บทความนี้อธิบายถึงวิธีตั้งค่าและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Performance Max หรือแคมเปญ Shopping เพื่อแสดงโฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน และตรวจสอบประสิทธิภาพของสินค้าคงคลังในร้าน
ก่อนเริ่มต้น
- คุณต้องมีแคมเปญ Performance Max หรือแคมเปญ Shopping ที่ใช้งานอยู่ในบัญชี Google Ads เพื่อแสดงโฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน หากยังไม่มี ให้สร้างแคมเปญในบัญชี Google Ads
- หากต้องการสร้างแคมเปญเพื่อโปรโมตสินค้าคงคลังในร้าน คุณต้องติดตั้งโฆษณาสินค้าคงคลังในร้านให้เสร็จ หากยังไม่ได้ดำเนินการ ให้ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโฆษณาสินค้าคงคลังในร้านที่เพื่อเริ่มต้นใช้งาน
- ลิงก์บัญชี Google Ads กับบัญชี Merchant Center เพื่อแสดงโฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีลิงก์บัญชี Google Ads กับ Merchant Center
วิธีการ
เปิดใช้โฆษณาสินค้าคงคลังในร้านในแคมเปญ
เข้าสู่ระบบบัญชี Google Ads แล้วเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้
ตัวเลือกที่ 1: แคมเปญ Performance Max
- คลิกชื่อแคมเปญ Performance Max ที่มีอยู่ หรือสร้างแคมเปญ Performance Max ใหม่หากยังไม่มี ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างแคมเปญ Performance Max
- หากมีฟีด Merchant Center ที่ลิงก์กับบัญชี Google Ads ให้เลือกบัญชี Merchant Center และประเทศสำหรับแคมเปญ Performance Max แล้วคลิกบันทึก หากมีการตั้งค่าฟีดสินค้าคงคลังในร้านภายในบัญชี Merchant Center โฆษณาสินค้าคงคลังในร้านจะแสดงโดยค่าเริ่มต้น
ตัวเลือกที่ 2: แคมเปญ Shopping
- คลิกชื่อแคมเปญ Shopping ที่มีอยู่หรือสร้างแคมเปญ Shopping ใหม่หากยังไม่มี
- ไปที่การตั้งค่า > การตั้งค่าแคมเปญ Shopping > ผลิตภัณฑ์ในร้าน จากนั้นเลือกช่อง "เปิดโฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ขายในร้านค้าในพื้นที่" แล้วคลิกบันทึก
แสดงสินค้าคงคลังในร้าน
ผลิตภัณฑ์ของคุณอาจปรากฎในโฆษณาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป 2-3 รูปแบบตามประเภทสินค้าคงคลังที่คุณส่งไปยัง Google คุณสามารถระบุรูปแบบโฆษณาที่ต้องการใช้สำหรับสินค้าคงคลังที่มีสิทธิ์ในแคมเปญได้
เลือกรูปแบบโฆษณา
สินค้าคงคลังออนไลน์เท่านั้น | คลังผลิตภัณฑ์หลายช่องทาง | สินค้าคงคลังในร้านเท่านั้น | |
เมื่อผู้เลือกซื้ออยู่ใกล้สถานที่ตั้งของหน้าร้านจริง | โฆษณา Shopping | โฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน | โฆษณาสินค้าคงคลังในร้าน |
เมื่อผู้เลือกซื้อไม่ได้อยู่ใกล้สถานที่ตั้งของหน้าร้านจริง | โฆษณา Shopping | โฆษณา Shopping |
ตรวจสอบประสิทธิภาพช่องทางในพื้นที่
หากโปรโมตผลิตภัณฑ์ที่ขายในสถานที่ตั้งกิจการที่มีหน้าร้านจริงและฟีดผลิตภัณฑ์ในร้าน คุณจะดูรายงานประสิทธิภาพระดับแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณาสำหรับช่องทางการช็อปปิ้งในพื้นที่ได้เมื่อคุณแบ่งกลุ่มรายงานตามประเภทการคลิก ช่องทาง หรือความมีเอกสิทธิ์ของช่องทาง
แบ่งกลุ่มตามประเภทการคลิก
เมื่อคุณแบ่งกลุ่มรายงานตามประเภทการคลิก เราจะแสดงข้อมูลสำหรับการคลิกที่แตกต่างกัน 2 ประเภท
ประเภทการคลิก
ชื่อของประเภทคลิก | ความหมาย |
Shopping - ผลิตภัณฑ์ - ออนไลน์ | คลิกโฆษณาที่แสดงผลิตภัณฑ์ออนไลน์ |
Shopping - ผลิตภัณฑ์ - ท้องถิ่น | คลิกโฆษณาที่แสดงผลิตภัณฑ์ในร้าน |
วิธีดูข้อมูลประสิทธิภาพในแคมเปญ Shopping มีดังนี้
- เลือกแคมเปญที่คุณสนใจใน Google Ads
- คลิกไอคอนกลุ่ม จากมุมมองแคมเปญหรือกลุ่มโฆษณา
- เลือกประเภทการคลิกจากเมนูแบบเลื่อนลง
นอกจากนี้คุณยังดาวน์โหลดรายงานที่แสดงตัวเลือกกลุ่มรายการเดียวหรือหลายรายการได้หลังจากที่เพิ่มกลุ่มลงในแคมเปญแล้ว โดยทำดังนี้
- คลิกดาวน์โหลดที่ด้านขวาบนของหน้าจอ
- เลือกตัวเลือกเพิ่มเติม
- พิมพ์ชื่อกลุ่มที่คุณสนใจในกลุ่ม
- เลือกช่องเพื่อรวมแถวชื่อ ช่วง และสรุป
- คลิกดาวน์โหลด
สําหรับแคมเปญ Performance Max ให้ใช้เครื่องมือแก้ไขรายงานเพื่อสร้างรายงานที่กําหนดเองโดยใส่คอลัมน์ "ช่องทาง" ไว้ด้วย หรือเพิ่มคอลัมน์ "ช่องทาง" ลงในการรายงานกลุ่มรายชื่อที่ระดับกลุ่มชิ้นงาน
สำหรับทั้งแคมเปญ Shopping และ Performance Max คุณจะใช้แท็บ "รายงาน" เพื่อสร้างรายงานที่กำหนดเองได้ด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างรายงานที่กำหนดเอง
ตั้งค่าตัวกรองสำหรับช่องทางและความมีเอกสิทธิ์ของช่องทาง
เมื่อเปิดใช้ผลิตภัณฑ์ในร้านในแคมเปญ Shopping แล้ว คุณจะตั้งค่าตัวกรองหรือแยกย่อยสินค้าคงคลังตามช่องทางและความมีเอกสิทธิ์ของช่องทางได้
- "ช่องทาง" จะแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามการมีจำหน่ายทางออนไลน์หรือในท้องถิ่น
- "ความมีเอกสิทธิ์ของช่องทาง" จะแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามการมีจำหน่ายในช่องทางใดช่องทางหนึ่งหรือทั้งสอง
- หากคุณตั้งค่าตัวกรองสินค้าคงคลังสำหรับ "ช่องทาง" เป็น "ร้านค้าในพื้นที่" และ "ความมีเอกสิทธิ์ของช่องทาง" เป็น "ช่องทางเดียว" แคมเปญก็จะรวมผลิตภัณฑ์ที่ขายเฉพาะในร้านค้าในพื้นที่เท่านั้น โดยไม่รวมช่องทางออนไลน์
วิธีแบ่งกลุ่มรายงานตามช่องทางและความมีเอกสิทธิ์ของช่องทางในเครื่องมือแก้ไขรายงาน
- จากบัญชีหรือแคมเปญใน Google Ads ให้ไปที่ "เครื่องมือแก้ไขรายงาน" ในส่วน "ข้อมูลเชิงลึกและรายงาน"
- คลิกรายงานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (เดิมคือมิติข้อมูล) แล้วคลิกรายงานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
- จากเมนู Shopping ให้เลือกรายงานที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและเพิ่มคอลัมน์ "ช่องทาง"
หรือจะใช้แท็บ "รายงาน" เพื่อสร้างรายงานที่กำหนดเองก็ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างรายงานที่กำหนดเอง