจจัยอื่นๆ เพื่อพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ใดที่น่าจะดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากที่สุดและนำไปสู่ Conversion
คุณจะสามารถเพิ่มฟีดลงในแคมเปญได้ก็ต่อเมื่อยังไม่เคยเพิ่มฟีดดังกล่าวมาก่อน คุณจะเปลี่ยนฟีดได้หลังจากสร้างแคมเปญก็ต่อเมื่อฟีดอยู่ในประเภทธุรกิจเดียวกันเท่านั้น
การเพิ่มการหาลูกค้าใหม่แบบไดนามิกในแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งแบบไดนามิก
- ในบัญชี Google Ads ให้คลิกไอคอนแคมเปญ
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงแคมเปญในหมวดหมู่เมนู
- คลิกแคมเปญ
- เลือกแคมเปญที่ต้องการปรับปรุง
- คลิกการตั้งค่าเพิ่มเติม
- คลิกเมนูแบบเลื่อนลงใต้ "โฆษณาแบบไดนามิก"
- เมนูแบบเลื่อนลงนี้จะเลือก "ไม่มีฟีดข้อมูล" โดยค่าเริ่มต้น
- คลิกช่องทำเครื่องหมายข้าง "ใช้ฟีดข้อมูลสำหรับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้"
- เลือกฟีดข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากเมนูแบบเลื่อนลง
- คลิกบันทึก