Google มีประวัติอันยาวนานในการนำเอาแนวทาง User First มาใช้ในทุกๆ สิ่งที่เราทำ ส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่เรามีต่อผู้ใช้คือ เราไม่เคยขายข้อมูลส่วนบุคคล และเรามอบความโปร่งใสและให้ผู้ใช้ควบคุมประสบการณ์ในการใช้งานโฆษณาผ่านเครื่องมือ เช่นบัญชีของฉัน ทำไมจึงแสดงโฆษณานี้ และซ่อนโฆษณานี้ นอกจากนี้ เรายังลงทุนในโครงการริเริ่มต่างๆ ด้วย เช่น กลุ่มความร่วมมือเพื่อโฆษณาที่ดีกว่า, Digital News Initiative, Google News Initiative และ ads.txt เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศโฆษณาที่ดีและยั่งยืนรวมทั้งช่วยผู้เผยแพร่โฆษณาให้เติบโต
กฎหมาย Lei Geral de Proteção de Dados (LGPD) คือกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ของบราซิลที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 สิงหาคม 2020 เป็นต้นไป กฎหมายนี้จะบังคับใช้กับการประมวลผลข้อมูลส่วนตัว ซึ่งอาจรวมถึงตัวระบุทางออนไลน์ของผู้ใช้ที่อยู่ในบราซิลด้วย เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ลงโฆษณา ผู้เผยแพร่โฆษณา และพาร์ทเนอร์รายอื่นๆ ในการปฏิบัติตาม LGPD และจะทำงานร่วมกับบุคคลเหล่านี้เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
LGPD มีแนวคิดหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับกฎระเบียบให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (GDPR) ในสหภาพยุโรป และผลิตภัณฑ์ของเราก็มีฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าปฏิบัติตามข้อกำหนด LGPD อยู่แล้ว เช่น ความสามารถในการแสดงโฆษณาที่ไม่ได้ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ และมีตัวเลือกอื่นๆ ในการประมวลผลข้อมูลโดยอิงตามสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้
บทความนี้จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราช่วยให้คุณปฏิบัติตามข้อกำหนด LGPD
การปรับปรุงสัญญา
เรามีข้อกำหนดด้านการปกป้องข้อมูลให้สอดคล้องกับ GDPR และกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียอยู่แล้ว ซึ่งข้อกำหนดของ GDPR ระบุบทบาทของ Google ว่าเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลหรือผู้ควบคุมข้อมูล เราจะปรับปรุงข้อกำหนดด้านการคุ้มครองข้อมูลที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมข้อกำหนดเฉพาะอื่นๆ ที่มีใน LGPD ด้วย โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 16 สิงหาคม 2020 เป็นต้นไป ทั้งนี้บทบาทของ Google ภายใต้ LGPD จะยังคงเป็นผู้ควบคุมข้อมูลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลของแต่ละผลิตภัณฑ์เช่นเดียวกับที่อยู่ภายใต้ GDPR เราจะรวมข้อกำหนด LGPD เข้ากับข้อกำหนดด้านการคุ้มครองข้อมูลที่มีอยู่แล้ว คุณจึงไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมเพื่อยอมรับข้อกำหนด LGPD หากมีข้อกำหนดด้านการคุ้มครองข้อมูลปัจจุบันระบุไว้ในสัญญาอยู่แล้ว
การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเทคโนโลยีโฆษณาบุคคลที่สาม
สําหรับการแสดงผลที่แสดงผ่าน Google Ad Manager, AdSense และ AdMob
เราคอยอัปเดตรายชื่อผู้ให้บริการเทคโนโลยีโฆษณาที่ดำเนินการต่อไปนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้เผยแพร่โฆษณา Ad Manager, AdSense และ AdMob ปฎิบัติตามข้อกำหนดของ LGPD
- แชร์ข้อมูลบางอย่างที่ LGPD กำหนด
- ระบุลิงก์ที่อธิบายการใช้งานข้อมูลที่ผู้เผยแพร่โฆษณาแชร์กับผู้ใช้ได้
- ตกลงที่จะปฏิบัติตามนโยบายการใช้งานข้อมูลของเรา
ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2020 การแสดงโฆษณาใน Ad Manager, AdSense หรือ AdMob ได้จํากัดไว้สำหรับผู้ให้บริการเทคโนโลยีโฆษณาที่ได้รับการรับรองชุดนี้เท่านั้นสําหรับคําขอโฆษณาใดๆ ที่มี IP อยู่ในบราซิล
การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้แคมเปญ Google Ads และ Display & Video 360 แสดงโฆษณาในบราซิลเฉพาะเมื่อผู้ให้บริการเทคโนโลยีโฆษณาที่ผู้ลงโฆษณาใช้อยู่ในรายชื่อผู้ให้บริการเทคโนโลยีโฆษณาสําหรับบราซิล ผู้ให้บริการที่ผู้ลงโฆษณาร่วมงานด้วยสามารถติดต่อ Google เพื่อขอรับการรับรองเพื่อให้รวมอยู่ในรายชื่อผู้ให้บริการเทคโนโลยีโฆษณาได้ หากยังไม่อยู่ในรายชื่อดังกล่าว
ดูข้อมูลเพิ่มเติมต่อไปนี้เกี่ยวกับวิธีที่เราใช้ข้อมูลใน Google Ads
การเก็บรวบรวม การลบ และการเก็บรักษาข้อมูล
นอกจากการปรับปรุงข้อกำหนด LGPD แล้ว เรายังวางแผนมอบการควบคุมในผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้ลูกค้าปฏิบัติตาม LGPD ได้อย่างเหมาะสม โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างเกี่ยวกับฟีเจอร์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้คุณปฏิบัติตาม LGPD หากคิดว่าคุณเข้าข่ายการบังคับใช้ LGPD เราขอแนะนำให้พูดคุยกับที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เพื่อประเมินว่าคุณต้องทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไหม
รายการกลุ่มเป้าหมายใน Google Ads
กลุ่มเป้าหมายในการจับคู่ข้อมูลลูกค้า: เราจะไม่เก็บไฟล์ข้อมูลที่ผู้ลงโฆษณาอัปโหลดนานเกินความจำเป็นในการสร้างกลุ่มเป้าหมายในการจับคู่ข้อมูลลูกค้าและรับประกันความสอดคล้องกับนโยบายของเรา (ดูวิธีที่ Google ใช้ข้อมูลการจับคู่ข้อมูลลูกค้า) เมื่อกระบวนการเหล่านั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว เราจะลบไฟล์ข้อมูลที่อัปโหลดผ่านอินเทอร์เฟซผู้ใช้หรือ API ทันที โปรดดูการอัปเดตรายชื่อลูกค้าสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีอัปเดตหรือแทนที่กลุ่มเป้าหมายในการจับคู่ข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่
รีมาร์เก็ตติ้งด้วยแท็ก Google Ads หรือ Floodlight: ผู้ลงโฆษณาจะควบคุมว่าจะเพิ่มหรือไม่เพิ่มผู้ใช้รายใดเข้าไปในรายการรีมาร์เก็ตติ้งและระยะเวลาที่ผู้ใช้จะอยู่ในรายการ หากใช้แท็ก Google Ads หรือ Floodlight tag (ใน Google Marketing Platform) เพื่อรีมาร์เก็ตติ้ง คุณก็มีหลายวิธีที่จะตรวจสอบว่าแท็กไม่ได้ทำงานกับผู้ใช้ที่ระบุว่าไม่ต้องการรับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ เราแนะนำให้พูดคุยกับผู้ดูแลเว็บเกี่ยวกับโซลูชันที่ใช้ได้ ซึ่งรวมถึง Google Tag Manager หรือแท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์ หากใช้แท็ก Google Analytics สำหรับรีมาร์เก็ตติ้งของ Google Ads โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนข้อมูล Google Analytics ด้านล่าง
ข้อมูล Google Analytics
Google Analytics มีฟีเจอร์และนโยบายที่ช่วยปกป้องข้อมูลของคุณอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะฟีเจอร์ต่อไปนี้ซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อการประเมินผลกระทบจากกฎระเบียบ LGPD เพื่อรับมือกับสถานการณ์รูปแบบต่างๆ รวมทั้งการใช้งาน Analytics ของบริษัท
- การเก็บรักษาข้อมูล: ใช้การควบคุมการเก็บรักษาข้อมูลเพื่อจัดการระยะเวลาในการเก็บข้อมูลผู้ใช้และเหตุการณ์บนเซิร์ฟเวอร์
- ผู้ใช้: คุณใช้ User Deletion API เพื่อจัดการการลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวระบุผู้ใช้แต่ละคน (เช่น ผู้เข้าชมเว็บไซต์) ได้จากพร็อพเพอร์ตี้ของ Google Analytics และ/หรือ Analytics 360
- พร็อพเพอร์ตี้และบัญชี: นอกจากนี้ลูกค้าของ Google Analytics ยังลบข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้และ/หรือลบบัญชีของตนได้เช่นกัน
- รีมาร์เก็ตติ้ง: ผู้ลงโฆษณาควบคุมได้ว่าจะเพิ่มหรือไม่เพิ่มผู้ใช้รายใดลงในรายการรีมาร์เก็ตติ้ง หากคุณใช้ Google Analytics ก็มั่นใจได้ว่าระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณากับผู้ใช้ที่ระบุว่าไม่ต้องการรับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ หากต้องการปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณารวมถึงฟีเจอร์การรายงานโฆษณาและรีมาร์เก็ตติ้งกับผู้ใช้กลุ่มดังกล่าว โปรดดูวิธีปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาในคู่มือฟีเจอร์ของดิสเพลย์
