เกี่ยวกับ Reach Planner

Reach Planner เป็นเครื่องมือการวางแผนแคมเปญของ Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อให้วางแผนแคมเปญวิดีโอสําหรับการเข้าถึง การดู และ Conversion ได้ทั่วทั้ง YouTube รวมถึงเว็บไซต์และแอปของพาร์ทเนอร์วิดีโอได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ผู้ใช้สร้างแผนการโฆษณาที่มุ่งเน้น Unique Reach, Conversion และยอดดูได้อย่างแม่นยํา

ข้อมูลของ Reach Planner อิงตามวิธีการ Unique Reach ของ Google ซึ่งได้รับการตรวจสอบกับบุคคลที่สาม และสอดคล้องกับการเข้าถึงและการเสนอราคาที่เกิดขึ้นจริงตามรายงาน Reach Planner จะได้รับการอัปเดตทุกสัปดาห์เพื่อที่จะได้ใช้ข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่

Reach Planner อาจไม่มีให้บริการในบางภูมิภาค เนื่องจากเรากําลังทยอยขยายสิทธิ์การเข้าถึงบัญชี Google Ads ที่เข้าเกณฑ์ โปรดติดต่อตัวแทนของ Google Ads เพื่อสอบถามว่ามีให้บริการสำหรับคุณหรือไม่ และวิธีรับสิทธิ์เข้าถึง

หมายเหตุ

  • ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป Reach Planner พิจารณาการประมาณทางภูมิศาสตร์
  • Reach Planner จะพิจารณาการดูร่วมกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 เป็นต้นไป
  • Reach Planner จะคาดการณ์การเข้าถึง ความถี่ ยอดดู และ Conversion โดยประมาณสําหรับแผนการโฆษณา แต่ไม่ได้รับประกันประสิทธิภาพหรือผลลัพธ์ ประสิทธิภาพที่แท้จริงของแคมเปญขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น คุณภาพโฆษณา ความเกี่ยวข้องของโฆษณา และการตั้งค่าแคมเปญ

ในหน้านี้


ประโยชน์

คุณใช้ Reach Planner เพื่อทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • วางแผนประสิทธิภาพและการใช้จ่ายของแคมเปญโฆษณาใหม่ใน YouTube และพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google คุณสามารถเปิดให้ Reach Planner เลือกรูปแบบโฆษณาและการจัดสรรงบประมาณให้คุณ หรือสร้างแผนการโฆษณาได้ตามต้องการ
  • สร้างและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการผสมผสานแคมเปญประเภทต่างๆ
  • อ่านรายละเอียดการเข้าถึง ข้อมูลประชากร และข้อมูลเชิงลึกของอุปกรณ์สำหรับแผนการโฆษณาที่เลือก Reach Planner จะแสดงรายการโฆษณาแบบละเอียดของโฆษณาแต่ละรูปแบบที่มีอยู่ในแผนการโฆษณา คุณสามารถปรับการตั้งค่าของโฆษณาแต่ละรูปแบบ (เช่น งบประมาณ สถานที่ตั้ง การกําหนดเป้าหมาย และอื่นๆ) ได้อย่างรวดเร็ว และยังสร้างการคาดการณ์ใหม่ให้แผนการโฆษณาของคุณได้อีกด้วย
  • การคาดการณ์ใช้ได้กับเมตริกการเข้าถึง ความถี่ ยอดดู การแสดงผล และ Conversion

วิธีการทำงาน

Reach Planner ออกแบบมาสำหรับเจ้าหน้าที่วางแผนโฆษณาที่วางแผนเกี่ยวกับแบรนด์หรือแคมเปญวิดีโอในอนาคต ตลอดจนนักวางแผนกลยุทธ์ที่ต้องการรวมวิดีโอดิจิทัลไว้ในแผนการโฆษณา

Reach Planner ช่วยคาดการณ์ประสิทธิภาพของแผนการโฆษณาโดยอิงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ งบประมาณ และการตั้งค่าอื่นๆ เช่น สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และรูปแบบโฆษณา ("ส่วนผสมผลิตภัณฑ์") การคาดการณ์ต่างๆ นั้นเป็นการประมาณตามแนวโน้มในตลาดโฆษณา รวมถึงประสิทธิภาพที่ผ่านมาของแคมเปญใกล้เคียงที่เคยลงไว้ นอกจากนี้ยังอิงตามนโยบายของ Google Ads ที่กำหนดไว้ในการตั้งค่า Reach Planner ด้วย

สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า รูปภาพไอคอนการตั้งค่า YouTube ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา


หมายเหตุ

  • ในปี 2024 เราได้อัปเดตวิธีการทำงานของการเข้าถึงจากบุคคลที่หนึ่งสำหรับการประมาณทางภูมิศาสตร์ เพื่อพิจารณาความเคลื่อนไหวของผู้ใช้และผู้ชมระหว่างสถานที่ย่อยต่างๆ ผ่านทั้งสถานที่จริงและเสมือน (VPN) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google คำนวณการเข้าถึง
  • แคมเปญเกือบทุกประเภทใช้เมตริก Conversion ใน Reach Planner ได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 โดย Reach Planner จะใช้ประโยชน์จากอัตรา Conversion (CVR) ที่ได้จากผู้ใช้สำหรับแคมเปญที่อิงตามการกระทำ เพื่อช่วยระบุ CVR ของแคมเปญเพื่อการรับรู้และการพิจารณา เช่น แคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ (VRC) และแคมเปญยอดดูวิดีโอ (VVC) สำหรับแผนที่ไม่มีแคมเปญที่อิงตามการกระทำ Google จะให้ CVR เริ่มต้นตามค่ามัธยฐานของทั้งพื้นที่โฆษณาสำหรับแคมเปญแต่ละประเภท
  • ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 เป็นต้นไป เมตริกการดูร่วมกันจะพร้อมให้ใช้งานใน Reach Planner การคาดการณ์จะรวมข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผลเพิ่มเติมและการเข้าถึงที่ได้มาจากผู้ใช้หลายคนที่ชมโฆษณาด้วยกันบนอุปกรณ์ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคาดการณ์ใน Reach Planner
  • การคาดการณ์อาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาในกรณีที่แผนการโฆษณามีรูปแบบโฆษณาที่ใช้การประมูล เช่น โฆษณาในสตรีมของ YouTube ต้นทุนโดยรวมของการประมูลเพื่อแสดงโฆษณาที่ชนะอาจแตกต่างกันไปในช่วงต่างๆ ของปีที่คุณวางแผนลงโฆษณา (เช่น ในช่วงเทศกาลวันหยุด)

เพื่อให้รู้เท่าทันแนวโน้มล่าสุด การคาดการณ์จึงอิงตามข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุดในช่วงเวลาเท่ากับที่วางแผนไว้ว่าจะลงแคมเปญ ซึ่งย้อนหลังไม่เกิน 92 วัน เช่น หากกำหนดไว้ว่าจะลงแคมเปญนาน 5 วัน ซึ่งคาบเกี่ยวกับทั้งวันธรรมดาและวันหยุด การคาดการณ์ก็จะอิงข้อมูลจากช่วง 5 วันที่ผ่านมาซึ่งคาบเกี่ยวกับทั้งวันธรรมดาและวันหยุดด้วยเช่นกัน

ปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมเพื่อวางแผนประสิทธิภาพและการใช้จ่ายของโฆษณาได้อย่างแม่นยําโดยใช้เมตริกต่อไปนี้ โปรดทราบว่าเมตริกการเข้าถึงตามเป้าหมาย เปอร์เซ็นต์การเข้าถึงตามเป้าหมาย ความถี่เฉลี่ย คะแนนเรตติ้งเป้าหมาย (TRP) และการแสดงผลเป้าหมายจะคํานวณด้วยค่าที่ได้รับผลจากการดูร่วมกันด้วย การดูร่วมกันจะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ใช้หลายคนดูโฆษณาร่วมกันบนอุปกรณ์ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

  • การเข้าถึงตามเป้าหมาย: จำนวนคนที่คุณอาจเข้าถึงได้ภายในกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญ ในกรณีที่แสดงโฆษณาได้ตามความถี่ที่มีประสิทธิภาพ ตัวเลขนี้คือเปอร์เซ็นต์โดยประมาณของคนในกลุ่มเป้าหมายที่ระบบคาดว่าแผนจะเข้าถึงได้โดยไม่นับรวมกับการเข้าถึงเพิ่มเติมจากผู้ชมที่ดูทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตร่วมกัน เปอร์เซ็นต์นี้รวมผู้คนทั้งหมดในสถานที่หนึ่งๆ หรือผู้ที่เพิ่งอยู่ในสถานที่นั้น ซึ่งรวมถึงผู้เข้าชมด้วย
    • หมายเหตุ: การเข้าถึงตามเป้าหมายอาจสูงกว่าประชากรจากการทำสำมะโนประชากรเนื่องจากรวมผู้คนทั้งหมดในสถานที่หนึ่งๆ ซึ่งรวมถึงผู้เข้าชมด้วย
    • การเข้าถึงเพิ่มเติม: การเข้าถึงเพิ่มเติมโดยประมาณที่คุณอาจได้รับจากผู้ชมที่ดูทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตร่วมกันในการตั้งค่ากลุ่ม ผู้ชมที่ดูร่วมกันหมายถึงการดูทีวีด้วยกันหลายคน
  • เปอร์เซ็นต์การเข้าถึงตามเป้าหมาย: เปอร์เซ็นต์โดยประมาณของคนในกลุ่มเป้าหมายที่ระบบคาดว่าแผนจะเข้าถึงได้โดยไม่นับรวมกับการเข้าถึงเพิ่มเติมจากผู้ชมที่ดูทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตร่วมกัน เปอร์เซ็นต์นี้รวมผู้คนทั้งหมดในสถานที่หนึ่งๆ หรือผู้ที่เพิ่งอยู่ในสถานที่นั้น ซึ่งรวมถึงผู้เข้าชมด้วย
  • ความถี่เฉลี่ย: จำนวนครั้งโดยเฉลี่ยที่คาดว่าผู้ชมจะดูโฆษณาของคุณในช่วงระยะเวลาการคาดการณ์ โดยคํานวณจากการแสดงผลตามเป้าหมายหารด้วยการเข้าถึงตามเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงผู้เข้าชม
  • ความถี่ตามเป้าหมายที่ต้องการ: จำนวนครั้งโดยเฉลี่ยที่คาดว่าผู้ชมจะดูโฆษณาของคุณในช่วงระยะเวลาการคาดการณ์ ซึ่งคํานวณจากการแสดงผลตามเป้าหมายหารด้วยการเข้าถึงตามเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงผู้เข้าชม
  • ยอดดู: จํานวนครั้งที่กลุ่มเป้าหมายดูโฆษณาส่วนใหญ่หรือทั้งหมด
  • CPM รวม: ราคาต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) ในการเข้าถึงทั้งหมดของแผน ไม่ใช่เพียงแค่การเข้าถึงภายในข้อมูลประชากรเป้าหมาย (การบรรลุเป้าหมาย)
  • CPM ตามเป้าหมาย: ราคาต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) ภายในกลุ่มเป้าหมาย (การบรรลุเป้าหมาย)
  • อัตรา Conversion (CvR): อัตรา Conversion คือจํานวน Conversion หารด้วยจํานวนการโต้ตอบกับโฆษณาทั้งหมด เช่น การดู การคลิก หรือการดูอย่างน้อย 10 วินาที (หรือระยะเวลาหากสั้นกว่านั้น) ในช่วงเวลาเดียวกัน
  • Conversions: จํานวนครั้งที่กลุ่มเป้าหมายดําเนินการจนเสร็จสิ้นหลังจากโต้ตอบกับโฆษณา Conversion จะเท่ากับจํานวนการมีส่วนร่วมกับโฆษณา เช่น การดู การคลิก หรือการดูอย่างน้อย 10 วินาที (หรือระยะเวลาหากสั้นกว่านั้น) คูณด้วยอัตรา Conversion

    หมายเหตุ: Reach Planner จะคาดการณ์จํานวนการโต้ตอบตามการตั้งค่าแผนโดยรวม แต่จะใช้อัตรา Conversion ที่คุณระบุเพื่อคํานวณ Conversion ทั้งหมด

  • CPA เฉลี่ย: ต้นทุนต่อหนึ่งการกระทำ (CPA) เฉลี่ยคือจํานวนเงินโดยเฉลี่ยที่คุณจ่ายสําหรับ Conversion 1 รายการ (เช่น ยอดขาย โอกาสในการขาย หรือการคลิกเว็บไซต์)
    • CPA เฉลี่ย = ต้นทุนของรูปแบบที่ทำให้เกิด Conversion / Conversion ทั้งหมดในแผน
  • CPV เฉลี่ย: ต้นทุนต่อการดูโดยเฉลี่ย (CPV) คือจํานวนเงินเฉลี่ยที่คุณจ่ายเมื่อผู้ชมดูวิดีโอของคุณ 30 วินาที (หรือระยะเวลาหากสั้นกว่านั้น) หรือมีส่วนร่วมกับวิดีโอ ขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดเกิดก่อน
    • CPV เฉลี่ย = ต้นทุนของรูปแบบที่ทำให้เกิดการดู / การดูทั้งหมดในแผน
  • คะแนนเรตติ้งเป้าหมาย (TRP): หรือที่เรียกว่าเรตติ้งรวม (GRP) ตามเป้าหมาย TRP จะคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์การเข้าถึงตามเป้าหมายคูณด้วยความถี่เฉลี่ย ตัวอย่างเช่น หากแผนการโฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ความถี่ 1 ดังนั้น TRP จะเท่ากับ 10 การคำนวณจะแตกต่างจาก GRP เพราะคุณกำลังพิจารณาจากผู้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์นั้น
  • ต้นทุนต่อการเข้าถึง: ต้นทุนที่คาดการณ์ทั้งหมดต่อการเข้าถึงข้อมูลประชากรในการเข้าถึงตามเป้าหมายของแผน ซึ่งคำนวณจากค่าใช้จ่ายสื่อที่คาดการณ์หารด้วยการเข้าถึงตามเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงผู้เข้าชม และค่าที่ได้รับผลกระทบจากการดูทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการตั้งค่ากลุ่ม
  • ต้นทุนที่ตั้งไว้ต่อคะแนนเรตติ้งเป้าหมาย (CPP): จำนวนเงินที่ใช้ไปเพื่อให้ได้ TRP 1 รายการในแคมเปญ CPP จะคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดหารด้วย TRP
  • การแสดงผลตามเป้าหมาย: จํานวนรวมของผู้ที่เห็นโฆษณาต่อผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ เพศ และสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่กําหนดไว้ของแคมเปญ (หรือที่เรียกว่า "กลุ่มเป้าหมาย") ซึ่งวางแผนว่าจะเข้าถึงได้
    • การแสดงผลเพิ่มเติม: ผู้คนมักดูด้วยกัน การแสดงผลเพิ่มเติมจะแสดงการแสดงผลเพิ่มเติมโดยประมาณที่คุณอาจได้รับจากผู้ชมที่ดูทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตร่วมกันในการตั้งค่ากลุ่ม
  • หน่วยที่เรียกเก็บเงินได้ทั้งหมด: จํานวนหน่วยที่คาดการณ์ไว้ซึ่งจะเรียกเก็บเงินจากคุณตามระยะเวลาแคมเปญและการกําหนดกลุ่มเป้าหมายที่คุณเลือก แต่ละหน่วยอาจแสดงการแสดงผลหรือยอดดู โดยขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกไว้
  • ประชากรจากการทำสำมะโนประชากร: จำนวนคนทั้งหมดในข้อมูลประชากรและสถานที่เป้าหมายโดยอ้างอิงจากข้อมูลการทำสำมะโนประชากร
  • ประชากรจากสื่อดิจิทัล: จำนวนคนทั้งหมดในข้อมูลประชากรและสถานที่เป้าหมายซึ่งได้รายงานว่าได้ใช้อินเทอร์เน็ตในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
  • ประชากรจากสื่อทีวี: จำนวนคนทั้งหมดในข้อมูลประชากรและสถานที่เป้าหมายซึ่งได้รายงานว่าได้ชมทีวีในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
  • ประชากรจากสื่อ YouTube: จำนวนคนทั้งหมดในกลุ่มเป้าหมายประชากรที่โฆษณาจะเข้าถึงได้ใน YouTube ในช่วงระยะเวลาโดยเฉลี่ย 30 วัน ระบบจะไม่แสดงประชากรของสถานที่ตั้งย่อยหรือกลุ่มเป้าหมาย
    และจะใช้จำนวนประชากรเพื่อคำนวณเมตริกต่างๆ อย่างเปอร์เซ็นต์การเข้าถึง และคะแนนเรตติ้งเป้าหมายเท่านั้น การเข้าถึงทั้งหมดของแผนจึงอาจมีจำนวนสูงกว่าขนาดประชากรที่เลือก

ความพร้อมให้บริการ

หมายเหตุ: Google หยุดแสดงโฆษณาจาก Google Ads แก่ผู้ใช้ในรัสเซียชั่วคราว จึงไม่สามารถสร้างหรือรีเฟรชการคาดการณ์ที่กําหนดเป้าหมายเป็นรัสเซียในตอนนี้ไม่ได้

Reach Planner มีให้บริการในประเทศต่อไปนี้

  • อเมริกา: อาร์เจนตินา บราซิล แคนาดา ชิลี โคลอมเบีย คอสตาริกา สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส เม็กซิโก นิการากัว ปานามา เปรู เปอร์โตริโก สหรัฐอเมริกา เวเนซุเอลา
  • ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา: ออสเตรีย บาห์เรน เบลเยียม บัลแกเรีย โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก อียิปต์ เยอรมนี กรีซ ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส ฮังการี อิสราเอล ไอร์แลนด์ อิตาลี เคนยา คูเวต ลัตเวีย เลบานอน ลิทัวเนีย โมร็อกโก เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย นอร์เวย์ โอมาน โปแลนด์ โปรตุเกส กาตาร์ โรมาเนีย ซาอุดีอาระเบีย เซอร์เบีย สโลวะเกีย สโลวีเนีย สเปน แอฟริกาใต้ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร ตุรกี ยูเครน
  • เอเชีย-แปซิฟิก: ออสเตรดลีย บังคลาเทศ อ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย เวียดนาม
หมายเหตุ: ข้อมูลจำนวนประชากรที่รับชมทีวีและ YouTube อาจไม่มีให้ใช้งานในการคาดการณ์สำหรับแผนการโฆษณา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศของคุณ

รูปแบบโฆษณาและอุปกรณ์ที่รองรับ

คุณสามารถเลือกเองว่าจะผสมผสานรูปแบบโฆษณาใดและเลือกงบประมาณสำหรับแต่ละรูปแบบโฆษณาได้ หรือให้ Reach Planner แนะนํารูปแบบโฆษณาโดยอิงตามเป้าหมายและครีเอทีฟโฆษณา ซึ่งทำได้สําหรับแคมเปญ YouTube เท่านั้น "แผนมาตรฐาน" จะแนะนํารูปแบบโฆษณาโดยพิจารณาจากเป้าหมายแคมเปญ เช่น การเข้าถึง การเล่นวิดีโอจนจบ ยอดดู และ Conversion ส่วน "แผนขั้นสูง" จะแนะนํารูปแบบโฆษณาโดยพิจารณาจากเป้าหมายแคมเปญ รวมถึงรูปแบบ CPA และรูปแบบที่ไม่ใช่ CPA ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนที่ครอบคลุม Funnel ทุกระดับได้ที่นี่ คุณสามารถ "สร้างโฆษณาผสมของคุณเอง" ในส่วนแผนขั้นสูงเพื่อปรับแต่งมุมมองหน้าแผนและการผสมรูปแบบโฆษณาตั้งแต่ต้น

ส่วนแคมเปญ YouTube และทีวี รูปแบบโฆษณาที่ใช้งานได้จะขึ้นอยู่กับตัวเลือกการกําหนดราคาที่คุณเลือก โปรดทราบว่าคุณสามารถแก้ไขและเพิ่มรูปแบบโฆษณาอื่นๆ ลงในแผนการโฆษณาในภายหลัง โฆษณาบางรูปแบบอาจไม่รองรับการคาดการณ์การดูร่วมกัน ในกรณีดังกล่าว "การเข้าถึงเพิ่มเติม" และ "การแสดงผลเพิ่มเติม" จะไม่รวมอยู่ในการคาดการณ์

กลยุทธ์การเสนอราคา รูปแบบโฆษณา รองรับในทีวีใน Reach Planner
ต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง (CPM)
  • แคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ (VRC)
  • โฆษณาบัมเปอร์
  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้
  • โฆษณาบัมเปอร์ + โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้
  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้
  • โฆษณา Masthead
ใช่
ต่อการดู (CPV)
  • แคมเปญยอดดูวิดีโอ (VVC)
  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้
  • โฆษณาวิดีโอในฟีด
ใช่
การจัดลำดับโฆษณาวิดีโอ (VAS)
  • โฆษณาบัมเปอร์
  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้
  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้
ใช่
ต่อการกระทำ (CPA)
  • แคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทำ (โฆษณาวิดีโอในสตรีมและในฟีด)
  • แคมเปญ Demand Gen (โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้, วิดีโอในฟีด, Shorts, ฟีดสำรวจ และ Gmail)
ใช่
การจอง (YouTube Select)
  • โฆษณาบัมเปอร์
  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้
  • โฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้ความยาว 30 วินาที
  • โฆษณา 30 วินาทีแบบข้ามไม่ได้
เฉพาะโฆษณาบัมเปอร์และโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้
การจอง (อื่นๆ)
  • โฆษณา Masthead
ใช่

แคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ (VRC) เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการเข้าถึงในพื้นที่สำหรับโฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้และข้ามไม่ได้ ในฟีด และ YouTube Shorts แคมเปญยอดดูวิดีโอ (VVC) เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อยอดดูในพื้นที่สำหรับโฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้ ในฟีด และ YouTube Shorts แคมเปญ Demand Gen เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อ Conversion ในพื้นที่สำหรับโฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้, วิดีโอในฟีด, Shorts, ฟีดสำรวจ และ Gmail

Reach Planner วัดการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ เดสก์ท็อป แท็บเล็ต และทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในทุกประเทศที่รองรับ YouTube

หมายเหตุ: รูปแบบโฆษณา YouTube Select มีให้บริการด้วยการจองเท่านั้น หากคุณสนใจที่จะดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้รูปแบบโฆษณา YouTube Select โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายดูแลลูกค้าของ Google

สําหรับการจัดลําดับโฆษณาวิดีโอ ในตอนนี้รองรับเพียงลำดับรูปแบบโฆษณาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถผสมรูปแบบโฆษณาได้ ขั้นตอนของลำดับรองรับ 2-5 ขั้นตอนในการสร้างความถี่


แพลตฟอร์ม

ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 เป็นต้นไป Reach Planner รองรับการคาดการณ์ระดับแพลตฟอร์มในแคมเปญเพื่อการเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพ หากระบบไม่รองรับการรวมแพลตฟอร์มด้านล่าง อินเทอร์เฟซจะไม่อนุญาตให้คุณเลือกและคาดการณ์รูปแบบโฆษณาเหล่านั้น

  • ในสตรีม (บัมเปอร์)
  • ในสตรีม (ข้ามได้)
  • ในฟีด
  • Shorts

ในหน้าการตั้งค่าแผน ให้เลือกไอคอนดินสอข้าง "แพลตฟอร์ม" ใต้รูปแบบโฆษณาเพื่อเปลี่ยนแพลตฟอร์มที่แคมเปญจะคาดการณ์ ในหน้าแผน ให้เลือก "แก้ไข" ข้างบรรทัดรายการโฆษณาของแคมเปญเพื่อปรับแพลตฟอร์มสําหรับการคาดการณ์

หมายเหตุ: ปัจจุบันการคาดการณ์ระดับแพลตฟอร์มใช้ได้กับแคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอเท่านั้น

ราคา

Reach Planner ทำให้คุณสามารถเลือกตัวเลือกการกําหนดราคาเมื่อสร้างแผนการโฆษณา โดยสามารถเลือกการกําหนดราคาแบบใดแบบหนึ่งต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและครีเอทีฟโฆษณาของคุณ

  • การประมูล: คุณจะเสนอราคาโฆษณาด้วย CPM, CPA หรือ CPV ที่ตั้งไว้
  • การจอง: คุณซื้อการแสดงผลตามจำนวนที่ตั้งเป้าไว้สำหรับ CPM แบบคงที่ "จองทันที" ใช้ได้เฉพาะกับแคมเปญ YouTube ที่ใช้โฆษณาบัมเปอร์ โฆษณาในสตรีมแบบข้ามได้ หรือโฆษณาในสตรีมแบบข้ามไม่ได้แบบ CPM เท่านั้น
  • เรตการ์ด: คุณจะได้รับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสําหรับรูปแบบโฆษณาพิเศษ (เช่น โฆษณา Masthead) หรือตําแหน่งโฆษณาบน YouTube Select

ประเภทกลุ่มเป้าหมายที่รองรับ

คุณสามารถเพิ่มข้อมูลประชากร เช่น อายุและเพศ รวมถึงกลุ่มเป้าหมายในการคาดการณ์แคมเปญเพื่อเข้าถึงผู้ใช้ตามคุณสมบัติ ความสนใจ พฤติกรรม สิ่งที่ค้นหาอยู่ หรือการโต้ตอบกับธุรกิจของคุณ ค้นหาหรือเรียกดูในส่วน "กลุ่มเป้าหมาย" ใน Reach Planner ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับวิธีใช้กลุ่มเป้าหมายในการสร้างแคมเปญ Google Ads ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายที่นี่

ประเภทกลุ่มเป้าหมาย กลุ่ม
ข้อมูลประชากร
  • อายุ
  • เพศ
  • สถานะความเป็นบิดามารดา
ความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้
สิ่งที่ผู้ใช้ตั้งใจหาข้อมูลหรือวางแผน
  • ผู้ที่มีแผนจะซื้อ
  • เหตุการณ์สำคัญในชีวิต
วิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับธุรกิจของคุณ
  • รายการรีมาร์เก็ตติ้งและรายการตามแท็ก
  • การจับคู่ข้อมูลลูกค้า (CRM, CM)
  • ผู้ใช้ YouTube (รีมาร์เก็ตติ้งช่อง รีมาร์เก็ตติ้งวิดีโอ)
กลุ่มที่กำหนดเอง
  • กลุ่มความสนใจที่กำหนดเอง
  • ความตั้งใจที่กำหนดเอง
อื่นๆ

กลุ่มเป้าหมายที่กําหนดเองจะอิงตามคีย์เวิร์ด (ความสนใจหรือพฤติกรรม) URL (ผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ที่คล้ายกัน) และแอป (ผู้ที่ใช้แอปที่คล้ายกัน)

หมายเหตุ: รายชื่อลูกค้าต้องเป็นไปตามเกณฑ์ต่อไปนี้จึงจะรวมไว้ในการคาดการณ์ได้
  • มีอายุอย่างน้อย 10 วัน
  • ระยะเวลาการเป็นสมาชิกเท่ากับหรือมากกว่า 30 วัน (หมายถึงระยะเวลาขั้นต่ำที่คุกกี้จะอยู่ในรายชื่อหลังจากที่เพิ่ม)
  • มีผู้ใช้ 10,000-700,000 รายในแคมเปญ Display หรือแคมเปญวิดีโอแต่ละรายการ

กลุ่มเป้าหมายที่แนะนำ

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024 ผู้ใช้บางกลุ่มจะดูคําแนะนําผู้สนใจและกลุ่มเป้าหมายที่มีแผนจะซื้อที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายการเข้าถึงของแผนได้ คลิก "ดูคําแนะนํา" หรือไอคอนหลอดไฟที่ด้านบนของหน้าแผน Reach Planner เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์

ระบบจะกำหนดการแนะนำกลุ่มเป้าหมายโดยรวมข้อมูลจากเครื่องมือค้นหาข้อมูลเชิงลึกเข้ากับข้อมูลการคาดการณ์ ข้อมูลจากเครื่องมือค้นหาข้อมูลเชิงลึกคำนึงถึงผู้ใช้ในกลุ่มเป้าหมายของแผน และค้นหากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่มีผู้ใช้ลักษณะคล้ายกันซึ่งคุณควรพิจารณากําหนดเป้าหมาย คําแนะนําจะแสดงต่อเมื่อมีกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มเมตริกของแผนได้ ความเกี่ยวข้องจะพิจารณาจากความคาบเกี่ยวระหว่างผู้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่แนะนํากับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของแผน ยิ่งมีความคาบเกี่ยวมาก ความเกี่ยวข้องก็ยิ่งสูง

ฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับเมตริกและแผนเพื่อกระตุ้นการรับรู้ การพิจารณา และการกระทำ รวมถึงใช้ได้กับกลุ่มเป้าหมายตามกลุ่มความสนใจและกลุ่มเป้าหมายที่มีแผนจะซื้อเท่านั้น ขณะนี้คุณเพิ่มคำแนะนำได้เพียงรายการเดียวลงในแผน


แนวทางปฏิบัติแนะนำ

การจัดสรรงบประมาณสําหรับแคมเปญและกลุ่มโฆษณาต่างๆ

เมื่อสร้างการคาดการณ์ Reach Planner จะสมมติว่าแต่ละแคมเปญมีกลุ่มโฆษณา 1 กลุ่มและรูปแบบโฆษณา 1 รูปแบบ โปรดตรวจสอบว่าได้สร้างแคมเปญแยกสําหรับแต่ละรูปแบบแล้วเมื่อคุณใช้แผน เมื่อสร้างแคมเปญใหม่ใน Google Ads ให้เลือก "สร้างแคมเปญโดยไม่มีคําแนะนําของเป้าหมาย" หากคุณสร้างแคมเปญที่แตกต่างไปจากแผน Reach Planner เมตริกต่างๆ ในการรายงานอาจแตกต่างไปจากเมตริกในการคาดการณ์

กำหนดอายุเป้าหมาย

Reach Planner ไม่รองรับการกำหนดเป้าหมายผู้เยาว์หรือกลุ่มอายุ 13-17 ปี การกำหนดอายุเป้าหมายทั้งหมดต้องกำหนดที่อายุ 18 ปีขึ้นไป หากคุณต้องการทําความเข้าใจการเข้าถึงโดยรวมของแคมเปญโดยไม่ได้ใช้การกำหนดอายุเป้าหมาย ให้เลือก "ทุกคน" ได้ในการตั้งค่าแผนการโฆษณา

เส้นโค้งการเข้าถึง

Reach Planner แสดงการเข้าถึงที่คาดว่าจะได้รับจากแผนการโฆษณาในรูปแบบของเส้นโค้ง และใช้หลายปัจจัยในการพิจารณาความยาวของเส้นโค้งการเข้าถึง (เช่น จำนวนพื้นที่โฆษณาที่เรามั่นใจมากกว่าจะมีให้แผนการโฆษณาของคุณได้ใช้) เส้นโค้งการเข้าถึงไม่ได้แสดงถึงจำนวนประชากรจากสื่อ YouTube ทั้งหมดหรือการใช้จ่ายที่มีให้ใช้ได้กับแคมเปญของคุณ จุดสุดท้ายของเส้นโค้งจะแสดงยอดการเข้าถึงโดยประมาณของแคมเปญ ไม่ใช่การเข้าถึงทั้งหมด

คุณไม่ควรสับสนระหว่างจุดการเข้าถึงสูงสุดกับการเข้าถึงด้านบรรณาธิการ (จำนวนคนทั้งหมดที่ดูเนื้อหา YouTube) ซึ่งมักแสดงโดยโซลูชันของอุตสาหกรรมอื่นๆ การเข้าถึงด้านบรรณาธิการครอบคลุมกว่าการเข้าถึงเชิงพาณิชย์หรือการเข้าถึงที่มีสิทธิ์สร้างรายได้ทั้งหมด จึงอาจสูงเกินการเข้าถึงสูงสุดของแคมเปญเดียว

เส้นโค้งยอดดู

Reach Planner แสดงยอดดูที่คาดว่าจะได้รับจากแผนการโฆษณาในรูปแบบของเส้นโค้ง โดยทั่วไป ความสัมพันธ์ระหว่างยอดดูกับงบประมาณเป็นแบบเชิงเส้นมากกว่า (เช่น กราฟแสดงเป็นเส้นตรง) เมื่อเทียบกับเส้นโค้งการเข้าถึงที่ราบเรียบขึ้นเมื่องบประมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากคุณเริ่มสร้างความถี่มากขึ้นแทนการเข้าถึงที่เพิ่มขึ้น (เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างงบประมาณกับการเข้าถึงไม่ใช่แบบเชิงเส้น) ตราบใดที่คุณยังใช้จ่ายตามงบประมาณ เราอาจคาดการณ์ว่ายอดดูจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในลักษณะเชิงเส้น

เส้นโค้ง Conversion

ความสัมพันธ์ระหว่างการคาดการณ์ Conversion และงบประมาณอาจดูต่างจากเส้นโค้งการเข้าถึงทั่วไป อัตรา Conversion ของคุณจะไม่ปรับโดยอัตโนมัติตามงบประมาณหรือการตั้งค่า ค่า CvR ที่คุณระบุจะมีผลตลอดความยาวของเส้นโค้ง คุณสามารถปรับอัตรา Conversion ด้วยตนเองได้ทุกเมื่อในแผงการตั้งค่า

ระบบจะแนะนำอัตรา Conversion คงที่ 2 อัตราเป็นค่าสูงและค่าต่ำ แคมเปญที่อิงตามการกระทำจะมีอัตรา Conversion ภายในขอบเขตดังกล่าว ซึ่งคล้ายกับการวางแผนใน Reach Planner นอกจากนี้ยังมีอัตรา Conversion ที่เคยแนะนําด้วยหากคุณวางแผนจะสร้างรหัสลูกค้าที่มีข้อมูล Conversion เพียงพอ

รายการช่อง

รายการช่องออกแบบมาเพื่อค้นหาการผสมผสานเนื้อหาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายและความรู้สึกเกี่ยวกับแบรนด์ การเพิ่มรายการช่องและกลุ่มเป้าหมายลงในแคมเปญเดียวกันช่วยสร้างการคาดการณ์ตามการทับซ้อนของ 2 รายการนี้ โปรดสร้าง 2 แคมเปญแยกกันภายในแผนเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการจํากัดพื้นที่โฆษณา

แคมเปญรายการช่องที่กําหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นทั้งรายการช่อง YouTube และพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google มีสิทธิ์แสดงในรายการช่อง YouTube ที่ระบุและพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google ทั้งหมด นําพาร์ทเนอร์วิดีโอของ Google ออกจากแคมเปญในหน้าแผนเพื่อกําหนดเป้าหมายไปที่รายการช่องที่คุณเลือกเท่านั้น

คุณเลือกเพิ่มรายการช่องได้ตามรหัสโดยใช้เครื่องมือเลือกรายการช่อง ตัวแทนของ Google สามารถช่วยคุณระบุรหัสรายการช่องแบบเจาะจงได้

หมายเหตุ: รายการช่องใช้ไม่ได้กับแคมเปญบางประเภทใน Google Ads เช่น Demand Gen และ Masthead รายการช่องของแคมเปญเหล่านี้ไม่มีใน Reach Planner

เครื่องมือการวางแผนของบุคคลที่สาม

Google มุ่งมั่นที่จะช่วยปรับปรุงความถูกต้องให้กับข้อมูลจากเครื่องมือของผู้ให้บริการอิสระ และทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการเหล่านั้นเพื่อให้การวางแผนของ YouTube เป็นไปอย่างครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้น หากใช้เครื่องมือการวางแผนอื่นๆ อยู่ คุณอาจสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างข้อมูลในเครื่องมือการวางแผนนั้นๆ และข้อมูลจาก Reach Planner ซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากวิธีการสำหรับ Reach Planner แตกต่างจากวิธีการของเครื่องมืออื่นๆ จึงนำไปสู่ความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เครื่องมือหลายอย่างจะช่วยวางแผนสำหรับการเข้าถึงด้านบรรณาธิการ (มักจะประกอบด้วยพื้นที่โฆษณาที่สร้างรายได้ไม่ได้) ในขณะที่ Reach Planner จะวางแผนสำหรับการเข้าถึงในเชิงพาณิชย์ (การเข้าถึงที่โฆษณาเข้าไปทำตลาดได้) ซึ่งผลลัพธ์ควรจะไปในทิศทางเดียวกัน

ความถี่เฉลี่ยและความถี่สูงสุด

ผู้ใช้อาจสังเกตเห็นว่าความถี่เฉลี่ยของแคมเปญสูงกว่าความถี่สูงสุดที่พวกเขาตั้งไว้ ปัจจุบัน YouTube รองรับความถี่สูงสุดสำหรับคุกกี้ ตัวอย่างเช่น คุกกี้แต่ละรายการจำกัดการแสดงผลได้ 3 ครั้งต่อบัญชีสำหรับผู้ที่เรียกดู YouTube บนอุปกรณ์หลายเครื่อง ตัวอย่างนี้จะพิจารณาจำนวนผู้ที่เห็นข้ามอุปกรณ์ และบางครั้งอาจมีการแสดงผลมากกว่า 3 ครั้งต่อผู้ใช้ Reach Planner ยังใช้ความถี่สูงสุดต่อรายการโฆษณาของแผน ดังนั้น การเข้าถึงของแคมเปญโดยรวมอาจมีขนาดใหญ่กว่าความถี่สูงสุด

หมายเหตุ: ความถี่สูงสุดไม่มีผลกับแคมเปญบางประเภทใน Google Ads เช่น Demand Gen และความถี่เป้าหมายที่ต้องการ ความถี่สูงสุดสำหรับแคมเปญเหล่านี้ไม่มีใน Reach Planner

ความถี่ที่มีประสิทธิภาพ

ผู้ลงโฆษณาบางรายพิจารณาจำนวนผู้ที่เห็นโฆษณาขั้นต่ำต่อกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้แคมเปญมีประสิทธิภาพสูงสุด จำนวนผู้ที่เห็นหรือการแสดงผลขั้นต่ำเรียกว่า "ความถี่ประสิทธิภาพสูงขั้นต่ำ" คุณสามารถรู้จำนวนผู้ที่เข้าถึงได้ที่ "ความถี่ประสิทธิภาพสูงขั้นต่ำ" ได้โดยการปรับเมนูแบบเลื่อนลง "1+ การบรรลุเป้าหมาย" ใน Reach Planner ตัวเลขที่คุณเลือก (ตั้งแต่ "1+" ถึง "10+") หมายถึงจำนวนผู้ที่เห็นโฆษณาตามจำนวนครั้งที่แสดง

ไม่มีเปอร์เซ็นต์การเข้าถึงหรือจำนวนประชากรรวมของแผน

ประชากรรวมและเปอร์เซ็นต์การเข้าถึง (% การเข้าถึง) ตามส่วนขยายจะถูกนำออกหากมีการเพิ่มชั้นการกำหนดเป้าหมายที่ไม่ใช่ข้อมูลประชากร (เช่น สถานะความเป็นบิดามารดา ผู้สนใจ และกลุ่มที่มีแผนจะซื้อ)

เปอร์เซ็นต์การเข้าถึงแสดงเป็นค่าของเป้าหมายที่เทียบกับประชากรตามข้อมูลประชากร เมื่อคุณเพิ่มการกำหนดเป้าหมายอื่นๆ Google Ads จะจับคู่การเข้าถึงของคุณกับจำนวนประชากรที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างไม่ได้อีกต่อไป Google Ads ต้องไฮไลต์การเข้าถึงตามจริงแทนเปอร์เซ็นต์การเข้าถึงของประชากรนั้นเนื่องจากความเห็นที่ไม่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับจำนวนคนที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็น "ผู้เลือกซื้อสินค้าหรูหรา" และจำนวนผู้ "ที่มีแผนจะเลือกซื้อเครื่องมือเครื่องใช้" ยังมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดอีกด้วย

อย่าทำการเปลี่ยนแปลงแคมเปญหลังเผยแพร่

เมื่อสร้างแคมเปญตามการตั้งค่าที่ระบุใน Reach Planner แล้ว การเปลี่ยนแปลงแคมเปญหลังจากเผยแพร่แล้วอาจทําให้ข้อมูลที่รายงานกับข้อมูลที่คาดการณ์ต่างกันยิ่งขึ้น


เกี่ยวกับการคาดการณ์ใน Reach Planner

Reach Planner ช่วยคาดการณ์ประสิทธิภาพของแผนการโฆษณาโดยอิงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ งบประมาณ และการตั้งค่าอื่นๆ เช่น สถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และรูปแบบโฆษณา ("ส่วนผสมผลิตภัณฑ์") การคาดการณ์ต่างๆ นั้นเป็นการประมาณตามแนวโน้มในตลาดโฆษณา รวมถึงประสิทธิภาพที่ผ่านมาของแคมเปญใกล้เคียงที่เคยลงไว้ นอกจากนี้ ยังอิงตามนโยบาย Google Ads ที่กำหนดไว้ในการตั้งค่า Reach Planner อีกด้วย

How forecasting works in Reach Planner

 

สําหรับคําบรรยายในภาษาของคุณ ให้เปิดคำบรรยายวิดีโอใน YouTube เลือกไอคอนการตั้งค่า รูปภาพไอคอนการตั้งค่า YouTube ที่ด้านล่างของวิดีโอเพลเยอร์ จากนั้นเลือก "คําบรรยาย" แล้วเลือกภาษา


 

หมายเหตุ
  • ในปี 2024 เราได้อัปเดตวิธีการทำงานของการเข้าถึงจากบุคคลที่หนึ่งสำหรับการประมาณทางภูมิศาสตร์ เพื่อพิจารณาความเคลื่อนไหวของผู้ใช้และผู้ชมระหว่างสถานที่ย่อยต่างๆ ผ่านทั้งสถานที่จริงและเสมือน (VPN) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google คำนวณการเข้าถึง
  • แคมเปญเกือบทุกประเภทใช้เมตริก Conversion ใน Reach Planner ได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 โดย Reach Planner จะใช้ประโยชน์จากอัตรา Conversion (CVR) ที่ได้จากผู้ใช้สำหรับแคมเปญที่อิงตามการกระทำ เพื่อช่วยระบุ CVR ของแคมเปญเพื่อการรับรู้และการพิจารณา เช่น แคมเปญเพื่อการเข้าถึงแบบวิดีโอ (VRC) และแคมเปญยอดดูวิดีโอ (VVC) สำหรับแผนที่ไม่มีแคมเปญที่อิงตามการกระทำ Google จะให้ CVR เริ่มต้นตามค่ามัธยฐานของทั้งพื้นที่โฆษณาสำหรับแคมเปญแต่ละประเภท
  • ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 เป็นต้นไป เมตริกการดูร่วมกันจะพร้อมให้ใช้งานใน Reach Planner การคาดการณ์จะรวมข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผลเพิ่มเติมและการเข้าถึงที่ได้มาจากผู้ใช้หลายคนที่ชมโฆษณาด้วยกันบนอุปกรณ์ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคาดการณ์ใน Reach Planner

เพื่อให้รู้เท่าทันแนวโน้มล่าสุด การคาดการณ์จึงอิงตามข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุดในช่วงเวลาเท่ากับที่วางแผนไว้ว่าจะลงแคมเปญ ซึ่งย้อนหลังไม่เกิน 92 วัน เช่น หากกำหนดไว้ว่าจะลงแคมเปญนาน 5 วัน ซึ่งคาบเกี่ยวกับทั้งวันธรรมดาและวันหยุด การคาดการณ์ก็จะอิงข้อมูลจากช่วง 5 วันที่ผ่านมาซึ่งคาบเกี่ยวกับทั้งวันธรรมดาและวันหยุดด้วยเช่นกัน

การคาดการณ์อาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาในกรณีที่แผนการโฆษณามีรูปแบบโฆษณาที่ใช้การประมูล เช่น โฆษณาในสตรีมของ YouTube ต้นทุนโดยรวมของการประมูลเพื่อแสดงโฆษณาที่ชนะอาจแตกต่างกันไปในช่วงต่างๆ ของปีที่คุณวางแผนลงโฆษณา (เช่น ในช่วงเทศกาลวันหยุด)

การอัปเดตรูปแบบ Unique Reach

เครื่องมือการคาดการณ์ของ Google เช่น Reach Planner จะคาดการณ์ประสิทธิภาพจากตัวอย่างข้อมูลโฆษณาที่ผ่านมา และจะปรับค่าประมาณอย่างสม่ำเสมอตามข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด

เราได้ปรับปรุงรูปแบบการเข้าถึงและข้อมูลประชากรที่เกี่ยวข้องด้วยแหล่งข้อมูลสํามะโนประชากร ประชากรจากสื่อดิจิทัล และประชากรจากสื่อ YouTube ที่อัปเดตใหม่ ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022

ในอนาคตเราจะติดตามดูประชากรต่างๆ เหล่านี้และรองรับการรีเฟรชทุกครึ่งปีต่อไป

การอัปเดตสํามะโนประชากร ประชากรจากสื่อดิจิทัล และประชากรจากสื่อ YouTube จะช่วยปรับปรุงความถูกต้องแม่นยําและความสอดคล้องโดยรวมของเครื่องมือการคาดการณ์ และจะมีการนำไปใช้ในเครื่องมือการวางแผน เช่น Reach Planner ด้วย โดยรวมแล้ว รูปแบบนี้จะแสดงให้เห็นภาพชุมชนผู้ใช้ YouTube ได้ดีขึ้น และจะช่วยให้คุณวางแผนแคมเปญได้ถูกต้องแม่นยํากว่าเดิม

การอัปเดตนี้อาจทำให้คุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของขนาดสํามะโนประชากร ประชากรจากสื่อดิจิทัล และประชากรจากสื่อ YouTube รวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการแจกแจงข้อมูลประชากรในบางประเทศ เมตริกบางประเภท เช่น เปอร์เซ็นต์การเข้าถึงตามเป้าหมาย คะแนนเรตติ้งเป้าหมาย (TRP) และต้นทุนที่ตั้งไว้ต่อคะแนนเรตติ้งเป้าหมาย (CPP) จะคํานวณจากค่าเหล่านี้ ซึ่งอาจทําให้เกิดความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ที่คล้ายกันที่สร้างขึ้นก่อนการอัปเดตนี้

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 เราได้ปรับปรุงโมเดล Unique Reach ให้รองรับการดูร่วมกันซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ใช้หลายคนดูโฆษณาร่วมกันบนอุปกรณ์ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ตอนนี้โมเดล Unique Reach จะรวมข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผลเพิ่มเติมและการเข้าถึงที่ได้มาจากการดูร่วมกัน เมื่อสร้างแผนการโฆษณา Reach Planner จะใช้เอาต์พุตของโมเดล Unique Reach นี้เพื่อคาดการณ์การแสดงผลเพิ่มเติมของการดูร่วมกัน โดยอิงตามข้อมูลประชากรของผู้ชมร่วมกันและการดูร่วมกันในระดับประเทศ การเปิดตัวนี้จะทําให้นักวางแผนได้มีโอกาสเห็นแคมเปญอย่างแม่นยํามากขึ้นและทําความคุ้นเคยกับการดูร่วมกัน เราตรวจสอบคุณภาพของการคาดการณ์เป็นระยะๆ โดยเปรียบเทียบกับรายงานแคมเปญและปรับโมเดลของเรา

คุณใช้ Reach Planner เพื่อคาดการณ์การแสดงผล การเข้าถึง และเมตริกตาม Conversion ในแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทํา (VAC) ใหม่ได้ เครื่องมือวางแผนประสิทธิภาพเหมาะกับประสิทธิภาพของแคมเปญ VAC ที่มีอยู่ซึ่งอิงตามข้อมูลย้อนหลัง ใช้ Reach Planner กับแคมเปญ VAC ใหม่ ซึ่งสามารถทํางานได้โดยไม่มีสัญญาณเกี่ยวกับครีเอทีฟโฆษณา, หน้า Landing Page, ประเภท Conversion ที่เฉพาะเจาะจง หรือความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาของคุณ นอกจากนี้ Reach Planner ยังสามารถคาดการณ์เมตริกที่ไม่ได้อิงตาม Conversion ได้อีกด้วย เช่น การเข้าถึงและความถี่

ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการคาดการณ์ Conversion

สำหรับแคมเปญที่อิงตามการกระทำ Reach Planner จะใช้วิธีการ Unique Reach ของ Google และอัตรา Conversion เพื่อพิจารณาการคาดการณ์ที่อิงตาม Conversion Conversion จะอิงตามอัตรา Conversion (CVR) คูณกับการโต้ตอบกับโฆษณา เช่น Conversion = "อัตรา Conversion" x "การโต้ตอบ"

สำหรับแคมเปญ CPA อัตรา Conversion คือ CVR ที่ผู้ใช้ป้อน สำหรับแคมเปญที่ไม่ใช่ CPA เช่น รูปแบบโฆษณาวิดีโอ CPM และ CPV ระบบจะประมาณอัตรา Conversion ตามประเภทรูปแบบโฆษณา หากแผนมี CVR ของแคมเปญ CPA เราจะนำไปพิจารณากับ CVR ที่ไม่ใช่ CPA เพื่อความแม่นยําที่สูงขึ้น แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น CVR จะอิงตามพื้นที่โฆษณาที่ผ่านมาของ YouTube ตามรูปแบบโฆษณา

อัตรา Conversion ที่ป้อนควรเหมาะสมกับงบประมาณแคมเปญแต่ละรายการ และปรับแต่งได้ในแผงการตั้งค่าสำหรับแต่ละแคมเปญหรือรายการโฆษณาแต่ละรายการ ซึ่งแสดงอยู่ด้านล่างของหน้าการคาดการณ์ของ Reach Planner

Reach Planner รองรับการประมาณอัตรา Conversion แบบไดนามิก โดยอัตรา Conversion ที่ระบุจะยึดตามงบประมาณแคมเปญที่ระบุ อัตรา Conversion จะเปลี่ยนแปลงตามงบประมาณที่เปลี่ยนแปลงไปตามเส้นโค้ง Conversion ซึ่งจะทำให้เส้นโค้ง Conversion ดู "ราบรื่นมากขึ้น" และพิจารณาผลตอบแทนที่ลดลงเมื่อระดับการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตรา Conversion จะแตกต่างกันตามงบประมาณที่เปลี่ยนแปลง จึงแนะนําให้ผู้ใช้ป้อน CVR ตามจํานวนเงินงบประมาณที่ต้องการ

การอัปเดตการคาดการณ์ Funnel ทุกระดับตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อมีการรวมแคมเปญเพื่อกระตุ้นการรับรู้ตามการเข้าถึงและความถี่ (CPM) แคมเปญเพื่อกระตุ้นการพิจารณาแบรนด์ตามยอดดู (CPV) และแคมเปญวิดีโอเพื่อกระตุ้นการกระทําตามการคลิกและ Conversion (CPA) อย่างน้อย 2 รายการไว้ในแผน Reach Planner จะพิจารณาทั้ง Unique Reach และการประมาณ Conversion ในการคาดการณ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Funnel ทุกระดับตั้งแต่ต้นจนจบใน Reach Planner


ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
14265422069287508426
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
73067
false
false
false